ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

คนเฒ่าเล่าขานตำนานคลองแห

เริ่มโดย วัช, 22:13 น. 02 ส.ค 54

วัช

คัดลอกและย่อมาจากเอกสารที่แจกในงานวันสร้าง "องค์พระทันใจ"
ในสมัยที่ก่อสร้างพระบรมธาตุ ที่นครศรีธรรมราช เมื่อก่อสร้างเสร็จ ก็จะมีพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และมีการเฉลิมฉลอง  ได้มีการส่งข่าวไปยังหัวเมืองต่างๆ  เช่นกลันตัน ไทรบุรี ตรังกานู เปอริส ก็ได้จัดขบวนมาร่วมพิธีมหาบุญ  บ้างก็ไปทางน้ำใช้เรือ ทางบกใช้ม้า ใช้เกวียน เดินเท้าฯลฯ  หัวเมืองกลันตันเดินทางทางเรือพร้อมด้วยแก้ว แหวนเงินทองของมีค่าที่ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเพื่อนำไปบรรจุในเจดีย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา  สิ่งของมีค่าได้บรรจุไว้ในไหบ้าง หีบบ้าง  ที่มีค่ามากบรรจุในนกคุ่มเงิน นกคุ่มทอง  มีความเชื่อว่านกคุ่มเป็นบ่อเกิดแห่งโชคลาภ และเพื่อพรางตาจากโจรผู้ร้ายเพราะดูคล้ายเครื่องประดับสวยงามบนเรือ  ตลอดทางได้ตีฆ้องร้องเป่าให้ผู้คนได้ร่วมโมทนาบุญ 
เมื่อล่องเรือมาถึงทางแยกสำคัญผิดคิดว่าเป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุด  พอล่องเรือมายิ่งไกลคลองยิ่งแคบจึงรู้ว่าหลงทิศผิดทาง  จึงหาที่หยุดพักค้างคืน  มาเจอพื้นที่เหมาะเป็นเกาะแก่งอยู่กลาง มีแม่น้ำสามสาย  สายหนึ่งมาจากทิศใต้ สายหนึ่งมาจากทิศตะวันตก  มาบรรจบกันเป็นสายน้ำไปทางทิศตะวันออก  รุ่งเช้าเตรียมเดินทางต่อ  บังเอิญมีขบวนม้าผ่านมาและทราบว่าเขากลับจากนครศรีฯลฯ  พิธีเสร็จสิ้นแล้ว  ไม่สามารถนำทรัพย์สมบัติบรรจุในองค์พระธาตุได้อีก  สร้างความเสียอกเสียใจให้กับนักบุญได้มีการประชุมกันเรื่องทรัพย์สมบัติว่าจะทำอย่างไร  บ้างก็ให้คืนเจ้าของ บ้างก็ว่าแบ่งกัน เสียงส่วนใหญ่จะไม่นำทรัพย์สินกลับ  จึงสมมติที่ตรงนี้เป็นประหนึ่งเจดีย์และฝังสิ่งของมีค่าทุกอย่างไว้เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา  ในไหเต็มไปด้วยของมีค่า  นกคุ่มเงินนกคุ่มทองบรรจุแก้วแหวนเงินทอง  มีการบูชาพระรัตนตรัย สวดสรรเสริญพุทธคุณ ธรรมคุณ  สังฆคุณ เพื่อระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า หลังจากนั้นมีการชุมนุมเทวดาเพื่อเชิญเทพเทวามาปกปักรักษาสิ่งของมีค่าอย่าให้มีใครนำไปใช้ส่วนตัว เพราะทุกอย่างถวายเป็นของสงฆ์แล้ว
มีคุณยายคนหนึ่งหยิบผ้าม้วนทูนขึ้นมาอธิษฐานและจิตเพ่งไปที่ผ้าม้วนทูน ประหนึ่งจะให้ผ้าม้วนทูนปิดปากไหเพื่อป้องกันสิ่งของที่อยู่ในไห  มีชายคนหนึ่งนำข้าวสารมาเสกแล้วหว่านไปรอบๆหลุม  มีผู้คงแก่เรียนคนหนึ่งเสกน้ำมนต์แล้วประพรมไปรอบๆ  หลังจากฝังสิ่งของทั้งหมดก็กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ร่วมปกปักรักษาทรัพย์  เช่นทวดขุนพิทักษ์ ณ เชียงใหม่ ทวดชี  ทวดดำ  ทวดโจร หลังจากนั้นได้นำฆ้องที่ชี้เป็นสัญญาณบอกบุญ มาอธิษฐานเป็นพุทธบูชา แล้วก็จมฆ้องลงในแม่น้ำนั้น  ชาวบ้านจึงเรียกชื่อตรงนั้นว่า "คลองฆ้องแห่" บริเวณที่ฝังนกคุ่มเงิน นกคุ่มทอง  ด้านบนมีสุมทุมพุ่มไม้ปกคลุมหนาแน่น คล้ายนกคุ่ม ชาวบ้านจึงว่า "โคกนกคุ่ม"
ต่อมาข่าวการฝังทรัพย์สมบัติ  ได้ทราบไปถึงฝรั่งนักล่าสมบัติ  โดยใช้ลายแทงในการสืบค้น  เมื่อมาถึงบริเวณที่บ่งบอกก็ลงมือขุด พอขุดได้พักหนึ่งก็เจอมดคันตัวใหญ่ออกมาเต็มไปหมดไม่สามารถขุดต่อได้  จึงให้หมอมาทำพิธี  มดที่เห็นกลับกลายเป็นข้าวสาร  เมื่อขุดต่อก็เจองูม้วนตัวอยู่ที่ปากไห  เมื่อหมอมาแก้งูกลายเป็นผ้าม้วนทูน  ชาวบ้านเรียกผ้าม้วนทูนยาย หลังจากนั้นทำการขุดต่ออีกปรากฏว่าฟ้ามืด  ลมกรรโชคแรง เกิดฝนห่าแก้วตกลงใส่พวกฝรั่งทำให้เกิดการเจ็บปวด น้ำฝนได้ชะเอาดินที่ขุดขึ้นมาไหลกลับไปในหลุมตามเดิม  หมอพยายามแก้ฝนห่าแก้วแต่ไม่สำเร็จจึงล้มเลิกการขุดและกลับไป
ต่อมา พ.ศ. 2260  มีการสร้างวัดบริเวณใกล้กับสถานที่ฝังทรัพย์สมบัติ  คือบริเวณแม่น้ำที่มาจากทิศใต้ (คลองเตย)มาประจบกับแม่น้ำที่มาจากทิศตะวันตก(คลองลาน) ไปทิศตะวันออก (คลองแห)
หลังจากที่ชาวบ้านอาศัยอยู่กันเป็นจำนวนมาก  ทางอำเภอให้มีการสำรวจเพื่อให้ตั้งชื่อหมู่บ้าน  โดยผู้ที่มาสำรวจมาจากเมืองกรุงพูดภาษากลาง เมื่อสอบถามชาวบ้าน ๆพูดสำเนียงปักใต้ ว่า "คลองฆ้องแห" จึงเขียนตามคำพูดว่า "คลองฆ้องแห" นานวันเข้าคนใต้พูดเร็ว  ทำให้เสียงคลองกับฆ้อง กล้ำกัน เมื่อพูดเร็วจะได้ยินว่า "คลองแห" ต่อมามีการตั้งชื่อว่าหมู่บ้าน คลองแห มาจนปัจจุบัน
เมื่อถึงวันโกน คือก่อนถึงวันพระ 1 วันอทางวัดจะตีกลองในตอนเย็น เพื่อเป็นสัญญาณให้ชาวบ้านรู้ว่าพรุ่งนี้เป็นวันพระ เรียกกลองที่ตีวันนั้นว่า "กลองธัมมสวนะ" ปรากฏว่าเมื่อเสียงกลองดังที่วัด  เสียงฆ้องจะดังที่โคกนกคุ่มด้วย เป็นอยู่อย่างนี้หลายครั้ง(คนที่ได้ยินเสียงฆ้องยังมีชีวิตอยู่)  บางครั้งฆ้องจะผุดขึ้นมาจากน้ำ ปรากฏให้ผู้คนเห็นและพระได้เห็นเป็นประจำ เขาเล่าว่ามีคนไปแอบซุ่มเพื่อจะจับฆ้องเวลาที่ฆ้องผุดขึ้นมาจากน้ำและกลิ้งขึ้นมาบนบก พวกแอบซุ่มอยู่ไล่จับ ฆ้องก็เลยกลิ้งลงแม่น้ำอีกฝั่งหนึ่งและหลังจากนั้นไม่ปรากฏให้เห็นและได้ยินเสียงอีกต่อไป
บริเวณโคกนกคุ่มเป็นพื้นที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ชาวบ้านให้ความนับถือยำเกรง มาก เพราะเคยปรากฏเหตุการณ์ต่างๆกับผู้ที่เคยเข้าไปกระทำการที่ผิดศีลธรรม  บริเวณพื้นที่โคกนกคุ่มมีข้อห้ามคือ ห้ามถ่มน้ำลาย ห้ามปัสสาวะ ห้ามพูดหยาบด่าพ่อด่าแม่  ห้ามทำลายต้นไม้  ปัจจุบันด้านในมีหลาทวดอยู่ 2 หลา คือหลาทวดชี กับหลาทวดนกคุ่ม  และมีหินศักดิ์สิทธิ์อยู่ 1 ก้อน บ่งบอกถึงที่ฝั่งทรัพย์สมบัติ  สิ่งที่เห็นเป็นประจำ คืองูเห่า งูจงอาง ซึ่งเชื่อว่าเป็นบริวารของทวดดำ ซึ่งคอยปกปักรักษาพื้นที่
ขณะนี้ทางวัดได้ซื้อที่ดินบริเวณข้างโคกนกคุ่ม สำหรับสร้างพระเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ดินประมาณ 5ไร่เศษ ราคา  4,800,000 บาท  ทางวัดจ่ายไปแล้ว 2,500,000 บาท ยังคงค้างอยู่ 2,300,000 บาท มีกำหนดจ่ายส่วนที่เหลือปราณเดือนธันวาคม  ทางวัดรับบริจาคจากผู้ใจบุญตามกำลังศรัทธา หรือตารางเมตรละ 1,000 บาท ติดต่อที่พระครูปลัดสมพร ฐานธมโม  เจ้าอาวาสวัดคลองแห 081-9905604

วัช

บทประพันธ์สร้างพระทันใจ "วัดคลองแห"
โดย อาจารย์ชีพ  แก้วนิล
.............................

พุทธทำนายทายทักเป็นหลักใหญ่      จะเกิดภัยมหันต์ขั้นล้างโลก
หวังล้างบางคนสร้างกรรมนำทุกข์โศก      ทำลายโลกทำลายธรรมที่ค้ำจุน
   ปีสองพันห้าร้อยห้าสิบหก      น่าวิตกโลกวิบัติเปลี่ยนทางหมุน
พื้นดินแยกแตกสลายแผ่นดินพรุน         ทะเลหนุนเขาถล่มจมหายไป
   เกิดฟ้าแดงแรงลมถล่มโลก      พื้นโขยกภูเขาแยกแผ่นดินไหว
เกิดคลื่นยักษ์ถาโถมเกิดเปลวไฟ         เผาลุกไหม้เป็นไฟประลัยกัลป์
   มวลมนุษย์ดับดิ้นสิ้นสลาย      คงเหลือไว้แต่คนดีดั่งคัดสรรค์
จบสิ้นพุทธกาลอย่างฉับพลัน         ต้องแปรผันเข้ายุกต์พระศรีอารย์
   คงเหลือแต่ผู้มีบุญมีคุณล้น      เป็นผู้พ้นจากตัณหามาต่อต้าน
คอยส่งเสริมเติมแต่งพระศรีอารย์         ปราบหมู่มารหนีกรรมทำแต่บุญ   
   ทั้งออสตราดามุส พุทธทำนาย      ต่างกล่าวไว้ตรงกันแกนโลกหมุน
เกิดโลกาวินาศ อุกาบาท ชน         ให้โลกป่นโลกแยกแตกเป็นจุลย์
   พุทธานุภาพที่สร้างเป็นทางแก้      ให้ผันแปลสร้างบุญพา มาเกิดหนุน
ให้คนดีมีทั้งบาง สร้างแต่บุญ         บุญอุดหนุน บุญค้ำนำโลกา
   พุทธานุภาพอีกทางสร้างพระใหญ่      พระทันใจปูทางสร้างสาขา
ทั่วประเทศเขตไทย ภัยคลาดครา         ในโลกาเหลือเพียงเขตประเทศไทย
   ในภาคใต้เจอใหญ่ภัยพิบัติ      แสนสาหัสทั่วถิ่นแผ่นดินไหว
คลื่นถาโถมโคลนทับอย่างฉับไว         ดินหายไปกลายเป็นเช่นทะเล
   อาจารย์ทิพากรท่านนั่งตั้งสติ      สมาธิให้สร้างทางหักเห
ร่วมสร้างบุญหนุนนำให้ถ่ายเท         คลื่นทะเลโคลนถล่มจมหายไป
   ให้สร้างพระทันใจ ยี่สิบองค์      เจตจำนงเพื่อสร้างทางสดใส
สร้างแล้วเสร็จหกองค์อย่างจงใจ         เพื่อกันภัยเพื่อปกป้อง จึงต้องทำ   
   องค์ที่เจ็ดกำหนดการงานขึ้นแล้ว      ราชาฤกษ์ผ่องแผ้วสิบสามค่ำ
วางรากฐานองค์พระเป็นลำนำ         ทุกคืนค่ำหวังให้เสร็จสำเร็จลง
   ได้ฤกษ์ดี สร้อยสามจันทร์เป็นวันเลิศ   แสนประเสริฐต้องตามความประสงค์
แปด แรมสาม วางฤกษ์ตามจำนง         ทั้งพระสงค์ ทั้งพราหมณ์ แสนงามตา
   ทั้ง สส อบจ มาร่วมงาน         เป็นประธานร่วมสร้าง อย่างถ้วนหน้า   
เสียงฆ้อง กลอง ระฆัง กระหึ่มมา         ตามเวลาฤกษ์เปิด เป็นเลิศวัน
   ผู้แสวงบุญ พรั่งพรูทุกหมู่เหล่า      ที่ทราบข่าวต่างปรีด์เปรมเกษมสันต์
ร่วมพิธีวางศิลาฯทั่วหน้ากัน         นั่งสวดมนต์ข้ามวัน ข้ามราตรี
   วัดคลองแหตกลงองค์ที่เจ็ด      เมื่อฐานเสร็จต่างปรีด์เปรมเกษมศรี
ได้สร้างพระทันใจ คู่เจดีย์            บารมีมาก มากล้น พ้นประมาณ
   สถานที่ก่อสร้างแสนศักดิ์สิทธิ์      มีเทพไท้ทุกทิศรอบทุกด้าน
มีประวัติเล่ามากันช้านาน            พระอธิการจึงหาทางสร้างเจดีย์
   โคกนกคุ่ม คนทุกหมู่ต่างรู้จัก      มีท่านขุนพิทักษ์ เป็นเจ้าที่
ทั้งทวดดำ ทวดโจร และทวดชี         บารมีแข็งกล้า มาช้านาน
   อดีตกาลหัวเมืองใหญ่ในภาคใต้      คงจำได้ ประวัติศาสตร์ มีมาตรฐาน
นครศรีได้ปกครองมาช้านาน         แผ่ไพศาล คุมทุกเขต ป้องเภทภัย
   ทางใต้สุด ถึงกะลันตัน ไทรบุรี      ครองพื้นที่แผ่ตามความยิ่งใหญ่
หัวเมืองเล็กต้องเอาอกต้องเอาใจ         ให้เมืองใหญ่ไม่กระทำมาย่ำยี
   เมื่อครั้งสร้างพระธาตุเมืองนคร      เจ้าเมืองเล็กต่างจรจากหลายที่
ทั้งเจ้าเมืองกะลันตัน ไทรบุรี         ต่างเห็นดีนำทองหยอง ที่ต้องการ
   หวังได้ไปบรรจุในพระธาตุ      เป็นเครื่องราษฎร์นำไปดั่งไขขาน
พลพรรคเดินทางเรือมาช้านาน         ไม่ทันการกำหนดสร้าง หนทางไกล
   เมื่อมาถึงคลองแหก็ทราบข่าว      ถึงเรื่องราวสร้างพระธาตุที่เมืองใหญ่
ได้แล้วเสร็จ ไม่ทันกาลดั่งตั้งใจ         ขบวนใหญ่จึงหยุดการเดินทาง
   ทั้งข้าวของ ฆ้องแห่ที่นำมา      หวังนำพาก่อเจดีย์ที่ต้องสร้าง
ของทั้งหมดฝังไว้เพียงครึ่งทาง         ไม่ได้สร้างเจดีย์ที่ต้องการ
   ถุงเงินทองทำไว้ คล้ายนกคุ่ม      แสนกลัดกลุ้มไม่นำกลับถิ่นฐาน
ฝังเงินทอง ฆ้องแห่ด้วยมนต์มาร         กระทำการฝังไว้ด้วยมนตรา
   พื้นที่นี้จึงเรียก "คลองฆ้องแห่"      คนเฒ่าแก่เล่าให้ฟังไม่กังขา
ได้เรียกชื่อล้อเลียนเพี้ยนกันมา         จนชื่อว่า "คลองแห" แปลเปลี่ยนไป
   ที่ฝังทรัพย์ เรียก "โคกนกคุ่ม"      เรียกเหมือนกลุ่ม ถุงสำรับทรัพย์ที่ใส่
ตามตำนานเล่ามาแสนยาวไกล         ไม่มีใครนำทรัพย์กลับคืนมา
   ท่านพระครูปลัดฯวัดคลองแห      จึงคิดแก้ หนทางสร้างปัญหา
ซื้อที่ดินฝังทรัพย์กลับคืนมา         ให้วัดวาดูแลแปลเปลี่ยนไป
   หวังให้ดวงวิญญาณเจ้าของทรัพย์      พึงได้รับอานิสงค์อันยิ่งใหญ่
ทรัพย์ที่ฝังสร้างเจดีย์ ตามตั้งใจ         คิดการใหญ่ กำหนดทางสร้างเจดีย์
   ด้วยบุญเดิมเสริมสร้างทางที่คิด      เหมือนดั่งฟ้าลิขิตให้เข้าที่
โคกนกคุ่มเป็นที่ทางสร้างเจดีย์         บุญบารมีเป็นคู่สร้างแต่ทางใด
   อาจารย์ชีพเข้ามาหารือท่าน      กระทำการหาทางสร้างพระใหญ่
ชื่อองค์พระที่สร้าง "พระทันใจ"         จึงได้ไปดูที่ทางสร้างเจดีย์
   ทั้ง อาจารย์จรูญและพี่จัด         เป็นกรรมการของวัดไปดูที่
ต่างเห็นพ้องต้องกัน ว่าเข้าที         สร้างเจดีย์คู่ กะ "พระทันใจ"
   มีปัญหาเรื่องทางไปสร้างพระ      ไม่ลดละหาวิธี คิดแก้ไข
มีลำคลองพาดขวางทางที่ไป         เกิดงานใหญ่คือเงินตรา สร้างสะพาน
   ฝ่ายพี่จัดเอ่ยบอกว่าออกเหล็ก      สร้างสะพานเล็กๆเพียงเดินผ่าน
อาจารย์มานพ น้องแมว เร่งจัดการ         วิ่งหางบสร้างสะพานจากนักบุญ
   ในวงเงินตั้งไว้ห้าหมื่นบาท      เงินที่ขาดหาจุนเจือมาเกื้อหนุน
ในไม่ช้าได้เงินจากนักบุญ         มาอุดหนุนร่วมทางสร้างสะพาน
   รวมวงเงินมาได้สองหมื่นสาม      เป็นไปตามเจตนาดั่งว่าขาน
จึงเริ่มต้นได้งบสร้างสะพาน         รีบจัดการนำถวายให้ทันที
   เจ้าอาวาส หาวิธีที่จะสร้าง      หาหนทางหวังไปให้ถึงที่
ตัดสินใจเล่าความตามที่มี         ขอพื้นที่ก่อสร้างหนทางไป
   คุณบุญชด ลัภบุญ เจ้าของที่      เมื่อรู้เรื่องก็ยินดียกที่ให้
เรื่องก่อสร้างสะพานจึงหยุดไป         งบที่ได้มาก่อสร้างหนทางเดิน
   เหมือนดั่งบุญบารมีที่เคยทำ      บุญหนุนนำ เปิดทาง ไม่ห่างเหิน
บุญช่วยเสริม คนช่วยสร้างให้งานเดิน      แม้เผชิญปัญหา มายาวนาน
   สามสิบเอ็ดกรกฎา วันอาทิตย์      วันประดิษฐ์ พระทันใจ ดังไขขาน
ขึ้นหนึ่งค่ำ เดือนเก้า เป็นวันงาน         ประดิษฐ์ฐานพระทันใจ ในวันเดียว
   เริ่มตั้งแต่ตีห้า ฟ้าเริ่มเปิด         สุดประเสริฐ แสงสาดจ้า เห็นฟ้าเขียว
หมู่นักบุญ ร่วมร่อนทราย ตัวเป็นเกลียว      คนละเที่ยวสองเที่ยว ผลัดเปลี่ยนไป
   บ้างนำอิฐหมุนเวียนมาเขียนชื่อ      เพราะเชื่อถือ ว่าทำให้ ได้บุญใหญ่
ทั้งชื่อพ่อ ชื่อแม่ เขียนลงไป         ช่วยทำให้ส่งสุขไปทุกกาล
   บ้างขนทรายลงกระบะมากวนปูน      ช่วยเพิ่มพูนความมั่นคงลงรากฐาน
ทั้งครอบครัว ทั้งหน้าที่และการงาน      จะบันดาลให้ถึงขั้น ที่มั่นคง
   บ้างขนปูน ขนทรายส่งให้ช่าง      บ้างก็นั่งช่างประดิษฐ์คิดแล้วหลง
เอาปูนปั้นปาเป้าดูแล้วงง            เอาเหล็กลงวางอิฐบิดไปมา
   สองชั่วโมงเริ่มเห็นเป็นรูปร่าง      มองด้านข้างเห็นเหล็กตั้งทั้งซ้ายขวา
เข่าสองข้างเริ่มถ่าง ขวางออกมา         เหมือนดั่งว่าเข่างอพอเข้าใจ
   ส่วนข้างหน้ามีบายศรี เห็นถนัด      มองเห็นชัดชุดบายศรี่ยิ่งใหญ่
บายศรีนาคเจ็ดเศียรเวียนวนไป         ทั้งกว้างใหญ่อยู่ด้านหน้าสง่างาม
   บายศรีเทพ บายศรีพรหม ดูกลมกลืน   แสนสดชื่น มองเด่นเป็นง่ามง่าม
ธรรมจักร ต้นตอและปากชาม         ช่างสวยงามดูสง่า บารมี
   ญาติธรรมมากมายได้ซักถาม      ให้ไขความที่เกี่ยวข้องของบายศรี
ทั้งเจ็ดอย่างต้องสร้าง ให้ดูดี         เพราะเป็นที่ประทับทรง องค์เทวัน
   ก่อนเปิดบุญต้องบอกกล่าวเทพทุกท่าน   เชิญเทพไท้ เทวัน ทั่วถ้วนหน้า
ทั้งอินทร์  พรหม  ยม  นาค ไอยรา         เชิญท่านมาทั่วทั้งปฐพี
   เมื่อครั้งถึงวันงานการที่จัด      สารพัดจัดไว้ทุกบายศรี
นาค เทพ พรหม ต้นตอ บารมี         ไว้เป็นที่ประทับรับเทวัน
   ถัดลงไปมีผลไม้ถวายเทพ         สิ่งงดเสพ ห้ามถวายไว้ด้านหน้า
ทั้งของหวานของคาว ห้ามนำพา         ถวายเทพเทวาเมื่อเปิดบุญ