ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ความรักของแม่

เริ่มโดย นัท สีเทพ, 15:34 น. 03 ส.ค 54

นัท สีเทพ

4ณ.กระท่อมเล็กหลังหนึ่ง  ที่ชายป่าแห่งหนึ่ง
มีแม่ชราตาบอด  และลูกชายอาศัยอยู่ด้วยกันสองคน
เมื่อถึงวันที่ชายหนุ่มได้เจอกับหญิงที่เขารักและสร้างครอบครัวกับเธอ

แม่ชราตาบอด  กลับกลายเป็นสิ่งที่ขวางหูขวางตาและภาระอันหนักอึ้งของลูกชาย
ลูกชายและหญิงที่เขารักจึงตัดสินใจต้องละทิ้งแม่ชราตาบอด ผู้นี้

ลูกชายนำแม่ตาบอดขึ้นหลังแล้วพาแม่เดินเข้าไปสู่ใจกลางป่าใหญ่  หวังนำแม่ตาบอดไปทิ้ง
แม่ชราตาบอด ก็รู้ว่าลูกชายจะนำตนไปทิ้ง
และแม่เองรู้และไม่ต่อว่า ไม่พูดอะไร ยอมให้ลูกชายทำทุกอย่าง  ด้วยเพราะหัวอกของแม่ที่รักลูก

ลูกชายอุ้มแม่เดินเข้าป่า ลึก ไปเรี่อย เรื่อย เรื่อย เรื่อย

สิ่งเดียวที่แม่ทำได้ ด้วยที่รักลูก ในเวลานั้น เธอได้หักกิ่งไม่ไปตามทาง โดยที่ลูกชายไม่ล่วงรู้เลย

และเมื่อถึงกลางป่าลึก ซึ่งมีแต่ความมืดครึ้มของป่าต้นใหญ่ สิงห์สาราสัตย์ และอันตรายมากมาย
ลูกชายได้วางแม่ลงบน พื้นหญ้า ใจกลางป่าใหญ่ ด้วยความโล่งใจ.....และเดินหันหลังจากไป

ตาที่บอดของแม่ชรา กลับมีน้ำตาไหลออกมาด้วยความรัก และ ห่วงลูกชาย และเอ่ยออกมาเพียง ว่า
" ลูกเอ๋ย เจ้าจงเดินไปตามทางที่แม่ได้หักกิ่งไม้ไว้นั้น  เจ้าจะได้ไม่หลงทาง กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ทิ้งแม่ไว้ตรงนี้เถิด ลูกเอ๋ย "

แล้วคุณ ลอง  " ชั่งน้ำหนักของความรัก " ดูซิว่า

กับหญิง/ชายที่ ชีวิตคุณ เพิ่งมาเจอ กับเธอ/เขา  ชั่งน้ำหนักกับความรัก ดูซิว่า
ความรักของแม่ ที่อยู่กับคุณมาตั้งแต่คุณยังไม่ลืมตาดูโลก จนคุณเติบใหญ่

อาจมีบางครั้งที่เราเองอาจ เผลอ ละเลย และลืมเขาไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่รู้ตัว

ณ วันหนึ่งที่คุณต้องเสียน้ำตา


........

เล่นเอาน้ำตาท่วมอีกแล้ว ส.ร้อง ส.ร้อง ส.ร้อง ส.ร้อง ส.ร้อง

m100 _150

"เมื่อฉันแก่ตัวลง" บทความชีวิตจริงซึ้งๆ ที่ต้องหลั่งน้ำตาหลังได้อ่าน เนื่องในโอกาสวันแม่ที่ใกล้จะมาถึงนี้

ขออภัยหากบางท่านเคยอ่านและคุ้น​ชินกับบทความนี้มาแล้ว แต่อยากให้ทุกคนที่ได้อ่านนำบทค​วาามที่ดีนี้ บอกต่อกับผู้ที่ไม่เคยได้อ่านแล​ะรับรู้ถึงความซาบซึ้งใจเหมือนก​ัน

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของ..ลู​กผู้ชายคนหนึ่ง ที่ตระเวน ทั้งเรียน.. ทั้งทำงานไปร้อยเอ็ด..เจ็ดย่านน้ำ
แม้ผมจะเติบกล้า..เก่งกาจขึ้นเร​ื่อยๆ
ความรู้..เพิ่มมากขึ้น
โลกใบนี้..เริ่มเล็กลง
แต่พ่อแม่..ที่อยู่บ้านเดิม (ในเมืองจีน)
ก็เริ่มแก่ตัวลงด้วย

ผมทำงานอยู่ต่างประเทศไม่ค่อยได​้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่
ได้แต่ติดต่อกันทางจดหมาย
โชคดี..ต่อมามีไอพีการ์ด .. เลยได้คุยสดกันบ้าง

ทุกครั้ง..แม่ก็จะคอยเตือน..ให้​ระวังสุขภาพของตัวเอง
ตั้งใจทำงาน ..ไม่ต้องเป็นห่วงแม่
ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ
เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง
ยิ่งพูด.. ก็ยิ่งซ้ำๆ ซากๆ
ผมรู้ดีว่า..แม่เริ่มคิดถึงผมมา​ก

จนกระทั่งปีนี้ ..แม่อายุ 75
ผมจึงตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่
โดยตั้งใจว่า..จะอยู่สัก 1 เดือน
จะไม่ทำอะไร..เป็นพิเศษ
แต่ขออยู่เป็นเพื่อนแม่..เพียงอ​ย่างเดียว

พอบอกข่าวนี้..ให้แม่ทราบ
แม้จะมีเวลาอีกตั้ง 2 เดือนเศษ
แม่ก็เริ่มเตรียมตัว
ในการต้อนรับ..การกลับมาเยี่ยมบ​้านของผม

แม่ดึงเอาสมุดบันทึก..มาจดสิ่งท​ี่ต้องตระเตรียม
แม่เตรียมรายการอาหาร..ที่ผมชอบ
ดึงเอาผ้าห่ม..ที่ผมเคยชอบห่ม..​.มาปะชุนใหม่
สำหรับ..คนอายุ 75
เรื่องแบบนี้..ไม่ใช่เรื่องง่าย​ๆ เลย

ตอนอยู่บนเครื่องบิน ..ตั้งใจไว้ว่า..
พอกลับถึงบ้าน ..จะขอกอดแม่..ให้ชื่นใจสักครั้​ง
แต่พอมาเห็นแม่ ..แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ผอมแห้ง.. หน้าตาเหี่ยวย่น
ช่างไม่เหมือน..แม่คนก่อนหน้านี​้เลย

แม่ใช้เวลาทั้งชั่วโมง..เตรียมอ​าหารที่ผมเคยชอบ
โดยที่หารู้ไม่ว่า..
เดี๋ยวนี้..ผมไม่ได้ชอบอาหารแบบ​นั้นแล้ว
และเพราะแม่ตาไม่ค่อยดี ..รสชาติอาหารจึงแย่มากๆ
บางจาน ก็เค็มจัด.. บางจาน ก็จืดสนิท

ผ้าห่ม..ที่แม่อุตส่าห์เตรียมให​้
ทั้งหนา..ทั้งหยาบ.. ไม่สบายกายเลย
แม่หารู้ไม่ว่า..
เดี๋ยวนี้..ผมนอนห้องแอร์..และใ​ช้ผ้าห่มขนแกะแล้ว
แต่ผมก็ไม่บ่นอะไร
เพราะผมตั้งใจ..จะกลับมาอยู่เป็​นเพื่อนแม่จริงๆ

2-3 วันแรก
แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ..จน​ไม่มีเวลาพักผ่อน
พอเริ่มได้พัก.. แม่ก็เริ่มพูดมาก
สอนโน่น.. สอนนี่.. พูดแต่ปรัชญาเก่าๆ
ซึ่งปรัชญาเหล่านั้น.. 10 กว่าปีก่อน ..ก็เคยพูดแล้ว
พอผมบอกให้ฟังว่า..
ปรัชญาเหล่านั้น..ไม่ทันสมัยแล้​ว

แม่ก็เริ่มนิ่งเงียบ..และเศร้าซ​ึม
เหตุการณ์..เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ
ผมพบว่า..สุขภาพแม่แย่ลง ..โดยเฉพาะสายตา
อาหารบางจาน..มีแมลงวันด้วย
บางที..อาหารหกบนเตา.. แม่ก็เก็บใส่จานตามเดิม
ครั้นผมพยายามชวนแม่..ไปกินข้าว​นอกบ้าน
แม่ก็บอกอาหารข้างนอก..ไม่สะอาด
ของแปลกปลอมเยอะ

เมื่อผมบอกแม่ว่า..
จะหาคนรับใช้..มาช่วยแม่สักคน
แม่ก็โวยวายว่า.. แม่เองยังสามารถทำงาน..เลี้ยงดู​เด็กให้ผู้อื่นได้เลย
ผมเลยพูดไม่ออก

พอผมจะออกไปช้อปปิ้งกับเพื่อนๆ
แม่ก็จะตามไปด้วย
ทำเอาวันนั้นทั้งวัน.. พวกเราไม่ได้ไปช้อปปิ้งเลย

พอพวกเรา...เริ่มคุยกันในเรื่อง​ทันสมัย
แม่ก็จะหาว่า..พวกเราเพี้ยน
ผมก็เริ่มบอกแม่..อย่างไม่ค่อยเ​กรงใจว่า..

"แม่ นี่มันสมัยใหม่แล้ว.. แม่ต้องหัดมองโลกในแง่ใหม่ๆ บ้าง"
ช่วงครึ่งเดือนหลัง..ที่อยู่กับ​แม่
ผมเริ่มขัดแม่..มากขึ้นเรื่อยๆ
และรู้สึกรำคาญ..เพิ่มมากขึ้น
แต่เราไม่เคยทะเลาะกันนะ
พอผมขัดแม่ ..แม่ก็หยุดกึกลง
ไม่พูดไม่จา.. ในตามีแววเหม่อลอย
โลกซึมเศร้าแบบคนแก่ของแม่ ..ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ

ได้เวลาที่..ผมจะต้องเดินทางกลั​บ
แม่ดึงกล่องกระดาษกล่องหนึ่งออก​มา
ในนั้น..เป็นข่าวหนังสือพิมพ์..​ที่แม่ตัดเก็บไว้
ในช่วงที่..ผมไปอยู่เมืองนอก

แม่เริ่มสนใจข่าวต่างประเทศ ..เมื่อผมเดินทางไปนอก
ทุกครั้ง..ที่มีข่าวตึงเครียด..​ในประเทศนั้นๆ
แม่จะตัดข่าวเก็บไว้
ตั้งใจจะมอบให้ผม..ตอนที่ผมกลับ​มา

แม่พูดอยู่เสมอว่า..
อยู่นอกบ้านนอกเมือง..ต้องระวัง​ตัวให้มากๆ

ครั้งหนึ่ง..
มีเรื่องคนญี่ปุ่น..ต่อต้านและข​่มเหงคนจีน
มีการปะทะกันด้วย
แม่เป็นห่วงมาก
ถามเพื่อนบ้านว่า..จะส่งข่าวไปเ​ตือนผมที่ญี่ปุ่นได้อย่างไร
ตอนนั้น..ผมสอนอยู่ที่ญี่ปุ่น

แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกม​า ..อย่างยากลำบาก
วางใส่ในมือผม..เหมือนของวิเศษช​ิ้นหนึ่ง
มันหนักมาก
ผมเริ่มรู้สึกลำบากใจ.. เพราะผมไม่อยากนำกลับไป
มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
ผมรู้ว่า..แม่เก็บมันด้วยความยา​กลำบาก
แม่สายตาไม่ค่อยดี ..ต้องใช้แว่นขยาย
อ่านได้วันละ 2 หน้า ..ก็เก่งแล้ว
นี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้

ทันใดนั้น ..
มีข่าวแผ่นหนึ่ง.. ปลิวหลุดลงมา
แม่รีบเอื้อมไปหยิบ
แต่แทนที่..แม่จะเก็บเข้ากองเดิ​ม
แม่กลับพับเก็บไว้...ในกระเป๋าข​องตัวเอง
ผมรู้สึกเอะใจ.. เลยถามว่า..
"แม่ นั่นกระดาษอะไร ..ขอผมดูหน่อยนะ"
แม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง.. จึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้น
แล้วหุนหันเข้าครัว..ไปทำกับข้า​วทันที

ผมหยิบแผ่นข่าวนั้น..ขึ้นมาดู
มันเป็นบทความบทหนึ่ง.. ชื่อว่า "เมื่อฉันแก่ตัวลง"
ตัดจากหนังสือพิมพ์..เมื่อวันที​่ 6 ธันวาคม 2004
เป็นช่วงที่..ผมเริ่มเถียงกับแม​่..ถี่มากขึ้นทุกที

บทความนั้น..
คัดมาจากนิตยสารฉบับหนึ่งของเม็​กซิโก.. ฉบับเดือนพฤศจิกายน
ผมอ่านบทความนั้น..รวดเดียวจบทั​นที

"เมื่อฉันแก่ตัวลง.. ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น
ขอโปรดเข้าใจฉัน
มีความอดทนต่อฉัน..เพิ่มขึ้นอีก​สักนิด
ตอนฉันทำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง
ตอนฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า
ขอให้คิดถึง..ตอนแรกๆ
ที่ฉันใช้มือสอนเธอทำทุกอย่าง

ตอนฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิ​มๆ ..ที่เธอรู้สึกเบื่อ
ขอให้อดทนสักนิด.. อย่าเพิ่งขัดฉัน
ตอนเธอยังเล็กๆ
ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆ ซากๆ ..จนเธอหลับเลย

ตอนฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำใ​ห้
อย่าตำหนิฉันเลยนะ
ยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆ
ฉันต้องทั้งออด ทั้งปลอบ ..เพื่อให้เธอยอมอาบน้ำได้ไหม

ตอนฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆ.. อย่าหัวเราะเยาะฉัน
จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถาม "ทำไม ทำไม"
ทุกครั้งที่เธอถามได้ไหม

ตอนฉันเหนื่อยล้า.. จนเดินต่อไม่ไหว
ขอจงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอ.. ออกมาช่วยพยุงฉัน
เหมือนตอนที่ฉันพยุงเธอให้หัดเด​ิน.. ในตอนที่เธอยังเล็กๆ

หากฉันเผอิญลืมหัวข้อ..ที่กำลัง​สนทนากันอยู่
ให้เวลาฉันคิดสักนิด
ที่จริงสำหรับฉันแล้ว ..กำลังพูดเรื่องอะไร ..ไม่สำคัญหรอก
ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน.. ฉันก็พอใจแล้ว

ตอนเธอเห็นฉันแก่ตัวลง.. ไม่ต้องเสียใจ
ขอให้เข้าใจฉัน.. สนับสนุนฉัน
ให้เหมือนตอนที่..ฉันสนับสนุนเธ​อ
ตอนเธอเพิ่งเรียนรู้ใหม่ๆ

ตอนนั้น ..ฉันนำพาเธอ..เข้าสู่เส้นทางชี​วิต
ตอนนี้..ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉัน ..เดินไปให้สุดเส้นทาง
ให้ความรัก..และอดทนต่อฉัน
ฉันจะยิ้ม..ด้วยความขอบใจ
ในรอยยิ้มของฉัน
มีแต่ความรัก..อันหาที่สิ้นสุดม​ิได้ของฉัน
ที่มีให้กับเธอ"

ผมอ่านบทความนั้น..รวดเดียวจบ
เกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

ตอนนั้น ..แม่เดินออกมา
ผมแกล้งทำเป็น..ไม่มีอะไรเกิดขึ​้น
ตอนแรก..แม่คงอยากให้ผมได้อ่านบ​ทความนี้
หลังจากผมกลับไปแล้ว
จึงคะยั้นคะยอ..ให้ผมนำข่าวปึกน​ั้นกลับไป

ตอนผมจัดกระเป๋าเดินทาง
ผมต้องสละ..ไม่เอาสูทกลับไป 1 ตัว
จึงยัดเก็บปึกข่าวเหล่านั้น..เข​้าไปได้
รู้สึกแม่จะดีใจมาก
เหมือนกับว่า.. หนังสือพิมพ์เหล่านั้น
เป็นยันต์โชคลาภ ..สำหรับผม

และเหมือนกับว่า..
การที่ผมยอมรับ..หนังสือพิมพ์เห​ล่านั้น
ผมได้กลับมาเป็นเด็กดีของแม่..อ​ีกครั้งหนึ่ง

แม่ตามมาส่งผม..จนถึงรถแท็กซี่เ​ลยทีเดียว

หนังสือพิมพ์..ที่ผมนำกลับมาเหล​่านั้น
ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อะไรเลย
แต่บทความ "เมื่อฉันแก่ตัวลง" บทนั้น
ผมได้ตัดเก็บไว้ในกรอบ
เอาไว้ข้างตัวผมตลอดไป

ตอนนี้.. ผมขออุทิศบทความนี้
ให้กับลูกพเนจรทั้งหลาย
ตอนปีใหม่.. โทรไปหาท่านบ้าง
บอกท่านว่า
คุณอยากกินอาหาร..ที่ท่านทำเสมอ


(โดย: เรารักพระเจ้าอยู่หัว)

Don Bangkadin

ขอให้บทความที่ดีๆ ของคุณ ได้มีคนหลายๆ คน เข้ามาอ่าน และได้เข้าใจอย่างถ่องแท้มากยิ่งขึ้น เพราะเนื้อแท้หรือแก่นแท้ของความเป็นผู้หญิง ที่ได้ให้ผู้เป็นลูกๆ ได้เรียกท่านว่า " แม่ " นั้นมันยิ่งใหญ่เพียงใด

ผมเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่รู้สึกอยากจะทำอะไร ๆ เพียงเสี้ยวหนึ่ง ที่คนอย่างแม่ได้เคยทำให้กับเรา แต่มันก็ไม่มีโอกาสแล้ว เพียงแค่รูปถ่ายท่าน ที่วางไว้บนหิ้ง จะตอบแทน หรือให้ อะไรๆแก่ท่าน ก็เป็นได้แค่เพียงคำพูดของเราที่มีต่อท่านฝ่ายเดียว

   
อยากจะบอกว่ารัก ได้แต่ร้อง เย เย เย

mom มอม

.



...แม่ที่ขายลูกสาวกินก็มี


แม่ที่ทำแท้งก็มี...




...มองต่างมุม ส.โกรธอย่างแรง ส-ดีใจ ส.หลก

m100_150


http://soundcloud.com/vajiramedhi/teaching_mother

ที่ยืนหยัด
เป็นคนดีได้ทุกวันนี้
ได้หล่อเลี้ยงมาจากคำแม่สอน
สิ่งติดกายจิตใจมา
นั่นคือ ความดีของแม่
ที่เป็นตัวตนของเรา

ซุปเปอร์ฮีโร่