ปฏิรูปพลังงาน คสช.ต้องเคลียร์ให้ชัดปตท.พลังไทยเพื่อใคร !!

[itplaza]

การปฏิรูปพลังงานกลายเป็นประเด็นร้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะเลี่ยงกันอย่างไรก็ไม่มีทางเลี่ยงพ้น ที่สำคัญประเด็นนี้จะกลายเป็นเรื่องแหลมคม มีผลต่อความศรัทธาของประชาชนที่มีกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียด้วย เพราะต้องไม่ลืมว่ากลุ่มที่เคลื่อนไหวให้มีการปฏิรูปพลังงานอย่างขนานใหญ่ที่กำลังเคลื่อนไหวในแนวหน้าล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มภาคประชาชนคนรุ่นใหม่ เป็นกลุ่มคนชั้นกลาง มีพื้นฐานความรู้ เป็นคนเมือง รวมไปถึงคนในต่างจังหวัดที่มีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาซึ่งคนพวกนี้ย่อมมีพลัง มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางโซเชียลมีเดีย จนสามารถสร้างพลังเครือข่ายออกไปอย่างขว้างขวางและรวดเร็ว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะประชาชนที่ได้รับรู้ข้อมูลตระหนักถึงความเดือดร้อนจากราคาพลังงานที่ไม่เป็นธรรม ทำให้รัฐไม่ได้รับประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย


       
       แน่นอนว่าจำเลยสำคัญของสังคมเป้าหมายย่อมไปอยู่ที่ ปตท.เพราะกลายเป็นผู้ผูกขาดในการผลิตและจำหน่ายพลังงานในประเทศ จนสร้างผลกำไรในแต่ละปีมากมายมหาศาล อย่างไรก็ดีกำไรจำนวนดังกล่าวหากตกเป็นของรัฐทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ก็อาจยังพอฟังได้บ้าง แต่ที่น่าเจ็บปวดก็คือต้องแบ่งผลกำไรให้กับกลุ่มทุนเอกชนที่เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องที่หลายคนรับไม่ได้ โดยเฉพาะธุรกิจของ ปตท.ที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ซึ่งเป็นเรื่องของความมั่นคงอย่างยิ่งยวด ที่ตกไปอยู่ในมือของเอกชน แต่ใช้ความเป็นธุรกิจของรัฐ ใช้ความเป็นรัฐวิสาหกิจมาผูกขาดหารายได้แล้วแบ่งผลกำไรออกไป
       
        เป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดของประชาชนที่ตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเชื่อว่าความตื่นตัวในลักษณะดังกล่าวจะขยายวงออกไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นว่าการปฏิรูปพลังงานกำลังายเป็น"วาระแห่งชาติ"ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ต้องดำเนินการ ส่วนผลจะออกมาแบบไหนนั้นเป็นอีกเรื่องที่ต้องติดตาม
       
       เวลานี้แทบทุกสายตากำลังจ้องมองไปที่กรรมการบริหารของ ปตท.ชุดใหม่จำนวน 6 รายที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาทดแทนคนเก่าของระบอบทักษิณ ที่ถูกกดดันให้ต้องลาออกไป ซึ่งนาทีนี้ต้องโฟกัสอยู่ที่สองสามรายหลัก เนื่องจากเชื่อว่ามีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงใน ปตท.ในอนาคตข้างหน้า ส่วนจะเปลี่ยนแปลงไปทางไหน และเพื่อไทยยังต้องติดตาม
       
       สามคนดังกล่าวอันประกอบด้วย ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงาน พรชัย รุจิประภา อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน และ คุรุจิต นาครทรรพ อดีตรองปลัดกระทรวงพลังงาน ซึ่งสองคนแรกมีโอกาสที่จะเข้ามาเป็นประธานบอร์ด ปตท.เสียด้วย แน่นอนว่าสังคมไม่ได้กังขาหรือไม่ยอมรับในเรื่องความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องพลังงาน ตรงกันข้ามยังยอมรับในเรื่องดังกล่าว และหาบุคคลประเภทนี้ยากเสียด้วย เพียงแต่ว่าไม่ไว้วางใจพวกเขาโดยเฉพาะ ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ที่มีมุมมองและทัศนคติเกี่ยวกับการแปรรูปด้านพลังงานแตกต่างออกไป ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2544 เขามีส่วนสำคัญในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ปตท.จากของรัฐร้อยเปอร์เซ็นต์มาแบ่งขายให้เอกชนในสัดส่วนอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ และที่ผ่านมาเขามีมีแนวโน้มสนับสนุนให้มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ตกเป็นของเอกชนทั้งหมดอีกด้วย
       
       แนวทางแบบนี้อาจมีหลายคนเห็นด้วย โดยอ้างเรื่องความคล่องตัว ป้องกันการล้วงลูกครอบงำจากนักการเมืองที่ต้องการแสวงหาประโยชน์จากธุรกิจของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งรัฐเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นใหญ่ แต่ในความหมายที่แท้จริงแล้วมันอาจเลวร้ายยิ่งกว่า หากรัฐวิสาหกิจที่แปรรูปไปเป็นของเอกชนร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน ซึ่งเป็นธุรกิจผูกขาด มันจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงขนาดไหน นอกเหนือจากคำถามที่ว่าที่ผ่านมามีการตีราคาสินทรัพย์ของ ปตท.ที่เคยเป็นทรัพย์สินของรัฐ ใช้งบประมาณของรัฐในการก่อสร้างจัดซื้ออุปกรณ์ทั้งที่เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งต่อมาเมื่อมีการแปรรูปกลับมีการตีราคาทรัพย์สินเหล่านั้นในราคาถูกแสนถูก
       
       นอกจากนี้ความไม่ไว้วางใจที่มีต่อ ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์อีกเรื่องหนึ่งก็คือเขาเป็นตัวแทนกลุ่มทุนพลังงานข้ามชาติหรือไม่ ขณะเดียวกันนอกเหนือจากเรื่องดังกล่าวแล้วยังมีเรื่องแนวความคิดตลาดเสรี การแข่งขันเสรีด้านพลังงานอ้างว่าจะทำให้ราคาพลังงานสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงตากลไกตลาดนั่นคือทำให้ราคาถูกลงในที่สุด แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่การแข่งขัน และกลายเป็นการผูกขาด ด้วยระบบคิดของเขา ที่เคยมีมาตั้งแต่ในอดีตตั้งแต่เมื่อเริ่มมีการแปรรูปขาย ปตท.ให้เอกชน และความคิดที่จะรวมกิจการไฟฟ้าทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าภูมิภาคเข้ามาบริหารในหน่วยงานเดียวกัน อ้างว่าเพื่อความคล่องตัวและทำใหัการบริหารต้นทุนด้านพลังงานทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลง ทุกอย่างล้วนเป็นคำถามว่าเขาทำเพื่อใคร และชาวบ้านส่วนใหญ่ได้ประโยชน์จริงหรือไม่ โดยสิ่งที่สะท้อนให้เห็นภาพชัดเจนที่สุดก็คือผลงานจากการแปรรูป ปตท.ในปัจจุบัน นั่นเอง
       
       คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กล่าวถึงกลุ่มที่ออกมาคัดค้านเขาไม่ให้เป็นบอร์ดปตท.ว่าไม่น่าแปลกใจ และเป็นกลุ่มคนเก่าๆที่บิดเบือนข้อมูลด้านพลังงาน แต่คำถามก็คือฝ่ายที่คัดค้านเขาในตอนนี้พวกเขามีผลประโยชน์อะไรในปตท.บ้างหรือไม่ แล้วทำไมข้อมูลของฝ่ายที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในเวลานี้จึงได้รับการยอมรับจากสังคมมากขึ้นเรื่อยๆและขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว และที่อ้างอยู่ตลอดเวลาว่าบิดเบือนนั้นบิดเบือนอย่างไร ทำไมถึงไม่ยอมมาแบข้อมูลให้เห็นกันเสียที
       
       ดังนั้นหากบอกว่าการปฏิรูปพลังงานเป็นประเด็นร้อนใหม่ที่อาจลีดคิวเข้ามาก่อน และเป็นคำถามให้ คสช.ต้องเคลียร์ให้ชัดก่อนว่า ปตท.พลังไทยเพื่อใครกันแน่ !!

ขอบคุณเนื้อหา http://www.manager.co.th/
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=37209&page=1