ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์สงขลาประชุมแก้ปัญหาเรื่องที่ดินชุมชนเตาอิฐสงขลา

[ทีมงานประชาสัมพันธ์]

ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์สงขลา แก้ไขปัญหาเรื่องการร้องเรียนขอความเป็นธรรมเรื่องที่ดิน ของชาวชุมชนบ้านเตาอิฐ ที่ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสงขลา อ.เมืองสงขลา

บ่ายวานนี้(18 ก.ค. 57)  พ.อ.พัฒนเดช แก้วบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสงขลา เป็น ประธานในการประชุมการคณะกรรมการประจำศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปจังหวัดสงขลา (ศปป.จว.สข)  หารือการแก้ไขปัญหาการร้องเรียนขอความเป็นธรรมของชาวชุมชนบ้านเตาอิฐ โดยมี อัยการจังหวัด นายอำเภอเมืองสงขลา และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยผู้แทนชุมชนบ้านเตาอิฐ เข้าร่วมประชุม

[attach=2]

พ.อ.พัฒนเดช แก้วบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสงขลา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2557 ตัวแทนราษฎรชุมชนเตาอิฐ ตำบลบ่อยาง อำเมือง จังหวัดสงขลา จำนวน 15 คน นำโดย ประธานชุมชนเตาอิฐ และนายจตุพร  รามสูตร ศิลปินดีเด่นจังหวัดสงขลา ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ คสช. ผ่าน (ศปป.จว.สข.) กรณีทางราชการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินให้วัดอุทัยธาราม อำเภอเมือง จังหวัดสงขลาโดยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินที่อยู่อาศัยของราษฎรในชุมชนเตาอิฐแล้วเรียกเก็บค่าเช่า ซึ่งราษฎรอ้างว่าที่ดินดังกล่าวได้รับการจัดสรรจากทางราชการอย่างถูกต้องมากกว่า 40 - 50 ปี สาเหตุของเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเนื่องมาจากศาลปกครองได้มีคำพิพากษาให้ที่พิพาทเป็นธรณีสงฆ์ของวัดอุทัยธาราม มีผลให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่จะต้องเช่าที่ดินเพื่ออยู่อาศัย ทำให้เกิดข้อกังวลใจของคนในชุมชน จึงมีข้อรียกร้อง จำนวน 3 ข้อ คือ 1. ขอสิทธิอยู่ที่เดิม 2. ขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของวัดอุทัยธาราม และ 3.ขอคุ้มครองชั่ว ระงับการเช่าที่ธรณีสงฆ์ของวัดอุทัยธาราม

ซึ่งในวันนี้ที่ประชุมได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือ พร้อมข้อเสนอตามข้อเรียกร้อง คือ 1. เรื่องการขอสิทธิ์อยู่ที่เดิม สามารถดำเนินการได้ คือ 1. การเช่า 1 ปี จะต้องลงทะเบียนทำสัญญาเช่าต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสงขลา และไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน 2. การเช่า 3 ปี จะต้องยื่นคำร้องขออนุญาตต่อเถรสมาคมและยื่นจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสงขลา ส่วนตามข้อเรียกร้องที่ 2,3 เรื่องการขอเพิกถอนการออกโฉนด และขอคุ้มครองชั่วคราว ระงับการเช่าที่ธรณีสงฆ์วัดอุทัยธารามนั้น ไม่สามารกระทำได้ เนื่องจากศาลฎีกา และศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ที่ดินพิพาทตกที่ที่ดินธรณีสงฆ์ หากจะอุธรณ์คำพิพากษา จะต้องมีข้อเท็จจริงใหม่ยื่นต่อศาล ซึ่งขณะนี้ไม่มีข้อเท็จจริงใหม่...


ข้อมูลและที่มา
ยุสรา วาจิ//ข่าว
วิชราวุฒิ  แกล้วกล้าหาญ//ภาพ
18 ก.ค.57
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา