ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ซี๊ดได้อีก..กับป๋า "เปลว สีเงิน" พูดถึง "นักโทษหนีคดีทักษิณ"

เริ่มโดย ล ลิง, 13:21 น. 16 ส.ค 54

ล ลิง

มีมุมมองอื่นในเรื่องช่วยให้คุณทักษิณได้เข้าญี่ปุ่นมาบ้างแล้ว
ลองมาดูในมุมมองของ ป๋าเปลว สีเงินดูบ้างครับ

เปลว สีเงิน (16 สค. 2554)

สะสม "เงื่อนปมใหม่" สู่ไทยซ้ำสอง

ผมก็แค่ "เด็กเดินตั๋ว" คอยฉายไฟให้ท่านคลำทางไปนั่งเก้าอี้หน้าจอเท่านั้น แล้วเป็นไงครับ ภาพยนตร์เรื่อง "พี่จ๋า...เราชนะแล้ว" พอเปิดฉาก แทนที่จะเห็นค่าแรงขั้นต่ำ ๓๐๐ บาท/วัน ทั้งประเทศ ปริญญาตรี-ข้าราชการ สตาร์ท ๑๕,๐๐๐ บาท ลดน้ำมันเบนซิน ๗ บาท ตามสัญญาตอนหาเสียง กลายเป็นว่า นางเอกปู-พระเอกปึ้ง ประเดิมด้วยบท "ตอแหลโดยสุจริต" ซะนี่!
ตอแหลยังไง นายสุรพงษ์ โต-ปฏิเสธตลอดว่า ไม่ได้ขอให้ญี่ปุ่นอนุมัติวีซ่าให้ทักษิณเข้าเมือง และสดๆ ร้อนๆ วานนี้ (๑๕ ส.ค.๕๔) น.ส.ยิ่งลักษณ์สัมภาษณ์เสียงแจ๋วๆ ออกโทรทัศน์ "ไม่ทราบเรื่องญี่ปุ่นอนุมัติวีซ่าให้พี่ชาย และรัฐบาลไม่มีนโยบายเรื่องนี้" เอ้า...ไม่ทราบก็ไม่ทราบ งั้นอ่านนี่.....
นายยูกิโอะ เอดาโนะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น เผยวันนี้ (๑๕ ส.ค.) ว่า ญี่ปุ่นได้อนุมัติวีซ่าเข้าประเทศเป็นกรณีพิเศษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังรัฐบาลชุดใหม่ของไทย นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ "ยื่นคำร้องขอให้ทางการกรุงโตเกียวเปิดทางให้อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางเข้าญี่ปุ่น"
พ.ต.ท.ทักษิณมีกำหนดที่จะเดินทางเยือนญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๘  ส.ค.นี้ โดยจะเดินทางไปยังพื้นที่เกิดภัยพิบัติทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น  ซึ่งเป็นการเดินทางที่ ฝ่ายรัฐบาลไทยระบุว่า จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี
"รัฐบาลไทยมีนโยบายที่ไม่ห้ามการเดินทางไปยังประเทศใดๆ ของอดีตนายกรัฐมนตรีรายนี้ และ ขอให้ญี่ปุ่นออกวีซ่าให้ ซึ่งเมื่อนำคำร้องนี้มาพิจารณาร่วมกับเงื่อนไขแวดล้อมอื่นๆ แล้ว ญี่ปุ่นจึงตัดสินใจที่จะออกวีซ่าให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ" นายเอดาโนะระบุ
ทีนี้ทราบเรื่องรึยังจ๊ะ...นายกฯ ต.ล.!?
การที่ญี่ปุ่น "ซื่อตาใส" แถลงเช่นนี้ เหมือนเลิกชายกระโปรงนายกฯ  ประจาน ถองกระบาลรัฐมนตรีต่างประเทศอีกโป๊ก ที่เขาเน้นคำว่า "รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ น้องสาวทักษิณ" ร้องขอ "ให้เปิดทางให้ทักษิณเข้าญี่ปุ่น" ถึง ๒ ครั้ง  ๒ ครา ในคำแถลงแค่ ๔-๕ บรรทัดนั้น นอกจากประจานคนโกหก-ตอแหลแล้ว ญี่ปุ่นหวังเซฟตัวเองด้วยการ  "เน้น-ย้ำ" ให้คนไทยเห็นว่า...อาโน ฉันไม่ยินดีให้ทักษิณมานะ แต่จนใจ เพราะรัฐบาลของคุณขอมาเองนะ"!
ผมก็ค่อนข้างเชื่อว่า ลึกๆ แล้วญี่ปุ่นไม่ต้องการ "เป็นศัตรู" กับประชาชนคนไทย แต่ก็นั่นแหละ เมื่อถึงเกมวัดใจ ญี่ปุ่นก็ "ยึดประโยชน์" ชาติตัวเองเป็นหลัก ทั้งที่ญี่ปุ่นนั้นมีฐานเศรษฐกิจอยู่ในไทย เข้าใจวัฒนธรรม-ประเพณี-การเมืองไทยดีพอๆ กับในบ้านเขา
เข้าใจกระทั่งว่า "การเมืองนั้น-ชั่วคราว ประชาชนสิ-ถาวร" แต่เมื่อเขาตัดสินใจเลือกเดินแบบนี้ ก็ต้องเข้าใจด้วยเหมือนกันว่า เมื่อถึงคราว...คนไทยก็ต้อง "ยึดประโยชน์" ชาติตัวเองเป็นหลักเช่นกัน
ถึงตอนนั้น...แล้วอย่ามาว่ากันนะ!
เอาล่ะ...นายกฯ ถูกเขาวางสคริปต์มาให้พูดว่า "รัฐบาลยังไม่มีนโยบายเรื่องนี้" ไหน...ช่วยขยายความหน่อยซิ "ไม่มีนโยบายเรื่องนี้" น่ะ แล้วในกะโหลกคุณมันมีนโยบายเรื่องไหนอยู่บ้างล่ะ หรือแบบที่โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นเขาฉีกหน้า...
"รัฐบาลยิ่งลักษณ์ น้องสาวทักษิณร้องขอ..."?
เห็นช่วยกันออกมา "เบี่ยงประเด็น" ไปเรื่องตำรวจสากลออกหมายจับ-ไม่ออกหมายจับ มันคนละเรื่องกันครับ ตำรวจสากลก็เรื่องของเขา แต่นี่มันเรื่องของเรา กฎหมายของเรา อินเตอร์โพลเป็นแค่ "ตัวช่วย"
แต่หน้าที่โดยตรงมันเป็นของเรา ของตำรวจ ของอัยการ ของกระทรวงการต่างประเทศ ด้วยกฎหมายอันมีศักดิ์ศรีของเรา นายสุรพงษ์จะเที่ยวไปรับลูกที่โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ แถลงว่า..."ตำรวจสากลไม่ออกหมายจับให้ เพราะความผิดไม่เข้าเงื่อนไข" นั้น
คุณจะเอามาเคลมเป็นเหตุผลที่กระทรวงการต่างประเทศ "ไม่จับทักษิณ"  ไม่ได้ และอ้อ...ขอเตือนไว้ด้วย คุณเป็นรัฐมนตรีรัฐบาลประเทศไทย ไม่ใช่ประเทศทักษิณ การพูด-การจา ควรพูดให้เป็นบรรทัดฐาน เคารพความเป็นสากล ให้เกียรติสถาบันชาติ ให้เกียรติประชาชน และให้เกียรติตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย ผมฟังคุณแถลงเมื่อวาน คำหนึ่งก็ "ท่านนายกฯ ทักษิณ" สองคำก็ "ท่านนายกฯ ทักษิณ" คุณจะเทิดทูน จะกราบ จะเลียอะไรก็ไปทำกันเป็นการส่วนตัว ไม่มีใครว่า
แต่การพูดบนตำแหน่งรัฐมนตรีผู้มีส่วนจะต้องตามจับกุมตัวทักษิณ กลับเรียกนักโทษหนีคุก ผู้ต้องหาก่อการร้ายที่ตัวเองตามจับว่า "ท่านนายกฯ  ทักษิณ...ท่านนายกฯ ทักษิณ...ทุกคำตลอดการแถลง ทั้งที่ในข้อเท็จจริง ทักษิณเป็นอดีตนายกฯ ไปแล้ว
ฟังแล้ว...อดสู-ต่ำช้า-ขยะแขยง!
เอาล่ะ...นายสุรพงษ์ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำสั่งศาล ด้วยเฉไฉอ้างตำรวจสากลไม่ออกหมายจับ ผมจะยกประโยชน์ให้ในฐานะที่ว่า "ไม่ประสา" เรื่องงานกระทรวงการต่างประเทศ เพียงถูก "ผีจับยัด" ให้มานั่ง
ฉะนั้น ฟังอธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ "นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ"  ท่านพูดในประเด็นนี้เมื่อวานให้ดี แล้วค่อยเอาไปปรับสมองเสียใหม่
".......การติดตามตัวเพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดน อัยการต้องรอให้กระทรวงการต่างประเทศ "แจ้งที่อยู่" ที่ชัดเจน ขณะ พ.ต.ท.ทักษิณพักอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นมาให้อัยการก่อน ซึ่งถือเป็นขั้นตอนปฏิบัติทุกกรณีอยู่แล้ว เพราะหากยังไม่ทราบที่อยู่ชัดเจน อัยการก็ไม่สามารถที่จะระบุรายละเอียดเพื่อทำหนังสือ เพื่อประสานขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ โดยอัยการไม่สามารถที่จะใช้ข้อมูลทั่วไปที่ปรากฏแค่ในหน้าหนังสือพิมพ์ หรือสื่อต่างๆ ได้"
".....การติดตามจำเลยหรือนักโทษคดีต่างๆ อัยการก็ยึดหลักปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้ ที่ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งรายละเอียดที่อยู่ที่ชัดเจนมาให้ โดยปกติหากจะมีการติดตามตัว กระทรวงการต่างประเทศก็จะประสานหารือกับอัยการ
แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานใดๆ ซึ่งข้าราชการประจำก็ต้องทำหน้าที่ของตนตามหลักการที่มีอยู่แล้ว ส่วนรัฐบาลจะมีนโยบายอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง"
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล จะยกเลิกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายศิริศักดิ์ปฏิเสธว่า
"ไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้ แต่โดยหลักเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลไม่ได้มีอำนาจที่จะออกหรือเพิกถอนหมายจับ ซึ่งหมายจับจะเป็นของประเทศสมาชิกนั้น ที่ออกมาแล้วประสานกับตำรวจสากลให้ช่วยในการติดตามตัว โดยเรื่องนี้น่าจะต้องติดตามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยอีกครั้งว่า มีการประสานเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลอย่างไรหรือไม่ เพราะหากจะมีการยกเลิก เข้าใจว่าอาจเป็นหนังสือแจ้งประสานความร่วมมือ ไม่ใช่หมายจับ"
เอ้า...อัยการเขาเตะลูกมาอย่างนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะเตะทิ้ง หรือเตะทำประตู หรือยืนดูให้ลูกผ่านหน้าไปเฉยๆ เป็นหน้าที่ท่านแล้ว ไม่ทำอะไร ชาวบ้านก็คงไปทำอะไรท่านไม่ได้ในวันนี้
แต่วันหน้า...ผมไม่รู้นะ!?
เฮียผมคนหนึ่ง บอกชื่อคงร้องอ๋อกัน "เฮียโส ธนะวิสุทธิ์" เคยหนีคดีไปอยู่สหรัฐ วันดี-คืนดีตำรวจไทยตามไปล็อกคอถึงห้องพัก เอากลับมารับโทษอยู่หลายปี ผมเคยถามเฮียเขาว่า "ทำไมยอมให้จับง่ายๆ ล่ะ" เฮียตอบว่า
"มันเคาะประตู เฮียนึกว่า...พอเปิด ไอ้หะ...มันตะครุบเลย"!
"ทำไมไม่สู้ล่ะ?"
"สู้อะไรล่ะ ไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ แล้วตัวมันยังกะควาย ตั้งหลายคน"!
ครับ...นั่นไม่เห็นต้องอินเตอร์โปก-อินเตอร์โพลอะไรเลย ถ้าตั้งใจจะจับจริงๆ ตำรวจไทยเรานี่แหละไปขอความร่วมมือตำรวจสหรัฐอย่างที่เขามาขอความร่วมมือเราอยู่บ่อยไป และที่เฮียเขาบอกว่า "ตัวยังกะควาย" นั่นไม่ใช่ตำรวจไทย หากแต่เป็นตำรวจสหรัฐ
เขาจับ แล้วเราก็เอาตัวนั่งเรือบินกลับมาด้วยกันแค่นั้นเอง!
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ บอกวัน "ศาลอนุมัติหมายจับทักษิณ" เมื่อ ๒๕ พ.ค.๕๓ ว่า เป็นหน้าที่ของอัยการฝ่ายต่างประเทศที่จะดำเนินการตามขั้นตอน พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
ตำรวจก็อ้างว่าเป็นหน้าที่อัยการ อัยการก็อ้างว่าเป็นหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศต้องแจ้งที่อยู่มาให้ก่อน รัฐมนตรีต่างประเทศก็อ้างว่าเป็นหน้าที่ตำรวจสากล แต่เขาไม่ออกหมายจับให้ นายกฯ หญิงก็อ้างว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายเรื่องนี้
แล้วจะให้กูทำไงล่ะโว้ย!?.

http://www.thaipost.net/news/160811/43439
"คนอย่างแม้ว ผิดไม่ได้แพ้ไม่เป็น ผิดไม่เป็นแพ้ไม่ได้" (บัญญัติ บรรทัดฐาน : รายการลงเอยอย่างไร?)

ทีใครทีมัน

ถ้าพวกยากูซ่าในญี่ปุ่นหนีคดีอาญามาอยู่เมืองไทย  แล้วถ้ารับบาลญี่ปุ่นร้องขอให้รัฐบาลไทยช่วยจับพวกยากูซ่าส่งกลับประเทศญี่ปุ่น  รัฐบาลไทยจะช่วยญี่ปุ่นไหมครับ

คำคน

พฤติกรรมของญี่ปุ่นและตัวแทนหลายๆประเทศเหล่านี้ตรงกับ"สำหนวน"ปักษ์ใต้ว่า "สีแก้วพลอยรุ่ง" หมายฟามว่าไปไหนไปกัน บ้านกำหนันฉันไม่ไป ใครได้ดีข้าดีด้วย ใครถึงคราวsuayกระทืบซ้ำ
ดูอย่าง"inter pol"หรือหน่วยงานตำรวจสากล มีหน้าที่ติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดที่หลบอยู่ในประเทศไหนก็ได้ทั้งนั้น ก่อนนี้ไม่เคยปริปากพูดอะไรเลยตลอดหลายปีที่ทักษิณหนีไปประเทศนั้นประเทศนี้ แต่พอน้องสาวทักษิณได้เป็นใหญ่ กลับส่งเสียงแจ้วๆมาว่าไม่เคยมีความคิดจะจับกุมทักษิณเลย เอาเข้าไป
ถามว่า...ต่อไปถ้าพวกอาชญกรข้ามชาติเช่นยากูซ่าหรือแก๊งอาชญากรรมจากทั่วโลกจะหลบหนีมาเมืองไทยบ้าง แล้วมีคนไทยกลุ่มหนึ่งคิดจะแก้เผ็ดให้ที่หลบซ่อนคนพวกนี้ เพื่อแก้แค้นที่นักโทษสำคัญของไทยไปลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ยกฏหมายอยู่เมืองนอกได้อย่างมีความสุขไม่ทุกข์ร้อน จะได้ไหม?

แด่ความมืดบอด

คำเตือนก่อนคุณทักษิณไปญี่ปุ่น: ใครฉลาด? ใครเป็นผู้ร้ายข้ามแดน?

Tue, 2011-08-16 00:21


วีรพัฒน์ ปริยวงศ์
นักกฎหมายระหว่างประเทศ นิติศาสตรมหาบัณฑิต (รางวัลทุนฟุลไบรท์) มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ที่มา http://www.facebook.com/verapat.pariyawong




ใครฉลาด?
พันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่ามีความผิดเกี่ยวกับการทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี แต่คุณทักษิณเห็นว่าคำพิพากษานั้นไม่เป็นธรรม จึงปฏิเสธการจับกุมโดยหลีกไปอาศัยอยู่ ณ ต่างประเทศ
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าคุณทักษิณได้รับเชิญไปบรรยายเรื่องเศรษฐกิจที่ประเทศญี่ปุ่น และมีการให้สัมภาษณ์ว่าการเดินทางดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลไทย แม้จะมีรายงานข่าวว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ยอมรับว่าได้หารือเรื่องดังกล่าวกับทูตของญี่ปุ่นก็ตาม (http://bit.ly/p91HBp)

ล่าสุด (15 สิงหาคม 2554) สำนักข่าว Kyodo ประเทศญี่ปุ่นรายงานการแถลงข่าวโดยเลขาธิการคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลญี่ปุ่นว่า กงสุลใหญ่แห่งญี่ปุ่น ณ ดูไบ ได้ออกหนังสือตรวจลงตรา (วีซ่า) เพื่ออนุญาตให้คุณทักษิณสามารถเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นได้เป็นกรณีพิเศษ หลังได้รับการร้องขอจากรัฐบาลไทย ("in response to a request from Thailand"  http://bit.ly/qVFL8h)

สำนักข่าว AFP รายงานคำแถลงข่าวของเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นในทางเดียวกันว่า รัฐบาลไทยได้แจ้งว่าไม่มีนโยบายห้ามคุณทักษิณเดินทางไปประเทศอื่น และขอให้ประเทศญี่ปุ่นออกวีซ่าให้คุณทักษิณ ("The Thai government... takes a policy of not prohibiting former prime minister Thaksin from visiting any country and requested that Japan issue a visa" http://bit.ly/mRPUg2)

หากคำพูดของเลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นพอเชื่อถือได้ สื่อมวลชนไทยสมควรต้องกลับมาถามรัฐบาลไทยที่เพิ่งเข้ามาทำงานไม่กี่วันว่า ที่มีคนบอกว่ารัฐบาลไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกวีซ่าครั้งนี้นั้น ใครพูดจริง ใครโกหก???

ความจริงหากจะพูดให้ดูดีหน่อย ก็น่าจะบอกว่า กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ (ข้อ 12 แห่งสนธิสัญญา ICCPR ซึ่งทั้งไทยและญี่ปุ่นต่างเป็นภาคีและมีพันธกรณีต้องเคารพ) ก็รับรองสิทธิเสรีภาพของคุณทักษิณให้สามารถเดินทางได้อย่างเสรีภายในประเทศใดประเทศหนึ่งได้ หากคุณทักษิณเข้าไปในประเทศนั้นโดยถูกกฎหมาย

อีกทั้งรัฐธรรมนูญไทย มาตรา 82 ก็สื่อความให้รัฐบาลไทยต้องเคารพสิทธิมนุษยชนข้อนี้ แน่นอนว่าหากคุณทักษิณเดินทางเข้ามาสู่เขตบังคับของกฎหมายไทย ไทยก็ย่อมต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายไทย

ในเมื่อสุดท้ายคุณทักษิณก็ยังคงเป็นมนุษย์ กฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนซึ่งติดตัวคุณทักษิณอยู่แต่เดิมก็มิได้หายไปไหน การที่คุณทักษิณได้รับวีซ่าญี่ปุ่นอย่างถูกกฎหมายเพื่อเดินทางไปแสดงความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจ หรือแสดงความห่วงใยต่อผู้ประสบภัยธรรมชาติ จึงมิใช่เรื่องที่ผิดกฎหมาย และก็คงอยู่นอกอำนาจที่รัฐบาลไทยจะไปห้ามญี่ปุ่นได้ ไทยจะไปยุ่มย่ามเรื่องภายในก็จะหาว่าแทรกแซงและผิดกฎบัตรสหประชาชาติ

อีกทั้งกฎหมายว่าด้วยการตรวจคนเข้าเมืองและผู้ลี้ภัยของประเทศญี่ปุ่น ค.ศ. 1953 แก้ไขล่าสุด ค.ศ. 2009 มาตรา 5-2 ได้เปิดช่องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสามารถออกวีซ่าพิเศษให้กับผู้ที่ต้องโทษจำคุก เช่น คุณทักษิณ ให้เข้าญี่ปุ่นได้ หากเห็นว่าเป็นกรณีสมควร

แต่เมื่อรัฐบาลไทยไม่เคยชินกับการอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน และดันมีคนใจดีไปช่วยขอวีซ่าจนกลายเป็นข่าว จนมีผู้ตั้งประเด็นว่า เป็นการทำให้การจับกุมคุณทักษิณลำบากขึ้นและผิดกฎหมายนั้น เป็นการฉลาดหรือไม่ ก็น่าคิดอยู่!

ใครเป็นผู้ร้ายข้ามแดน?
เกิดคำถามตามมาว่า ในเมื่อคุณทักษิณมีความผิดตามกฎหมายไทย ถูกศาลฎีกาไทยพิพากษาจำคุก 2 ปี แล้วหากคุณทักษิณเดินทางไปญี่ปุ่น ไทยจะขอให้ญี่ปุ่นส่งตัวคุณทักษิณกลับมารับโทษในประเทศไทยในลักษณะการส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้หรือไม่?

ตอบว่าไทยขอได้ แต่ญี่ปุ่นจะส่งตัวคุณทักษิณมาหรือไม่ เป็นไปได้ยาก หากตอบโดยไม่ต้องนึกถึงข้อกฎหมายใดๆ การที่ญี่ปุ่นอนุญาตให้คุณทักษิณเข้าเมืองมากล่าวสุนทรพจน์และเยี่ยมผู้ประสบภัยเป็นกรณีพิเศษแล้วค่อยเข้าจับกุมส่งตัวนั้น คงจะดูแปลกอยู่

และหากพิจารณาในข้อกฎหมาย ก็จะพบอุปสรรคหลายด่าน ดังนี้

ด่านที่ 1: ไทยและญี่ปุ่นยังไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
จริงอยู่ว่าเมื่อปี พ.ศ. 2552 ไทยและญี่ปุ่นได้ลงนามสนธิสัญญาอีกฉบับ คือสนธิสัญญาว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องคำพิพากษาและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษา ซึ่งอาจมีผู้เข้าใจผิดว่า เป็นสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

ความจริงสนธิสัญญาฉบับนี้เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับกรณีที่ไทยจับคนญี่ปุ่นที่ทำผิดกฎหมายไทย แล้วอาจส่งตัวคนญี่ปุ่นนั้นกลับไปจำคุกที่ญี่ปุ่นตามโทษกฎหมายไทย ในทางเดียวกัน ญี่ปุ่นก็อาจส่งตัวคนไทยที่ทำผิดกฎหมายญี่ปุ่นกลับมาจำคุกที่ไทย

แต่กรณีคดีของคุณทักษิณนั้น เป็นกรณีที่คนไทยต้องโทษจำคุกตามกฎหมายไทย จึงไม่เกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาดังกล่าว (นอกจากคุณทักษิณเข้าญี่ปุ่นแล้วดันทะลึ่งทำผิดกฎหมายบ้านเขาแล้วถูกจำคุก ไทยก็อาจขอให้ส่งตัวมาได้)

ด่านที่ 2: ไม่มีสนธิสัญญาก็ส่งได้ แต่ส่งยาก
การที่ไทยและญี่ปุ่นไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน ไม่ได้แปลว่าการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะทำไม่ได้ เพียงแต่ทำได้ยาก เพราะทั้งสองฝ่ายต่างต้องอาศัยกฎหมายภายในประเทศและ "วิถีทางการทูต" (diplomatic channel)" ซึ่งอาศัยดุลพินิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นสำคัญ

ด่านที่ 3: กฎหมายไทยให้อำนาจนักการเมือง ไม่ใช่อัยการ
พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 มาตรา 30 ให้อัยการสูงสุดของไทยมีอำนาจวินิจฉัยว่าจะร้องขอให้ญี่ปุ่นส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ แต่กระนั้น กฎหมายก็ยังเปิดช่องให้ "คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นอย่างอื่น" ได้ กล่าวคือหากอัยการสูงสุดต้องการขอ แต่คณะรัฐมนตรีไม่ต้องการให้ขอ สุดท้ายก็ขอไม่ได้

ด่านที่ 4: กฎหมายญี่ปุ่นไม่ให้ส่งฟรีๆ
แม้หากสุดท้ายคณะรัฐมนตรีไทยไม่ขัดข้อง ก็มิได้แปลว่าไทยขอแล้วญี่ปุ่นจะให้ทันที แต่กฎหมายภายในของประเทศญี่ปุ่น คือ กฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ค.ศ. 1953 แก้ไขล่าสุด ค.ศ. 2004 กำหนดว่า นอกจากฝ่ายไทยต้องส่งคำขอพร้อมเอกสารรายละเอียดที่เข้าเงื่อนไขต่างๆ แล้ว มาตรา 3 ยังบังคับว่า ไทยต้องให้คำมั่นว่าจะส่งตัวผู้ร้ายจากไทยไปที่ญี่ปุ่นในลักษณะต่างตอบแทนอีกด้วย (reciprocity) กล่าวโดยง่ายก็คือ หากไทยไม่มีผู้ร้ายไปสัญญาแลก ญี่ปุ่นก็ไม่ส่งให้

ด่านที่ 5: รัฐมนตรีญี่ปุ่นต้องพอใจ
ไทยต้องเอาผู้ร้ายไปสัญญาแลกเท่านั้นไม่พอ กฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนของญี่ปุ่น มาตรา 4 ยังกำหนดว่า ในกรณีที่ไทยและญี่ปุ่นไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของญี่ปุ่นมีดุลพินิจพิจารณาอย่างกว้างขวางว่า "หากเป็นการไม่เหมาะสม" (deemed to be inappropriate) ญี่ปุ่นก็ไม่จำเป็นต้องทำตามคำขอของไทย ซึ่งอะไรจะเหมาะสมหรือไม่นั้น ก็คงสุดแท้แต่ที่ท่านรัฐมนตรีของญี่ปุ่นจะคิด

ด่านที่ 6: กฎหมายญี่ปุ่นระบุข้อห้ามไม่ให้ส่งตัว
แม้ท่านรัฐมนตรีของญี่ปุ่นจะมองว่าเป็นการเหมาะสมที่จะส่งคุณทักษิณกลับมาประเทศไทย ก็มิใช่ว่าจะส่งได้ แต่ต้องผ่านด่านกฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนของญี่ปุ่น มาตรา 2 ซึ่งกำหนดข้อห้ามไม่ให้ส่งตัวคุณทักษิณไว้อีกหลายกรณี หากเข้ากรณีใดกรณีหนึ่ง ก็ส่งไม่ได้ อาทิ

- ห้ามส่งตัวหากเห็นว่าความผิดของคุณทักษิณเป็นความผิดทางการเมือง (political offense) หรือการขอให้ส่งตัวคุณทักษิณเป็นการพยายามนำตัวคุณทักษิณมาลงโทษทางการเมือง

(เช่น คุณทักษิณอาจต่อสู้ว่า คดีความทั้งหมดนั้นมุ่งเล่นงานคุณทักษิณตั้งแต่กระบวนการรัฐประหารโค่นอำนาจทางการเมือง ฯลฯ แต่คุณทักษิณก็ต้องไม่ลืมว่า คดีที่ศาลฎีกาตัดสินนั้นเป็นเรื่องการทุจริตเกี่ยวกับการประมูลที่ดิน ญี่ปุ่นอาจไม่มองว่าเป็นเรื่องการเมือง)

- ห้ามส่งตัวหากความผิดคุณทักษิณตามกฎหมายไทยเป็นความผิดที่มีโทษเบา กล่าวคือกฎหมายญี่ปุ่นกำหนดว่า หากโทษความผิดคุณทักษิณเป็นโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ก็ห้ามส่งตัว

(เช่น คุณทักษิณอาจต่อสู้ว่า คุณทักษิณถูกศาลไทยพิพากษาจำคุกเพียง 2 ปี จึงเป็นกรณีโทษเบาที่ไม่ให้ส่งตัว แต่อย่าลืมว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ที่ศาลไทยใช้ลงโทษคุณทักษิณนั้น มาตรา 122  ได้บัญญัติให้มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี สุดท้ายก็ขึ้นอยู่ว่าญี่ปุ่นจะตีความกฎหมายอย่างไร)

- ห้ามส่งตัวหากความผิดของคุณทักษิณตามกฎหมายไทยเป็นความผิดที่ไม่สามารถเอาผิดหรือลงโทษตามกฎหมายของญี่ปุ่นได้ (double criminality)

(เช่น คุณทักษิณอาจต่อสู้ว่า ความผิดเรื่องการทุจริตที่เกิดจากการประมูลที่ดินโดยภรรยานายกรัฐมนตรีนั้น แม้กฎหมายไทยจะมองว่าผิด แต่กฎหมายญี่ปุ่นอาจไม่ถือว่าเป็นความผิด ก็ห้ามส่งตัว)

หากจะบอกว่าคุณทักษิณมั่นใจในข้อกฎหมายว่าไม่ถูกส่งตัวกลับไทย ก็พอเข้าใจอยู่ แต่ที่น้องคุณทักษิณต้องมานั่งตอบคำถามว่า ทำไมถึงไม่ขอส่งตัว หรือทำไมขอแล้วส่งมาไม่ได้ ก็อาจเข้าใจยากหน่อย

หรือกล่าวอีกทางหนึ่ง สุดท้ายใครเป็นผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ ข้อนี้ตอบง่าย แต่งานนี้ใครฉลาดหรือไม่ ข้อนี้ตอบยาก!

ลูก เหลิม