ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

“ปชป.-พท.”ไว้ท่ายึกยัก เมินร่วมปฏิรูปกับ“คสช.”

เริ่มโดย itplaza, 11:05 น. 05 ส.ค 57

itplaza

ส่อเค้าว่าจะไม่มีนักการเมืองจากพรรคใหญ่เข้าร่วมเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 119/2557ว่าด้วยหลักเกณฑ์การเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ

       
       ที่ตอนหนึ่งระบุว่าการเสนอชื่อบุคคลเพื่อรับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติต้องให้นิติบุคคลซึ่งไม่มีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไรมาแบ่งปันกันเป็นผู้เสนอชื่อ
       
       "จึงเห็นควรกำหนดว่ากรณีนิติบุคคลที่เป็นพรรคการเมืองประสงค์จะเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติให้หัวหน้าพรรคการเมืองนั้นเป็นผู้เสนอชื่อ"
       
       นอกจากประกาศฉบับดังกล่าวแล้วพลเอกประยุทธ์ ก็ไปสำทับไว้ในการพูดในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ"เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาที่มีใจความตอนหนึ่งได้วิงวอ นขอความร่วมมือกับนักการเมือง พรรคการเมือง ให้เข้ามาร่วมกับเรื่องการวางแนวทางการปฏิรูปไว้ด้วย
       
       สำหรับประกาศคสช.ฉบับดังกล่าวที่ไม่ได้มีสภาพบังคับตามกฎหมายเป็นแค่การขยายความพระราชกฤษฏีกาว่าด้วยสภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ.2557ให้มีความชัดเจนมากขึ้นว่าหากพรรคการเมืองจะเสนอชื่อคนเข้าร่วมเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติต้องทำโดยให้หัวหน้าพรรคเป็นคนเสนอชื่อ ผนวกกับคำเชิญชวนของ "บิ๊กตู่"ข้างต้นทั้งหมด มีนัยยะคือ
       
       การขอความร่วมมือให้ทุกพรรคการเมืองที่จดทะเบียนอยู่กับคณะกรรมการการเลือกตั้งเวลานี้ได้ส่งคนมาร่วมในกระบวนการสรรหาและคัดเลือกคนเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)นั่นเอง
       
       แต่เมื่อสองพรรคใหญ่"ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย"ปฏิเสธจะร่วมสังฆกรรมด้วยกับคสช. เพื่อส่งคนไปเป็นสปช.คงมีแต่บางพรรคเช่น ภูมิใจไทย ที่มีอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรคหรือพรรคพลังชล ของสนธยา คุณปลื้ม ออกมาบอกว่าพร้อมให้ความร่วมมือ
       
       เมื่อทั้งประชาธิปัตย์ -เพื่อไทยปฏิเสธไม่ร่วมด้วย ประกาศ คสช.ฉบับที่ 119และตัวพลเอกประยุทธ์ที่ออกมาขอความมือดังกล่าว ก็หงายเงิบไป เสมือนพลเอกประยุทธ์ไร้ความหมายทางการเมือง
       
       ว่าไปแล้วเท่าที่เช็คกระแสสังคม พบว่า ต่างเห็นด้วยกับการที่ พรรคการเมืองปฏิเสธไม่เข้าร่วมในกระบวนการเลือกสปช.
       
       เพราะมองว่านักการเมือง-พรรคการเมืองคือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมืองโดยตรงกับการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นคนที่จะต้องอยู่ในเกมการเมืองเมื่อมีการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวรเมื่อดูจากอำนาจหน้าที่ของสปช.จะเห็นได้ว่า เกี่ยวข้องกับร่างรธน.ฉบับถาวรตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำไม่ว่าจะเป็นการที่สภาปฏิรูปฯ ต้องไปศึกษาและวางแนวทางการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆเช่น การเมือง กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม สื่อมวลชน พลังงาน จากนั้นก็นำแนวทางต่างๆส่งไปให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
       
       อีกทั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติก็ได้โควต้าส่งคนไปเป็นกมธ.ยกร่างรธน.มากที่สุดคือ 20 คน จาก36คนจะกุมเสียงข้างมากในกมธ.ได้แล้ว ที่สำคัญ สภาปฏิรูปฯคือผู้ลงมติว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ร่างรธน.ฉบับใหม่ที่กมธ.ยกร่างรธน.ไปยกร่างมาหรือไม่ หากสภาปฏิรูปฯไม่เห็นชอบ ทุกอย่างก็ต้องไปนับหนึ่งใหม่อีก
       
       สมาชิกสภาปฏิรูปฯจึงเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเมืองไทยหลังจากนี้ค่อนข้างมากเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการทำคลอดและเห็นชอบร่างรธน.ฉบับใหม่ที่จะเป็นกติกาการเมืองต่อไป
       
       หลายคนจึงเห็นว่าไม่สมควรที่จะให้ นักการเมือง พรรคการเมือง มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ เพื่อให้กระบวนการปฏิรูปและการยกร่างรธน.ปลอดจากการเมืองให้มากที่สุด
       
       พบว่าสองพรรคใหญ่ เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ ก็พยายามจะโหนเหตุผลข้างต้นอธิบายต่อสังคมถึงการไม่ส่งคนไปร่วมในกระบวนการเลือกสปช.
       
       แม้ในความเป็นจริงแล้วบางฝ่ายในสองพรรคใหญ่นี้โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยดูจะเชื่อตรงกันว่าที่ไม่อยากไปร่วมสังฆกรรมก็เพราะรู้ดีว่า ร่วมไปก็เท่านั้นเพราะจะเป็นการไปสร้างความชอบธรรมให้กับคสช.ว่าดึงทุกฝ่ายมาร่วมวงคัดเลือกสปช.ได้ทุกพรรคพร้อมร่วมวงปรองดอง-ปฏิรูป
       
       แต่ถึงเวลาเลือกสปช.จริงๆทาง คสช.ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเลือกสปช.ได้ทั้งหมด 250 คนก็ต้องเลือกคนของตัวเองอยู่แล้ว ยากจะเลือกคนของพรรคการเมืองไปร่วมเป็นสมาชิกสปช. 250 คน โดยเฉพาะฝ่ายเพื่อไทย-เสื้อแดง
       
       ดังนั้นขืนไปร่วมวงด้วย มีแต่เสียมากกว่า
       
       แต่เพื่อไม่ให้มีปัญหามากก็ต้องหาเหตุผลมาอ้างให้มันดูไม่ชนกับคสช.มากไปเช่นบอกว่า ประกาศคสช.ล็อกไม่ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม ไม่ให้มีการประชุมพรรคแล้วจะไปมีมติส่งคนไปร่วมคัดเลือกเป็นสปช.ได้อย่างไร หัวหน้าพรรคจะเสนอชื่อใครได้ต้องถามมติพรรคก่อน ก็หาเหตุแบบนี้มาอ้างกันไปก่อน
       
       อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องพรรคการเมืองควรส่งคนไปร่วมกระบวนการเลือกสปช.ด้วยหรือไม่ก็มีข้อโต้แย้งในเชิงสนับสนุนประกาศของคสช.ที่ให้หัวหน้าพรรคการเมืองส่งคนมาร่วมเป็นสปช. ด้วยเหตุว่า นักการเมืองพรรคการเมือง คือตัวการสำคัญในการทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองหากจะทำให้ปัญหานี้จบ ก็ต้องให้นักการเมืองมีส่วนร่วม อีกทั้งนักการเมืองมีประสบการณ์โดยตรงกับเรื่องการเมือง กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม รวมถึงเรื่องอื่นๆก็ควรใช้ประสบการณ์ความเห็นของนักการเมืองให้เป็นประโยชน์ในการมาเสนอข้อคิดเห็นต่อสปช.เพื่อจะได้ออกแบบรัฐธรรมนูญมาให้ดีที่สุด เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
       
       โดยเฉพาะนักการเมืองพรรคการเมือง เพื่อว่าจะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง เพราะหากไม่เข้ามาร่วมแล้วยกร่างรธน.กันออกมา พวกนักการเมืองก็จะมาหาเหตุมาขอแก้ไขรัฐธรรมนูญกันอีกแล้วก็จะเกิดกระแสต่อต้านการแก้ไขรธน.กันอีกสุดท้ายปัญหาก็จะวนกลับมาที่จุดเดิมอีก
       
       ความเห็นต่างเรื่องพรรคการเมืองควรมีส่วนร่วมในการกระบวนการปฏิรูปยกร่างรธน.ฉบับใหม่หรือไม่ เวลานี้ เป็นแค่ จุดเริ่มต้น ของกระบวนการยกร่างรธน.ฉบับใหม่กว่าจะทำกันเสร็จ คงมีเรื่องวุ่นวายตามมาตลอดทาง

ขอบคุณเนื้อหา manager
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=38440&page=1

ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ชื่อ:
การยืนยัน:
กรุณาเว้นช่องนี้ว่างไว้:
พยัญชนะไทยรองตัวสุดท้าย:
shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง