นครหาดใหญ่จุดประกายแก้ปัญหาบ้านเมือง ตั้งสมัชชาประชาชนท้องถิ่น

[ทีมงานบ้านเรา]

นครหาดใหญ่ตั้งสมัชชาประชาชน หวังให้ประชาชนร่วมกำหนดทิศทางหาดใหญ่อย่างแท้จริง แก้ปัญหาบ้านเมืองโดยประชาชน เพื่อให้คนหาดใหญ่กำหนดอนาคตตนเอง ในเชิงนโยบายสาธารณะ และงบประมาณ โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น

[attach=1]
หลังจากที่คณะกรรมการและสมัชชาได้ประชุมระดมความเห็นเพื่อหาข้อสรุปปัญหาร่วมกัน กระทั่งได้ข้อสรุป 3 ประเด็นใหญ่ คือ 1.การจัดการด้านการจราจร 2.การจัดการอุทกภัยในลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา 3.การพัฒนานครหาดใหญ่ จนนำมาสู่การประชุมใหญ่ สมัชชาประชาชนนครหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2557 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

โดยมีนายสมพร ใช้บางยาง ประธานกรรมการ คณะอนุกรรมการการบริหารสมัชชาประชาชนนครหาดใหญ่ เป็นประธานการประชุม และ นายบัญญัติ จันทร์เสนะ ที่ปรึกษาคณะกรรมการ เข้าร่วมฟังการแสดงความคิดเห็นซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมการประชุมจำนวนมาก

[attach=2]
นายสมพร ใช้บางยาง ประธานกรรมการ

นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กล่าวถึงวัตถุประสงค์และแนวทางการดำเนินโครงการสมัชชาประชาชนว่าประกอบด้วย

1.การจัดการด้านการจราจร เป็นการจัดการปัญหาการจราจรและการคมนาคมขนส่ง ครอบคลุมถึงประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและทรัพย์สินของสังคม ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุจราจร การคมนาคมขนส่ง และมลภาวะการจราจร ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง

2.ด้านอุทกภัยในลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา ซึ่งทีผ่านมาพื้นที่หาดใหญ่ประสบอุทกภัยไม่น้อยกว่า 20 ครั้ง อุทกภัยครั้งที่ใหญ่และก่อให้เกิดความเสียหายมาก ได้แก่ น้ำท่วมในปี 2531,2543 และ 2553 ดังนั้นปัญหาอุทกภัยเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุถึงเป้าหมายการพัฒนาที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น การให้ความสำคัญกับการจัดการด้านอุทกภัยในชุมชนและสังคมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ชุมชนจึงต้องมีบทบาทสำคัญในการจัดการด้านอุทกภัยด้วยตนเองซึ่งช่วยลดความเสี่ยงและนำไปสู่การสร้างความปลอดภัยให้กับชุมชน

3.ทิศทางการพัฒนาเมือง เน้นพื้นที่ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยทำการศึกษาในประเด็นสถานการณ์ความเป็นเมือง ปัจจัยที่เร่งให้เกิดการขยายตัวของเมือง ปัญหาและผลกระทบของการเป็นเมือง นโยบายการพัฒนาเมือง จุดอ่อนจุดแข็ง โอกาสและสิ่งคุกคาม (SWOT)ของเมือง ทิศทางการพัฒนาเมือง และปัจจัยที่ส่งผลต่อทิศทางพัฒนาเมือง

[attach=3]

ด้านนายสมพร กล่าวว่า สมัชชาประชาชนนครหาดใหญ่ถือเป็นสมัชชาระดับท้องถิ่นแห่งแรกของประเทศที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงเป็นการยกระดับการบริหารจัดการระดับท้องถิ่นเพื่อเป็นตัวอย่างให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งอื่นต่อไปในการบริหารจัดการ อีกทั้งยกระดับระบอบประชาธิปไตย ไม่ต้องเกรงกลัวต่อผู้ที่มีอำนาจ เคารพเสียงส่วนใหญ่แต่ยังคงฟังเสียงส่วนน้อย ตั้งใจให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมบริหารให้นครหาดใหญ่เจริญก้าวหน้า

"ระบบบริหารจัดการลักษณะนี้แม้เป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทย แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วได้ดำเนินการมานานแล้ว โดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางเป็นผู้บริหารบ้านเมือง"

หลังจากทำพิธีเปิดการประชุมใหญ่และชี้แจงข้อดำเนินต่างๆแล้วนั้น ได้มีการแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อระดมความเห็นในสามประเด็นสำคัญร่วมกัน

ขั้นตอนและกระบวนการสมัชชาประชาชน แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ ต้นน้ำ เป็นการพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย กลางน้ำ เป็น การพิจารณาข้อเสนอเชิงนโยบาย (เวทีสมัชชาประชาชน) และปลายน้ำ คือ การปลักดันข้อเสนอเชิงนโยบายสู่การปฏิบัติและการประเมินผล ซึ่งมีหลักการและคุณลักษณะที่สำคัญ 6 ประการ คือ

1.กลไกจัดการเป็นกลไกพหุภาคี เป็นกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะ ในทุกภาคส่วน โดยแบ่งเป็น 3 ภาคส่วนสำคัญ คือ ภาคประชาชน ชุมชน ประชาสังคม รวมถึงเอกชน สื่อสารมวลชน ภาครัฐ ภาคการเมือง และท้องถิ่น ภาควิชาการ วิชาชีพ รวมถึงผู้รู้ ปราชญ์ที่อยู่ในชุมชน

2.มีการจัดกระบวนการอย่างเป็นระบบ ที่มีขั้นตอนตั้งแต่การกำหนดประเด็นเชิงนโยบาย กำหนดทางเลือกการตัดสินใจทางนโยบาย การนำแนวทางไปสู่การปฏิบัติ รวมถึงติดตามประเมิน กระบวนการทุกขั้นตอนเพื่อการทำงานแบบมีส่วนร่วมไปสู่การจัดการแบบสมานฉันท์

3.ใช้ฐานความรู้ผสมผสานเข้ากับฐานด้านจิตใจ ซึ่งหมายถึงการใช้ข้อมูล วิชาการและความรู้เป็นฐานในการแลกเปลี่ยนกัน ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวกยึดความสมานฉันท์เป็นกรอบในการแลกเปลี่ยนกัน

4.ทุกฝ่ายที่เข้ามามีส่วนร่วมจะทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ที่คำนึงถึงความเท่าเทียมกันของทุกภาคส่วนโดยมุ่งไปที่เป้าหมายในการพัฒนานโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วม

5.มีประเด็นเชิงนโยบายที่ชัดเจน โดยเริ่มจากประเด็นเล็กๆปัญหาใกล้ตัว โดยประเด็นเชิงนโยบายที่เกิดขึ้นต้องมีกระบานการค้นหาร่วมกันและนำไปพัฒนาเป็นข้อมูลเชิงนโยบาย 6.ผลักดันไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมนำกระบวน นำข้อเสนอเชิงนโยบายไปสู่การปฏิบัติร่วมกันของทุกฝ่ายตามนโยบายและบทบาทหน้าที่ของตนเอง

[ฝันที่ไม่จริง]

ไม่ได้ขัดขวาง ไม่ได้ไม่เห็นด้วย

แต่เพียงชื่อและโครงการ ก็รู้เห็นแล้วว่า

เดิมๆ เก่าๆ รูปแบบระบบราชการ ไม่มีอะไรใหม่

หาทางเบิกนำงบประมาณมาใช้ ก็เท่านั้นเอง

ตั้งชื่อเสีย โก้ หรู สมัชชาประชาชน

แต่ที่ไหนได้ มีแต่ ระบบ คนราชการ อดีตราชการ แถมนักการเมือง

คนที่เป็นเจ้าของจริงๆ คือ ประชาชน ไม่เห็นเงา

ทำไปทำไมมี เสีย เงิน เปล่าๆ เสียดายเงินหว่า

ถามจริงๆนะ ขอให้ตอบจริง  ใครเป็นต้นคิด? คิดได้งัย?

แล้วถึงวันนี้ จ่ายเงินไปแล้วเท่าไหร่?(ไม่ตอบก็ได้นะ)

แต่อย่าทำได้ไหม๋?  ออกจะเสียดาย เวลา เงิน

ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยสักนิด

การเริ่มต้นก็ผลาญเงินแล้ว ทำเหมือนไฟไหม้ฟาง

แล้วเชื่อเหอะ ทุกอย่าง อีกไม่กี่วันก็เงียบหายไป

(เหมือนที่ชาวบ้านรู้กัน ตดทีเหม็นเดี๋ยวก็หายไป)

ขอให้ทบทวนแล้ว ยกเลิกเถิด มันไม่เกิดประโยชน์จริงๆ