ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

“บิ๊กตู่”ไม่รอบคอบ ระวัง! สะดุดขาตัวเอง

เริ่มโดย itplaza, 10:51 น. 22 ก.ย 57

itplaza


ตอนแรกที่มีการจับกุมชายชุดดำจำนวน 5 คน (ชาย 4 หญิง 1) ที่ก่อเหตุใช้อาวุธสงครามยิงถล่มเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 เรียกเสียงฮือฮาจากสังคมไปทั่ว แม้ว่าเวลาผ่านไปกว่า 4 ปี จากวันก่อเหตุมาจนถึงวันจับกุมผู้ต้องหา แต่ถึงอย่างไรก็ต้องชื่นชมตำรวจว่า แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ยากเย็นแค่ไหนก็ไม่พ้นความสามารถของตำรวจไทย ที่ทำได้ทุกอย่างถ้าอยากจะทำ แม้ว่าในรายละเอียดของคดีสาเหตุที่ "ไม่จับ" หรือ "จับไม่ได้" เนื่องจาก"อำนาจยังไม่เปลี่ยนมือ" จนวันนี้อยู่ในมือของอีกกลุ่ม และสถานการณ์เปลี่ยน ทุกอย่างจึงต้องเปลี่ยนตามหรือเปล่า
       
       อย่างไรก็ดีการจับกุมชายชุดดำดังกล่าวแน่นอนว่าย่อมสร้างแรงสั่นสะเทือนไปไกล กระทบกันหลายกลุ่ม บางกลุ่มนั่งไม่ติดจนต้องโผล่ออกมาเคลื่อนไหวกดดันให้ทุกอย่างกลับไปอยู่แบบเดิม
       
       ขณะเดียวกันที่ต้องจับตาไปพร้อมๆ กันก็คือข้อมูลของ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. ที่บอกว่า "จากแนวทางการสอบสวนของตำรวจพบว่า พล.ท.มนัส เปาริก เชื่อมโยงในการจัดหาอาวุธไปก่อเหตุในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 53 "
       
       แน่นอนว่าถ้าเอ่ยชื่อ พล.ท.มนัส เปาริก สำหรับคนที่ติดตามมาอย่างเกาะติดก็ต้องรับรู้กันว่า เขานี่แหละคือ "ทหารแตงโม" ขนานแท้ และที่สำคัญเขาเป็น "ตท.10" สนิทชิดเชื้อกับ ทักษิณ ชินวัตร กับคนในรัฐบาลชุดที่แล้ว ข้อมูลเพียงแค่นี้ก็น่าจะทำให้หลายคนจินตนาการ คิดต่อยอดกันได้เองอยู่แล้ว มันน่าเชื่อมโยงไปทางไหนกันแน่
       
       ย้อนกลับมาที่กลุ่มชายชุดดำที่เพิ่งมีการจับกุมได้ในยุค พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ตอนแรกก็ทำท่าขึงขัง มีการนำมาแถลงข่าวประกอบคำสารภาพในที่เกิดเหตุเรียกความสนใจจากสังคมไปทั่ว
       
       แน่นอนว่าหลายคนเชื่อว่าการจับกุมดังกล่าวน่าจะคลี่คลายนำไปสู่ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังเหตุการร้ายดังกล่าวได้แน่ โดยเฉพาะการสังหาร พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ทหาร และประชาชน ในเหตุการณ์จลาจลวันนั้นได้มากขึ้น ถึงขนาดที่ นิชา ธุวธรรม ภรรยา ถึงกับพูดว่า "มีความหวังที่สาวไปถึงผู้บงการได้มากขึ้น" แต่เชื่อหรือไม่ว่า ถัดจากนั้นไม่นาน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กลับย้ำว่า ชายชุดดำที่ถูกจับกุมดังกล่าวถูกตั้งข้อหาในคดีครอบครองอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือพกพาอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนคดีก่อการร้ายนั้น เป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ยินแล้วรู้สึก "โหวงเหวง" อะไรชอบกล ตอนแรกมีความรู้สึกมีความหวัง แต่แล้วกลับ "หยุดเอาดื้อๆ"
       
       แม้ว่านาทีนี้ยังสรุปไม่ได้ว่ากลุ่มชายชุดดำที่ถูกจับกุม จะเกี่ยวข้องกับการสังหาร พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และเจ้าหน้าที่ทหาร รวมทั้งประชาชนในเหตุการณ์วันนั้น หรือต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 53 หรือแม้แต่กรณีของ พล.ท.มนัส เปาริก ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า เป็นผู้จัดหาอาวุธให้ผู้ก่อเหตุในวันที่ 10 เมษายน 53 ก็ตาม แต่ถ้าพิจารณาจากความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง มันก็น่าจะเข้าใจตรงกันว่า "มันต้องเกี่ยวกันแน่" ส่วนจะมากจะน้อยนั้นอีกเรื่องหนึ่ง
       
       ขณะเดียวกันหากพิจารณากันอีกมุมหนึ่งทำให้อดคิดไปไม่ได้ว่า การจับกุมในครั้งนี้มันจะเกี่ยวข้องกับการ "ต่อรอง" อะไรบางอย่างหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มี "ผู้มีอำนาจ"ระบุว่า ยังมีการเคลื่อนไหวทั้งบนดินและใต้ดิน เพื่อต่อต้านรัฐบาลไม่เลิก และขอให้เลิกทันที ซึ่งกำลังติดตามทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด ดังนั้นถ้ามีการเชื่อมโยงมันก็เหมือนกับว่าต้องการให้"หยุด"อยู่กับที่ ไม่เช่นนั้นจะโดนรุกคืบมากไปกว่านี้
       
       ที่น่าสังเกตก็คือ ในเวลาต่อมาทางฝ่ายตำรวจก็มีท่าทีเปลี่ยนไป ทุกอย่างเบาลง เหมือนกับจำกัดวงอยู่แค่ชายชุดดำสามสี่คนที่ถูกจับมาได้ ยังไม่มีการพูดถึงคนบงการเลย ทั้งที่เชื่อว่าสิ่งที่สังคมกำลังเฝ้าติดตามอยู่ก็คืออยากรู้ว่า "ไอ้โม่ง" ที่อยู่ข้างหลังนั้นเป็นใครต่างหาก
       ดังนั้น แม้ว่าในเวลานี้ยังไม่อาจสรุปแบบฟันธงได้ว่าการจับกุมชายชุดดำ การดำเนินคดีกับพล.ท.มนัส เปาริก นักเรียน ตท.10 เพื่อนร่วมรุ่น ทักษิณ ชินวัตร ที่ตำรวจระบุว่า เป็นคนจัดหาอาวุธเชื่อมโยงกับการก่อเหตุในวันที่ 10 เมษายน ปี 53 ก็ตาม จะคืบหน้าไปไกลแค่ไหน จะเชื่อมโยงกับคนสั่งการคนไหนหรือไม่ ก็ตาม แต่เชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะไม่จบลงง่ายๆ เพราะต้องเป็นหนังยาว จะเป็นประเภท"ตื่นเต้น"เป็นระยะขึ้นอยู่กับในตอนนั้น"มีคลื่นใต้น้ำแรง" หรือไม่มากกว่า !!

ขอบคุณเนื้อหา manager
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=39632&page=1