ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เรารัก...ลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา (ตอนที่ ๒)

เริ่มโดย krerkchai, 14:01 น. 28 ส.ค 54

krerkchai

เรารัก...ลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา
ตอนที่ ๒ เกิดอะไรขึ้น...กับบ้านของเรา...???


สภาพปัญหาของลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาในปัจจุบันทั้ง ๓ โซนกำลังประสบปัญหาที่สำคัญได้แก่
๑. ปัญหาป่าต้นน้ำถูกทำลาย
          ลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาตอนบนซึ่งอดีตเคยมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ปัจจุบันประสบปัญหาทุกบุกรุกแผ้วถางทำลายป่าอย่างรุนแรง จากการสำรวจภาพถ่ายทางอากาศในปี ๒๕๔๗ พบว่าจังหวัดสงขลาเหลือพื้นที่ป่าสมบูรณ์เพียง ๕๕๗,๑๕๐ ไร่ หรือคิดเป็น ๑๒.๓๔% ของเนื้อที่จังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น ๑ ซึ่งมีอยู่ ๑๒๓,๔๐๐ ไร่ ถูกบุกรุกไปถึง ๓๐% และลุ่มน้ำชั้น ๒ ซึ่งมีอยู่ ๑๒๗,๒๐๖ ไร่ ถูกบุกรุกไปแล้วถึง ๕๘%

๒. ปัญหาน้ำเสียจากชุมชน
          อันเกิดจากแหล่งมลพิษสำคัญๆ ได้แก่ ชุมชนขนาดใหญ่ในพื้นที่ลุ่มน้ำและโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะช่วงตอนกลางของลุ่มน้ำ ที่มีชุมชนเมืองสำคัญอย่างหาดใหญ่และโรงงานมาตั้งอยู่ริมน้ำเป็นจำนวนมากและมีการลักลอบปล่อยน้ำเสียลงสู่สายน้ำ ผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำคลองอู่ตะเภาพบว่ามีความเสื่อมโทรมที่สุดในบรรดาลุ่มน้ำสาขาของทะเลสาบสงขลา
น้ำเสียที่ตรวจวัดได้จากชุมชนต่างๆที่ระบายน้ำเสียลงสู่คลองอู่ตะเภา และคลองสาขา โดยทั่วไปมีค่าบีโอดีต่ำกว่า ๕๐ มก. / ลิตร

๓. น้ำเสียจากอุตสาหกรรมและขยะอันตราย
          โรงงานอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา ส่วนใหญ่เป็นโรงงานเกี่ยวกับอาหารทะเลแปรรูปแช่แข็ง และโรงงานยางหรือผลิตภัณฑ์ยางพารา น้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมเหล่านี้ จะไหลลงสู่คลองอู่ตะเภาและคลองสาขาต่างๆ จากการสำรวจและเก็บตัวอย่างน้ำทิ้งโรงงานอุตสาหกรรมในปี ๒๕๔๙ พบว่า โรงงานที่ก่อมลพิษทางน้ำที่สำคัญในลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภามีประมาณ ๑๐๗ โรง

๔. น้ำเสียจากฟาร์มสุกร
          ในพื้นที่ลุ่มน้ำย่อยคลองอู่ตะเภา มีฟาร์มสุกรซึ่งจัดเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ ๑๐ ฟาร์ม มีหน่วยปศุสัตว์ รวม ๑,๗๔๒ หน่วย โดยพื้นที่ตำบลปริก อำเภอสะเดา มีน้ำหนักหน่วยปศุสัตว์มากที่สุด รองลงมา คือ พื้นที่ตำบลคลองนกกระทุง อำเภอบางกล่ำ ๓๒๔ หน่วย ปริมาณน้ำเสียที่เกิดขึ้น ๑๘๒,๖๙๖ ลิตร/วัน และเมื่อนำผลที่ได้จากการวิเคราะห์คุณภาพน้ำบ่อสุดท้ายของฟาร์มสุกรมาคำนวณ ค่าความสกปรกที่เกิดขึ้น พบว่ามีค่าความสกปรกในรูปบีโอดี ๕๘.๘๔ กก. /วัน

๕. แหล่งกำเนิดมลพิษประเภทนากุ้ง
          พื้นที่เลี้ยงกุ้งในลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาจะกระจุกตัวอยู่บริเวณปากคลองต่างๆที่ไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา ในเขตตำบลคูเต่า อำเภอหาดใหญ่ ๒๓๐๔.๕๔ ไร่ และพื้นที่นากุ้งในเขตตำบลน้ำน้อย ๒๖๔.๒๑ ไร่ หากเลี้ยงปีละ ๒ รุ่น จะประเมินค่าความสกปรกจากการทำนากุ้งในลุ่มน้ำย่อยคลองอู่ตะเภา เท่ากับ ๑๗๓๑๓๓.๗๕ กิโลกรัมต่อปี

คุณภาพน้ำทะเลสาบสงขลาบริเวณปากคลองอู่ตะเภา
          ในช่วงปี ๒๕๔๑–๒๕๕๑ สถานะคุณภาพน้ำ ของทะเลสาบสงขลาบริเวณปากคลองอู่ตะเภา โดยพิจารณาจากดัชนีตัวแปรค่าออกซิเจนละลายน้ำ (DO) พบว่าทะเลสาบสงขลาบริเวณปากคลองอู่ตะเภามีค่า DO อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคุณภาพน้ำในบริเวณนี้จัดอยู่ในประเภทเสื่อมโทรมและเสื่อม โทรมมากมาโดยตลอดในช่วงระยะ ๑๐ ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเสื่อมโทรมมากขึ้นเรื่อยๆ และจากข้อมูลคุณภาพน้ำในบริเวณเดียวกันนี้ ในช่วงปี ๒๕๔๑ – ๒๕๕๑ พบว่าตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ มีค่า BOD สะสมเกินกว่า ๔ มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งทำให้คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมาก โดยค่า BOD ในปี ๒๕๕๐ และปี ๒๕๕๑ สูงถึง ๘.๒ และ ๕.๗ มิลลิกรัมต่อลิตร ตามลำดับ   ในปี ๒๕๕๐ – ๒๕๕๑ ซึ่งสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ ๑๖ ได้ติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำตลอด คลองอู่ตะเภา ตั้งแต่ต้นน้ำจากอำเภอสะเดา ลงมาท้ายน้ำที่อำเภอหาดใหญ่ ก่อนออกสู่ทะเลสาบสงขลา พบว่าคลองอู่ตะเภามีค่า DO ในปริมาณต่ำ ทำให้สถานะคุณภาพน้ำตลอดลำคลองส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม แต่กล่าวโดยสรุปได้ว่า คุณภาพน้ำในคลองอู่ตะเภาในปี ๒๕๕๑ ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๐แต่สถานะคุณภาพน้ำคลองอู่ตะเภาโดยรวมยังจัดอยู่ในประเภทที่ ๔ (เสื่อมโทรม) โดยมีบริเวณที่เสื่อมโทรมมาก คือตั้งแต่ถนนลพบุรีราเมศร์ไปยังท้ายน้ำจนออกสู่ทะเลสาบสงขลา  ในปี ๒๕๕๐ คลองอู่ตะเภามีปริมาณความสกปรกสูงมาก กล่าวคือ ตลอดลำน้ำมีค่า BOD มากกว่า ๔ มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งคุณภาพน้ำอยู่ในประเภทที่ ๕ (เสื่อมโทรมมาก) แต่ในปี ๒๕๕๑ ปริมาณสกปรกลดลง (BOD) ส่วนใหญ่มีค่าน้อยกว่า ๔ มิลลิกรัมต่อลิตร โดยมีบางบริเวณที่ยังมีปริมาณ BOD สะสมอยู่เกินกว่า ๔ มิลลิกรัมต่อลิตร คือ บริเวณกลางน้ำในเขตอำเภอหาดใหญ่ ตั้งแต่ตำบลบ้านพรุลงมาถึงประตูระบายน้ำคลองอู่ตะเภา และมีปริมาณ BOD สะสมในปริมาณสูงอีกบริเวณท้ายน้ำ (สะพานสงขลาลากูน่า)

          การทำลายระบบนิเวศน์ริมคลอง ทั้งที่เกิดจากนโยบายการแก้ปัญหาน้ำท่วม การพัฒนาของหน่วยงานองค์กรต่างๆ ทำลายระบบนิเวศริมคลองโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มีการบุกรุกที่ดินริมคลอง มีการปรับสภาพที่ดินทำลายทางน้ำเดิม

          น้ำมีสภาพที่ขุ่นข้นและทางน้ำถูกกีดขวาง สาเหตุใหญ่เกิดจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว พื้นที่ทำการเกษตรส่วนใหญ่ในลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาจะเป็นสวนยางพารา ซึ่งเป็นการทำเกษตรเชิงเดี่ยวที่มีสภาพเตียนโล่ง เวลาฝนตกหน้าดินจึงถูกชะล้างลงไปในคลอง ทำให้สภาพน้ำในคลองเป็นสีชาขุ่น บวกกับการลักลอบดูดทราย ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สภาพน้ำในคลองขุ่นข้น

          ในช่วงตอนล่างของลุ่มน้ำเกษตรกรได้ทำการปลูกผักบุ้ง-ผักกระเฉด และผักตบชวาขวางทางน้ำ ทำให้ช่วงฤดูน้ำหลากกลายเป็นสิ่งกีดขวางการไหลของน้ำ

          ปัญหาคนเมืองสร้างขยะ  ปัจจุบันปัญหาขยะโดยเฉพาะในเขตเมือง อ.หาดใหญ่ กำลังวิกฤตหนัก ไม่มีพื้นที่รองรับขยะจำนวนมหาศาลอีกต่อไป

          ความสัมพันธ์ของชุมชนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอันเนื่องจากวิถีชีวิตเปลี่ยนไป เป็นผลสืบเนื่องจากกระแสของการพัฒนาในแบบทุนนิยมโหมทำลาย ชุมชนทิ้งลำคลองที่เคยใช้เรือสัญจรหันมาใช้ถนน คนหันหน้าบ้านทิ้งลำคลองเป็นหลังบ้าน หันไปสนใจอุตสาหกรรมมากขึ้น ละวางเมินเฉยต่อสิ่งที่มีคุณค่าในอดีต ยกตัวอย่าง ข้าวที่ปลูกในที่ลุ่มรอบทะเลสาบจะเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่มีหลากหลายพันธุ์มาก เช่นข้าวจมูกมูสังที่มีความหอมมาก เคยประกวดได้ที่ ๒ ของโลกแต่ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปแล้ว นับตั้งแต่รัฐบาลส่งเสริมการปลูกข้าวพันธุ์ กข ข้าวพื้นเมืองก็หายสาบสูญไปหมด

          ขณะที่ลุ่มน้ำอู่ตะเภาเป็นชุมชนที่มีทั้ง ๓ วัฒนธรรมคือไทย จีน และอิสลาม เป็นชุมชน ๓ น้ำคือมีทั้งน้ำเค็ม น้ำกร่อย และน้ำจืด มีการผสมผสานของวัฒนธรรมได้อย่างลงตัวและสงบสุข เมื่อลักษณะทางกายภาพเปลี่ยนไป วิถีการผลิตเปลี่ยนไป คนเข้ามาสู่เมือง ลักษณะการผสมผสานทางวัฒนธรรมและการเมืองจะสูญหายไปด้วย

          ทุกวันนี้คลองอู่ตะเภาเป็นเพียงแหล่งทิ้งขยะหรือเป็นที่ระบายน้ำเสีย อันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไป คลองไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้โดยตรงเหมือนเช่นอดีต ในตอนนี้คลองสายนี้ได้ "ตาย" ไปแล้วในความรู้สึกของชุมชน


ส่งท้ายบทความ...เมื่อเรามีคำถามชวนให้คิด...
เมื่อน้ำทิ้งของแต่ละบ้านลงสู่คูระบาย (มีน้ำเสียอะไรบ้าง???) ...คูระบายลงสู่คลองสาธารณะ (มาจากบ้านกี่หลัง???) ...น้ำในคลองสาธารณะของเราเอามาทำประปา (มีกี่บ้านใช้???) ...สัตว์น้ำในคลองเอามาเป็นอาหาร (มีกี่คนกิน???) แหล่งอาหารสัตว์น้ำพวกแพลนตอลลดลงและปนเปื้อนสัตว์น้ำจึงน้อยลง (จับปลาไม่ไ่ด้ใครเดือดร้อน???) เราไม่ชอบทานของเสีย...แต่เรากำลังดื่มกินของเสียที่ทำให้ดูดีขึ้นอยู่รึเปล่า???

เรารับรู้ว่าอากาศเปลี่ยนไปเพราะโลกร้อน...แต่เราไม่เคยสนใจว่าเรามีป่าไม้เหลืออยู่ในท้องถิ่นของเราเท่าไร...เราไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าป่าในจังหวัดสงขลามีเหลืออีกมากน้องเพียงใด...และเราอาจไม่รู้ว่าป่าของเรามีประโยชน์กับเราแค่ไหน...เรารับรู้เพียงว่าวันนี้เรายังมีน้ำใช้...เรารับรู้เพียงว่าสิ้นปีเราต้องเจอน้ำท่วมและคนเมืองต้องไม่จมน้ำ...แล้วเราจะรับรู้เรื่องราวของท้องถิ่นของเราได้เมื่อไร...
คุณรู้หรือไม่ว่าผืนป่าไม้ของเราเป็นเครื่องปรับอากาศให้เราไม่ต้องทนร้อนจากความร้อนปกติได้ถึง ๑-๕ องศา
คุณรู้หรือไม่ว่าผืนป่าไม้ของเราเป็นเครื่องฟอกอากาศให้เราไม่ต้องเป็นโรคภูมิแพ้และกรองมลพิษให้เราได้ถึง ๔๐%
คุณรู้หรือไม่ว่าผืนป่าไม้ของเราเป็นฟองน้ำซับเอาน้ำฝนที่ตกลงมาและไม่ทำให้น้ำท่วมรุนแรงและทันทีได้ถึง ๕๐%
เพราะเราไม่รับรู้และไม่สนใจ...เราจึงต้องเผชิญกับเรื่องรุนแรงทางธรรมชาติอย่างที่เป็นอยู่

เมื่อเราถามคนริมคลองว่าทำไมเด็กๆ ไม่ลงเล่นน้ำในคลองกันแล้ว...
เมื่อเราถามคนข้างคลองว่าทำไมจับปลาในแต่ละครั้งได้น้อยจัง...
เมื่อเราถามคนใกล้คลองว่าเราไม่ได้ใช้คลองไปไหนมาไหนแล้วเหรอ...
เมื่อเราถามคนในเมืองว่าน้ำประปามาจากแหล่งน้ำแห่งไหน...
เมื่อเราถามคนในเมืองว่า้ำน้ำประปามีกลิ่นคอลลีนแรงขนาดไหน...
เมื่อเราถามคนในเมืองว่าน้ำกร่อย น้ำมีสี มีกลิ่น เกิดจากอะไร...

ปล.แหล่งน้ำที่ควรนำมาใช้เพื่อการบริโภค ควรอยู่ในมาตรฐานคุณภาพน้ำประเภทที่ ๓ หรือ ๒ เท่านั้นที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาวะพื้นฐานน้อยที่สุด แต่น้ำในคลองอู่ตะเภาปัจจุบันถูกจัดให้เป็นแหล่งน้ำมาตรฐานคุณภาพน้ำประเภทที่ ๔ และ ๕ ในบางจุด และกำลังมีงานวิจัยเพื่อหาวิธีปรับระดับมาตรฐานคุณภาพน้ำนี้อยู่ ตามลิงค์นี้

http://wqm.pcd.go.th/aemmc/files/53_paper6.pdf




เราหวังว่า...ทุกๆ คนในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาจะเปิดใจเรียนรู้ธรรมชาติในท้องถิ่นของตนเองมากขึ้นและมากกว่าการหาหนทางต่อสู้กับธรรมชาติที่กำลังเกิดขึ้น

บ้านเรา ถิ่นเรา จะปล่อยให้ใครมาดูแล???
เชิญชวนทุกท่านมาช่วยกันดูแลบ้านเกิดของเรากันครับ
http://www.facebook.com/pages/เรารักลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา_จังหวัดสงขลา/227544700619410