ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

การพัฒนา-เสียงจากรากหญ้าภาคใต้ : ประชาชนขอกำหนดอนาคตตนเอง

เริ่มโดย nunuch.kapolo, 10:15 น. 08 ต.ค 57

nunuch.kapolo

                    [attach=1]
                   เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม  ๒๕๕๗  ที่ผ่านมา  คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.ทักษิณ ร่วมมือกับองค์กรภาคี จัดโครงการประชุมวิชาการชุมคน ชุมชน คนใต้ ครั้งที่ ๕ : การพัฒนา-เสียงจากรากหญ้าภาคใต้  เนื่องในโอกาสงานทักษิณวิชาการ ๒๕๕๗ ขึ้น ณ อาคาร ๑๗ (อาคารเรียนรวมอเนกประสงค์ ๒) มหาวิทยาลัยทักษิณ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีในการรวบรวมเผยแพร่ข้อมูล ผลกระทบในมิติต่างๆ จากการพัฒนา การลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องสิทธิของคนชายขอบในรูปแบบต่างๆ  รวมทั้งการจัดทำข้อเสนอและการรณรงค์ปัญหาสู่การรับรู้ของสังคม รวมทั้งการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับกลุ่มประเด็นปัญหาในพื้นที่อื่น ๆ เพื่อเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งในอนาคต

                  ภายในงานประกอบด้วยการแสดงมโนราห์ จากเครือข่ายลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา อ.ควนเนียง จ.สงขลา การแสดงเพลงเรือแหลมโพธิ์และขับมโนราห์  การเสวนาทางวิชาการ "เมื่อคนชายขอบภาคใต้ลุกขึ้นสู้ : มิติใหม่การต่อสู้ด้วยพลังชุมชนและกฎหมาย " โดยผู้แทนกลุ่มกรณี ได้แก่  ผู้แทนกลุ่มกรณีปากบารา ผู้แทนกลุ่มกรณีด่านประกอบ ผู้แทนกลุ่มเขาคูหา และผู้แทนกลุ่มคาบสมุทรสทิงพระ  รวมทั้งมีการเสวนาเรื่อง "มิติการต่อสู้จากคนชายขอบภาคใต้ในสถานการณ์ปัจจุบัน" โดย นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ   ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะและ นายจรูญ  หยูทอง  สถาบันทักษิณคดีศึกษา  มีผู้สนใจจากชุมชน บุคคลทั่วไป และนักวิชาการ เข้าร่วม มากกว่า 300 คน

รองศาสตราจารย์ ดร.ณฐพงศ์  จิตรนิรัตน์  คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์กล่าวว่า แนวทางการพัฒนามีภาวะแย้งย้อนกันอย่างมาก ดังในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่มีวิสัยทัศน์มุ่งสู่ "สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง" แต่ในสภาวะปัจจุบันการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาในพื้นที่ชุมชนภาคใต้ กลับพบว่าการตัดสินใจในการดำเนินการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ เช่น โครงการพัฒนาสะพานเศรษฐกิจเชื่อมโยงระหว่างฝั่งทะเลอันดามันกับอ่าวไทย เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งประกอบไปด้วย โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา, โครงการท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่สอง ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา และโครงการรถไฟรางคู่ความเร็วสูงพร้อมทั้งแนวท่อขนส่งน้ำมันเชื่อมท่าเรือน้ำลึกทั้งสองฝั่ง โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังถ่านหิน และโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เป็นต้น เหล่านี้ล้วนส่งผลให้วิถีการดำรงชีวิตของคนภาคใต้ทั้งหมดต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

                 การลุกขึ้นมาปกป้อง เรียกร้องสิทธิในการจัดการทรัพยากรของท้องถิ่น จึงไม่เพียงเป็นการรักษาทรัพยากรเพื่อการดำรงชีพเท่านั้น แต่ด้านหนึ่งคือการลุกขึ้นปกป้องฐานที่มั่นทางทรัพยากรของประเทศอีกด้วย ดังความเห็นของอาจารย์จรูญ หยูทอง ที่เห็นว่า "การลุกขึ้นสู้ของประชาชนเป็นสิทธิอันชอบธรรมเพื่อรักษาฐานที่มั่นและความมั่นคงทางอาหารที่เหลือเพียงแห่งเดียวของประเทศ การต่อสู้ในอดีตคือการรบนาย แต่วันนี้ต้องรวมพลังเป็นเครือข่ายเพื่อสิทธิในการจัดการตนเอง"  ขณะที่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ที่เสนอว่าภาคประชาชนต้องสร้างกระบวนการ "ป่วนรัฐที่อยุติธรรม" ซึ่งหมายถึงการแสดงออกอย่างเปิดเผยของประชาชนต่อการปฏิเสธโครงการพัฒนาของรัฐที่ไม่มีความชอบธรรมผ่านการดื้อแพ่งทุกวิถีทาง พร้อมๆกับการสร้าง "ชุมชนที่มั่น" ที่พี้อมตลอดเวลาสำหรับการ "ป่วนรัฐที่อยุติธรรม"