ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

“ไมร่า” สาวน้อยเสียงใสตะกายฝันอินเตอร์ (มีคลิป)

เริ่มโดย itplaza, 17:20 น. 14 ต.ค 57

itplaza

17 ปี ด้วยวัยเพียงเท่านี้ แต่ประสบการณ์ทางด้านดนตรีของเธอกลับก้าวไปไกลเกินกว่าอายุหลายเท่านัก หลายคนเริ่มรู้จักเธอในฐานะผู้คว้าแชมป์ "Thailand's Got Talent" ซีซั่นแรกด้วยวัยเพียง 13 ปี บางคนรู้จักเธอจากภาพหนูน้อยผู้โชคดีที่มีโอกาสร่วมร้องเพลงกับศิลปินระดับโลกอย่าง "David Foster" หลายคนรู้จักเธอในนามคนไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ได้เข้าประกวดร้องเพลง แข่งขันกับคนอเมริกันอยู่ในรายการเรียลิตี "Rising Star" ได้อย่างดุเดือดสูสี
       และอีกหลายคนกำลังจะได้ทำความรู้จักตัวตนจริงๆ ของเธอคนนี้ "ไมร่า-มณีภัสสร มอลลอย" จากปากของเธอเอง

        "อยากจะขอบคุณทุกคนเลยนะคะที่คอยติดตามไมร่า ตั้งแต่ Thailand's got talent ขอบคุณที่คอยให้กำลังใจ คอยเชียร์กัน ไมร่าเห็นตลอดค่ะว่าคนไทยมาคอมเมนต์ในหน้าเพจของไมร่า รายการต่างๆ ก็มีคอยส่งกำลังใจมาเชียร์ ก็ดีใจมากค่ะที่มีคนคอยสนับสนุนและให้กำลังใจแบบนี้ กำลังใจจากทุกคนคือกำลังใจของไมร่าเลยค่ะ ทำให้ไมร่าอยากสู้ต่อไป อยากขอบคุณมากๆ (ลากเสียง) เลยค่ะ"
       
        นี่คือสิ่งที่ไมร่าอยากพูดกับแฟนเพลงชาวไทยมากที่สุด หลังจากได้รับกำลังใจอย่างล้นหลาม ช่วยโหวตช่วยเชียร์และคอยติดตามข่าวคราวของเธอมาตลอด โดยเฉพาะในช่วงที่ได้มีโอกาสประกวดร้องเพลงในรายการ "Rising Star" เรียลิตีสัญชาติอเมริกันซึ่งออกอากาศผ่านช่อง ABC ถึงแม้ว่าการแข่งขันครั้งนั้น เธอจะไม่ได้หอบรางวัลอะไรติดตัวกลับมาด้วย มีเพียงประสบการณ์ที่คุ้มเกินคุ้มสำหรับเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งสามารถเข้าไปลึกถึงรอบ "6 คนสุดท้าย" อย่างที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน และเจ้าตัวก็พร้อมแล้วที่จะถ่ายทอดประสบการณ์สุดหินให้ฟัง ในวันที่เพิ่งเดินทางถึงบ้านเกิดได้ไม่กี่วันนี้เอง
 

        "ตอนแข่ง Rising Star ก็รู้สึกว่าหินเหมือนกันค่ะ เพราะคนที่มาสมัครเขาเก่งกันมากๆ หลายคนเลย มีคนที่เป็นนักร้องอาชีพกันอยู่แล้วด้วย บางคนที่มาแข่งก็มีทัวร์คอนเสิร์ตของตัวเองอยู่ด้วย บางคนก็ดังใน Youtube ทุกคนที่เจอดูมีประสบการณ์กันมาเยอะมาก แต่ที่ทำให้รู้สึกต่างจากเวทีที่ไทยมากคือ ไม่มีใครพูดภาษาไทยกับหนูเลยค่ะ (หัวเราะ) ยกเว้นคุณแม่กับคุณพ่อ (ยิ้ม) พูดกันอยู่แค่นี้ นอกนั้นบรรยากาศการแข่งขันก็จะคล้ายๆ กันค่ะ เพราะไม่ว่าจะแข่งในประเทศไหน เวลาแข่ง ทุกคนก็จะซีเรียส ทุกคนก็อยากเอาชนะ อยากทำให้ดีที่สุด"
       
        ไมร่ารื้อฟื้นความหลังให้ฟังด้วยท่าทีสบายๆ ตามสไตล์ของเธอ มีหยอดมุกเพิ่มสีสันเป็นช่วงๆ ช่วยให้รับรู้ได้ว่า เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้ามีนิสัยน่ารักร่าเริงและเป็นกันเอง ที่น่าสนใจคือพอพูดถึงเรื่องดนตรีทีไร ไม่ว่าเรื่องราวที่บอกเล่าจะมีเนื้อหาติดตลกเพียงใด แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยคือ "แววตาแห่งความมุ่งมั่น" ของเธอ ซึ่งค่อนข้างขัดแย้งกับคำบอกเล่าจากผู้เป็นแม่ว่า จริงๆ แล้วลูกสาวเป็นเด็กขี้อายและไม่ค่อยชอบการแข่งขันสักเท่าไหร่ เมื่อถามเจ้าตัวดูอีกที จึงได้รู้ว่าที่เห็นจัดเต็มอยู่บนเวทีนั้น มีเบื้องหลังที่ไม่ค่อยอยากบอกให้ใครรู้เก็บเอาไว้อยู่เหมือนกัน


        "ทุกครั้งก่อนจะขึ้นเวที จะเหงื่อแตก สั่น แล้วก็ต้องเข้าห้องน้ำตลอดเลย เป็นตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ ขนาดตอนนี้ก็ยังไม่หายเลย อาการแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาของไมร่าเลยค่ะ ยิ่งตอนประกวด Rising Star ยิ่งเป็นหนักเลยค่ะ (พูดไปยิ้มไป) ต้องเข้าห้องน้ำหลายรอบมาก ส่วนเข้าไปทำอะไร อย่าให้เล่ารายละเอียดเลยค่ะ เดี๋ยวผู้อ่านจะเลิกอ่าน (หัวเราะ)
        แต่พอขึ้นบนเวที เราจะเหมือนมีองค์ลง (หัวเราะ) เป็นคนที่อยากทำให้มันดีที่สุดน่ะค่ะ ไม่ว่าจะทำอะไรต้องตั้งใจให้เต็มที่ ไม่งั้นเราจะไม่ให้อภัยตัวเองค่ะ ไมร่าเป็นคนแบบนี้"

        วาดภาพเอาไว้ว่าวัยเด็กของไมร่า คงจะต้องผ่านมาแล้วหลายสมรภูมิเวทีแข่งขันเหมือนอย่างที่นักล่าฝันเจนเวทีหลายๆ คนเป็นกัน แต่ความจริงแล้ว เธอกลับเคยประกวดเพียง 4 ครั้งเท่านั้นเอง และทุกครั้งก็เป็นเวทีใหญ่ๆ หมด ไม่ใช่เพราะไม่อยากประกวดเวทีเล็กๆ แต่เพราะไมร่าไม่อยากประกวดบ่อยๆ ต่างหาก
       
        "เขาจะแข่งแต่เวทีใหญ่ๆ ไปเลยน่ะค่ะ เพราะเขาไม่อยากแข่งเท่าไหร่ จากที่ประกวดของสถาบันดนตรี "มีฟ้า" ตอนนั้น แล้วก็มาประกวดเวที "KPN" ได้เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย ตอนนั้นใครๆ ก็ตกใจค่ะว่าไมร่าเข้ามาได้ยังไง มาจากไหน เพราะเขาอายุน้อยที่สุดในการประกวดแล้ว แล้วก็มีประกวดของ "ฟิวเจอร์ปาร์ค" ครั้งนี้ได้ถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพฯ มาด้วยค่ะ จนมาได้ประกวด "Thailand's got talent" แล้วก็ "Rising Star"ค่ะ" คุณแม่ช่วยเท้าความให้ฟัง ก่อนปล่อยให้เจ้าของเรื่อง เล่าผ่านมุมมองของตัวเองต่อไป


        "หนูชอบแข่งเวทีใหญ่มากๆ ไปเลย ไม่ก็เป็นเวทีที่มีคนขอมาค่ะ (ยิ้ม) อย่างเวที "ฟิวเจอร์ปาร์ค" ชิงถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระเทพฯ ตอนนั้นที่หนูตัดสินใจไปแข่งเพราะคุณป้าขอมาค่ะ (พูดไปยิ้มไป) คุณป้าบอกอยากได้ถ้วยพระเทพฯ ทำให้ป้าหน่อยได้มั้ย? เหมือนเป็นชื่อเสียงวงศ์ตระกูลน่ะค่ะ คุณป้าบอกอย่างนั้น ไมร่าก็เลยโอเค ไปประกวดแล้วก็ได้มาค่ะ"
       
        พอได้ถ้วยมาแล้วตั้งไว้บ้านคุณป้าหรือเปล่า? ผู้สัมภาษณ์กระเซ้าถามระคนสงสัย จึงได้คำตอบพร้อมท่าทีเขินๆ จากไมร่าตอบรับกลับมา "เปล่าค่ะ ตั้งไว้บ้านหนูนี่แหละ แต่คุณป้าก็แวะมาชื่นชม" สาวน้อยลูกครึ่งไทย-อเมริกันพูดคุยอย่างอารมณ์ดี ก่อนส่งไม้ต่อให้คุณแม่ช่วยลงรายละเอียดความทรงจำที่น่าประทับใจเพิ่มเติม

       
        "งานที่ฟิวเจอร์ปาร์คมีเรื่องเล่าฮาๆ เยอะมากค่ะ เพราะต้องไปประกวดหลายอาทิตย์มาก ต้องไปทุกอาทิตย์เลย ช่วงไปประกวด คุณป้าเขาได้ไปทำบุญวันเกิดที่บ้านพักคนชราที่บางแคพอดี เขาเลยไปบอกพวกคุณยายคุณตาที่นู่นไว้ว่า หลานกำลังประกวดชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ อยู่ เดี๋ยวถ้าหลานชนะ จะให้หลานเอาถ้วยมาให้ทุกคนชื่นชมด้วยกัน ตายายที่บ้านบางแคก็อวยพรกันใหญ่ แล้วสุดท้ายก็ชนะจริงๆ
       
        แล้วยิ่งวันที่ประกวดยิ่งฮาไปใหญ่ รอบสุดท้ายเหลือประมาณ 5 คน คนอื่นๆ เขาเป็นเด็กประกวดหมดเลย ทุกคนร้องเพลงของ "Whitney Houston" หรือไม่ก็ร้องเพลงจากหนังเรื่อง "Dreamgirls" โชว์พลังเสียงกันเยอะมากค่ะ แต่ไมร่านี่ ไปร้องนิ่งๆ ร้องแนว Musical ยืนนิ่งๆ ของเขาแบบนั้น ไอ้เราก็ไม่คิดว่าลูกจะได้รางวัลหรอก คุณพ่อเขายิ่งไม่ได้มาดูเลยค่ะเพราะไม่สบาย แค่ขับมาส่งแล้วก็นอนรออยู่ในรถ พอเราโทร.ไปบอก "ลูกชนะนะ" พ่อบอก "ไม่ต้องมาโกหกผมเลย" (ยิ้ม) ไม่เชื่อค่ะว่าลูกจะชนะ


        ทุกครั้งที่เขาไปประกวด คุณแม่ก็ไม่เคยคาดหวังอะไรกับเขาเลยนะคะ แล้วก็บอกเขาด้วยว่าไม่ต้องไปคาดหวังอะไร สอนเขาตลอดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะ มีคนอื่นเก่งกว่าเราตั้งเยอะแยะ เราก็แค่ทำส่วนของเราให้ดีที่สุด ได้แค่ไหนก็แค่นั้น"
       
        และไมร่าก็ใช้ความรู้สึกแบบเดียวกันนี้เข้ามาลงสมัครในเวที "Thailand's got talent" แค่ทำให้เต็มที่ที่สุดโดยไม่ต้องกังวลถึงผลรางวัล Wไมร่าไม่เคยคาดหวังอะไรเลยค่ะเวลาเข้าประกวด คิดแค่ว่า โอเค เราจะทำให้ดีที่สุด อย่างครั้งนั้นก็ทำเพื่อคุณป้านะ ส่วน Thailand's got talent อันนี้มาจากความตั้งใจของตัวเองเลยค่ะ อยากไปเอง เพราะเราเคยดูรายการจากของต่างประเทศอยู่แล้ว เห็นว่าเท่ดี อยากลอง ก็เลยไป แล้วก็ทำให้เต็มที่ อาจจะเครียดนิดนึงตอนประกวดค่ะ แต่ไมร่าไม่ใช่คนคิดมาก"



        สุดท้าย เธอก็ได้ตำแหน่งแชมป์จากเวที Thailand's got talent มาไว้ในครอบครอง และไม่คิดว่าจะเข้าแข่งขันในเวทีไหนอีก กระทั่งวันที่ได้เดินทางไปเรียนที่อเมริกา "พอไปอยู่ที่นู่น เรารู้เลยว่ากว่าเราจะได้โอกาสๆ นึงมันยากมากๆ คนในประเทศมี 300 ล้านกว่าคน หลายๆ คนอยากเป็นนักร้อง อยากเป็นดารา พอมีโอกาสตรงนี้ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับอนาคตของเราค่ะ ก็เลยลงสมัครดู"
       
        ถึงตอนนี้ดูเหมือนเส้นทางดนตรีของเธอจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ถามว่ามองอนาคตของตัวเองไว้อย่างไรบนเส้นทางนี้ จึงได้คำตอบกลับมาว่า "ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าความคิดว่าจะเลือกทำเป็นอาชีพมันมาตอนไหน แต่เหมือนรู้กับใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าอยากร้องเพลงอะไรแบบนี้ค่ะ ในอนาคต หนูคงไม่อยากทำงานแบบนั่งในออฟฟิศ"
       
       


       
       "ซูเปอร์สตาร์" ทารก
        "อูคูเลเล่, กีตาร์, เปียโน, ไวโอลิน, วิโอล่า" คือเครื่องดนตรีที่เธอเล่นได้ "ป๊อป, อาร์แอนด์บี, แจ๊ส, คลาสิก, โอเปร่า" คือแนวเพลงที่เธอร้องได้ เคยร้องประสานเสียงอยู่ในคณะประสานเสียงของโรงเรียน เคยเป็นไวโอลินอยู่ในวง "Junior Orchestra" อ่านประวัติคร่าวๆ แล้วคงคิดว่าเธอเติบโตมาจาก "ครอบครัวตัวโน้ต" ที่ไหนได้ ในบ้านกลับไม่มีใครเป็นนักดนตรีหรือศิลปิน เพราะคุณแม่เปิดบริษัททำบทเรียนออนไลน์ทางคอมพิวเตอร์ ส่วนคุณพ่อชาวอเมริกันเป็นนักข่าวสายธุรกิจ
     

(หลากความสามารถด้านดนตรี)

   
        "ที่บ้านไม่มีเครื่องดนตรี ไม่มีเครื่องเล่นคาราโอเกะ ไม่มีอะไรเลยค่ะ ไม่มีใครร้องเพลงเลย แม่กับพ่อก็ไม่ร้องเพลงเลย แต่เราจะเปิดเพลงให้เขาฟังตลอดค่ะ ตั้งแต่ท้องเขาเลย พ่อเขาจะชอบเปิดเพลงพวกแนวออเคสตร้าโดยเฉพาะของบีโธเฟ่น (Ludwig van Beethoven) ค่ะ เป็นเพลงบรรเลงทั้งนั้น แล้วแม่ก็จะเบื่อมาก บอกตลอดว่าให้ปิดซะทีๆ รำคาญ" คุณแม่เล่าไปยิ้มไปก่อนเผยความลับเล็กๆ ให้ฟังว่า จริงๆ แล้วแววซูเปอร์สตาร์ของไคร่าเริ่มฉายแสงตั้งแต่ตอนเป็นทารกแล้ว!
       
        "พอโตขึ้นมาได้สักขวบ 2 ขวบ เวลามีดนตรีแจ๊สขึ้นมาในทีวี จากเล่นนู่นเล่นนี่อยู่ เขาจะนั่งนิ่งฟังแบบตั้งใจทันที คุณพ่อก็เริ่มสงสัยว่าทำไมเด็กตัวแค่นี้ถึงได้สนใจดนตรีแบบนี้ มันถึงขนาดที่แม่ต้องอัดดนตรีนั้นไว้ เพื่อเอามาเล่นซ้ำๆ ตอนหลอกให้เขากินนมเลยค่ะ
        กลายเป็นว่าถ้าไม่เปิดเพลง ไม่กินนม เขาจะเอาลิ้นดันๆ ออกตลอด แต่พอเราเปิดเพลงหรือเล่นดนตรีทิ้งไว้ เขาถึงจะกินนม เป็นอย่างนี้มาตลอดเลย มีช่วงนึงติดเรื่องมู่หลาน (ภาพยนตร์การ์ตูนเพลงของวอสท์ ดิสนีย์) มาก แม่เลยต้องถือวิดีโอเทปม้วนนั้นไปด้วยทุกที่เลยค่ะ ไปไหนก็ต้องเปิดให้ดู ถ้าไม่เปิดจะไม่กินข้าว ไม่กินนม คือต้องเปิดให้เขาเพลินๆ พอเพลินปุ๊บ จะป้อนอะไรให้กินก็กินหมด ปีที่มู่หลานออกมา แม่ก็จำไม่ได้ว่าปีไหน แต่ไมร่าดูหลายรอบมาก เป็นพันๆ รอบได้ ดูจนจำได้แทบจะทุกคำพูดของหนังแล้วค่ะ"
       
       
       


http://www.youtube.com/watch?v=4AxaYynZiH8

       

(ไมร่า-นิน่า สองพี่-น้อง ผู้รักการร้องเพลง)


        แล้วตอนนี้ยังเป็น "มู่หลาน" ยังเป็นหนังเรื่องโปรดอยู่หรือเปล่า? ลองหันไปถามเจ้าตัวดูบ้าง ไมร่าได้แต่หัวเราะแก้เก้อแล้วตอบว่า "ก็ยังชอบอยู่นะคะ แต่ตอนนี้ก็มีเรื่องอื่นที่ชอบเพิ่มแล้ว เปลี่ยนบ้าง (ยิ้มหวาน)" ส่วนเรื่องที่เล่นดนตรีได้หลายอย่างนั้น ไมร่าบอกว่าน่าจะมาจากความชอบส่วนตัวมากกว่า
       
        "หนูชอบตามเทรนด์ค่ะ (ยิ้ม) เห็นเพื่อนเล่นไวโอลินตอน ป.1 ก็บอกคุณแม่ แม่อยากเรียนแบบนี้ อยากเก่งแบบเขา เราก็เลยหัดเล่นบ้าง หรืออย่างเห็นเพื่อนเล่นกีตาร์แล้วร้องเพลงไปด้วย คิดว่าอยากทำแบบนั้นบ้าง เท่จังเลย ก็ลองทำดู เลยพอจะเล่นได้บ้างอย่างละนิดละหน่อยค่ะ แต่ถ้าเล่นได้จริงๆ มีแค่อย่างเดียวค่ะคือ "วิโอล่า" มาจากเคยเล่นไวโอลิน แล้วก็เปลี่ยนมาเล่นวิโอล่าแทน คงเป็นชิ้นที่ถนัดสุดแล้วค่ะ นอกนั้นพอจับๆ ได้ แต่ถ้าจะเล่นให้คนดูจริงๆ คงไม่ไหว"
       
       




       
        "แม่ไม่เคยบังคับให้เขาไปลงเรียนอะไรเลยค่ะ แค่ซื้อไวโอลินแพงหน่อยแม่ก็บ่นแล้ว" คุณแม่ช่วยเสริมด้วยรอยยิ้มทีเล่นทีจริง ก่อนเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นในการเอาดีด้านร้องเพลงที่ชัดเจนที่สุดของลูกให้ฟังว่าเกิดขึ้นตอน 8 ขวบ เพราะไมร่าอยากร่วมเวิร์กชอปกับทีม "Disney On Ice" เลยขอคุณแม่อัดเสียงร้องส่งเป็นซีดีส่งเข้าไป จนได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 30 คน และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เคยเรียนร้องเพลงมาก่อนแล้วผ่านการคัดเลือก คนนั้นก็คือ "ไมร่า"
       
        เขาได้รับคัดเลือกไป พอถึงเวลา เด็ก 30 กว่าคนเป็นเด็กประกวดหมดเลย ครูที่มาสอนเขาก็ถามว่า "มีใครไม่เคยเรียนร้องเพลงมาบ้าง?" ทั้งห้องมีคนนี้คนเดียว
       
        "รู้สึกสนุกอย่างเดียวเลยค่ะตอนนั้น คิดแค่ว่าจะได้ใส่เสื้อผ้าของดิสนีย์ ได้ขึ้นไปร้องเพลง แค่นั้นก็สนุกแล้วค่ะ" หลังจากนั้นก็มีเรียนร้องเพลงบ้าง อาทิตย์ละชั่วโมงที่โรงเรียน "Shrewsbury International School Bangkok" เริ่มจากร้องเพลงป๊อปธรรมดาๆ จนมาร้องแนวคลาสิกในตอนหลัง จากนั้นจึงได้เรียนที่สถาบันดนตรีมีฟ้า จนได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของสาขา เป็นเหตุให้ได้รับรางวัลชนะเลิศครั้งแรกในชีวิต
       
     




       

(ยืนยันด้วยภาพว่าชอบ วอลท์ ดิสนีย์ จริงๆ)


       
        "พอเริ่มเรียนไปได้เดือน 2 เดือน ที่สาขานั้นเขาก็มีการส่งเด็กที่เรียนไปประกวด เป็นตัวแทนสาขา แล้วไมร่าก็ชนะ คราวนี้ส่งไปแข่งแบบทั่วประเทศที่ตึกแกรมมี่ ตอนนั้นน้องยังเด็กอยู่เลยค่ะ เพิ่งจะประมาณ 8 ขวบ แล้วก็แข่งแบบไม่ได้แบ่งว่าเป็นแนวไหนด้วยนะคะ ใครอยากร้องล

ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=6&news_id=40261&page=1