ปชช.บ้านคลองรั้วเปิดใจรับฟังงานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมก่อนผุดโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่

[ทีมงานบ้านเรา]

กฟผ.กระบี่ ร่วมมือ ม.สงขลานครินทร์ เผยงานวิจัยผลการศึกษาการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรนิเวศวิทยาในน้ำด้านผลิตผลชีวภาพทางทะเลของท่าเทียบเรือขนถ่ายน้ำมันบ้านคลองรั้วของกฟผ.ประจำปี 2557 ชาวบ้านสนใจรับฟังคับคั่ง ไร้ปัญหากลุ่มก่อกวน

[attach=1]

เมื่อวันที่ 8 พ.ย.57 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำโดย ว่าที่พันตรีดร.อนุชาต ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายสิ่งแวดล้อมโครงการ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน กฟผ.กระบี่ ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตหาดใหญ่และวิทยาเขตภูเก็ต ซึ่งมี ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ,อ.คนึงนิตย์ ลิ่มจรขจร อาจารย์ชัยมงคล แย้มอรุณพัฒนา และคณะได้ร่วมกันนำเสนอรายงานผลการศึกษาการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรนิเวศวิทยาในน้ำด้านผลิตผลชีวภาพทางทะเลของท่าเทียบเรือขนถ่ายน้ำมันบ้านคลองรั้วของกฟผ.ประจำปี 2557 ณ ห้องประชุมตำเสา ฝ่ายปฏิบัติการภาคใต้ อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ โดยมีประชาชน รอบโรงไฟฟ้ากระบี่ มาร่วมรับฟังด้วยความสนใจประมาณ 200 คน ซึ่งในวันนี้การบรรยายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ละฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน เช่น เรื่องปลาพยูน หญ้าทะเล ฝุ่นละอองในน้ำ และการจอดเรือ เป็นต้น

[attach=2]

ว่าที่พันตรีดร.อนุชาต ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา

ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ เปิดเผยผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ว่า จากผลการศึกษาการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรนิเวศวิทยาในน้ำ ด้านผลิตผลชีวภาพทางทะเล ขอท่าเทียบเรือขนถ่ายน้ำมันบ้านคลองรั้วของ กฟผ. อยู่ในเกณฑ์ปกติ 

สถานภาพของทรัพยากรทางทะเลบริเวณพื้นที่โครงการท่าเทียบเรือขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนกระบี่โดยรวมที่มีสภาพค่อนข้างคงที่ถึงดีขึ้น แสดงถึงผลกระทบของกิจกรรมจากโครงการฯ ที่มีค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ควรมีการศึกษาและตรวจสอบผลกระทบต่อระบบนิเวศและชุมชนในพื้นที่โดยรอบโครงการฯอย่างต่อเนื่องและเข้มงวด เพื่อคงไว้ซึ่งมาตรฐานความปลอดภัยทั้งต่อตัวทรัพยากร สิ่งแวดล้อม และชุมชน

ในขณะเดียวกันควรมีกิจกรรมร่วมกับชุมชนในพื้นที่เพื่อสร้างจิตสำนึกและส่งเสริมให้มีการรักษาและฟื้นฟูซึ่งทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศ และสิ่งแวดล้อมทางทะเล เช่นการสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยสำหรับสัตว์น้ำวัยอ่อน(บ้านปลา) การร่วมกันรักษาแหล่งหญ้าทะเลและแนวปะการัง การปล่อยพันธุ์น้ำเศรษฐกิจต่างๆ เช่น หอยชักตีน การจัดทำธนาคารปูไข่การกำหนดขนาดและเครื่องมือประมงที่ไม่ทำลายล้างต่อทรัพยากรและระบบนิเวศน์ การสร้างพื้นที่อนุรักษ์สัตว์น้ำเพื่อเป็นแหล่งเลี้ยงตัวอ่อนและพ่อแม่พันธุ์ การจัดตั้งกองทุนหมุนเวียน เช่น สหกรณ์ประมงเพื่อเป็นแหล่งกองทุนในการทำกิจกรรมการอนุรักษ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาชีพ ตลอดจนการพัฒนาทางสังคมที่ดีต่อไป


[attach=3]

ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์