ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

โลกหมุนวน จาก อ.ป๋วย ถึง ประสาร ไตรรัตน์วรกุล

เริ่มโดย Mr.No, 15:49 น. 06 ก.ย 54

Mr.No

[attach=1]

ในกลุ่มนักสะสมของเก่า อย่างพวกเหรียญหรือธนบัตรเก่า คงคุ้นตาสำหรับธนบัตรที่ปรากฏลายเซ็นของอดีตผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีนามว่า ป๋วย อึ้งภากรณ์  ปรากฏบนธนบัตรหลากราคา...

แม้ผมจะไม่ใช่นักสะสมเงินในเชิงปริมาณ อย่างพวกเศรษฐีดูไบ หรือ พวกนักการเมืองพุงพลุ้ย... แต่ก็ชอบสะสมในฐานะเป็นของเก่าที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์

ผมโชคดีมีธนบัตรเก่าที่มีลายเซ็นของ อ.ป๋วย อยู่ใบนึง.. และภายใต้ลายเซ็นนั้น ทุกคนล้วนยอมรับว่าเป็นลายเซ็นของ อ.ป๋วย อึ้งภากรณ์  ..คือคนดีของแผ่นดินอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่นั่นละ...ความหมายของ "คนดี"จะได้ปรากฎอย่างจีรังยั่งยืน..บางครั้งก็ต้องรอก็ต่อเมื่อ คนนั้น กลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้วก็มี

ดังนั้นตราบใดที่ คนดีเป็น ๆ ...ทีวันนี้เห็นว่าดี... แต่ยังไม่ตายลง... เกิดความอัปมงคลขึ้นในจิตวันใด เผลอไผลทำเรื่องเลว ๆ แม้เพียงนิด หน้าประวัติศาสตร์ที่บันทึกความดี  จึงต้องหมองกลายเป็นถูกลบไปอย่างน่าอนิจจังจาก คนดี กลายเป็น เคยเป็นคนดี

แม้นว่าธนบัตรเก่าที่ปรากฏลายเซ็น อ.ป๋วย จะเป็นธนบัตรที่พอจะหาได้ไม่ยากนักในตลาดค้าธนบัตรเก่า เพราะรุ่นเก่ากว่าน่าจะมีมูลค่าและน่าสะสมกว่า  แต่ที่กลายเป็นที่ต้องการของผู้ชอบสะสมกลับเป็น รุ่นธนบัตรที่มีลายเซ็น อ.ป๋วยในฐานะผู้ว่าธนาคาร และลายเซ็นคุณเสริม วินิจฉัยกุลในฐานะ รมวคลังในยุคนั้น

เหตุเพราะ เพราะดีกรี อ.ป๋วย เป็นที่ยอมรับกันว่า คือตัวแทนของ "คนดี" และที่สำคัญชื่อของท่านเมื่อแปลความหมายจากภาษาจีนก็หมายถึง  "เสริมส่ง" หรือ "ส่งเสริม"   ซึ่งดันไปคล้องความหมายกับอีกลายเซ็นคู่ที่ปรากฏโดย นายเสริม วินิจฉัยกุล รมว.คลังในยุคนั้น ..

นายเสริม วินิจฉัยกุล ท่านก็เป็นคนดี ซื่อตรง เที่ยงตรงและรับใช้ชาติแผ่นดินมาตลอดชีวิต สุดท้ายได้เกียรติประกาศไว้อย่างตลอดกาลจากกระทรวงการคลังว่าเป็นนี่คือ  "คนดีศรีคลัง"

คนนึงแปลว่า "ส่งเสริม"  อีกคน ชื่อตรง ๆ คือ เสริม  ...สองเสริม เติมในธนบัตรเก่า กลายเป็นของดี ควรค่าแก่การสะสมและที่สำคัญ กลายเป็นธนบัตรขวัญกระเป๋าที่คนนิยมมากที่สุด เพราะธนบัตรรุ่นสองลายเซ็นนี้นัยว่า พกไว้ ไม่มีวันจน...


ผมนั่งลูบธนบัตรเก่าที่มีลายเซ็น อ.ป๋วย อย่างภูมิใจ (แม้จริง ๆถึงจะมีธนบัตรรุ่นนี้ ความจริงก็ยังไม่เห็นว่า ร่ำรวยหยั่งที่เค้าร่ำลือกัน)  แต่ระหว่างนั่งลูบไปใจกลับคิดถึงใครบางคนที่น่าอัศจรรย์ว่า เมื่อเวลาผ่านไปนับหลายสิบปี โลก,คน, และเวลา อะไรมันจะวนเวียนคล้องจองกันได้ เมื่อบนธนบัตรใหม่เอี่ยมอีกใบวันนี้  ปรากฎลายเซ็นคู่ของผู้ว่าแบงค์ชาติคนใหม่ที่มีนามว่า ประสาร ไตรรัตน์วรกุล พร้อมกับ อดีต รมว.เสาโทรเลข คุณกรณ์ จาติกวนิช 

ที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ก็คือ สองคน สองกาลเวลา อย่าง อ.ป๋วย อึ้งภากรณ์ กับ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ถูกโชคชะตาลิขิตให้ต้องมาขีดเขียนบันทึกลายเซ็นชื่อลงบนธนบัตร ในตำแหน่งเดียวกัน เพียงแต่ต่างกรรม ต่างวาระ เท่านั้น...

อ.ป๋วย อึ้งภากรณ์ ได้รับการบันทึกส่วนหนึ่งว่า เป็นผุ้ว่าการธนาคารชาติในยุคที่ปลอดการเมืองแทรกแซงมากที่สุด ,มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศและวินัยการเงินการคลัง ดีที่สุดเท่าที่มีมา ดังนั้น เมื่อได้คนดี มีวินัยและรักชาติแผ่นดิน มาดูแลเงินของประเทศ ก็ถือเป็นบุญที่ประเทศไม่กลายเป็นประเทศล้มละลายไปในช่วงเวลานั้น

ชีวิตของ อ.ป๋วย นั้น แม้นเกิดมาเป็นลูกคนจีนที่มีฐานะยากจน  แต่ชีวิตท่านเลือกที่จะต่อสู้ร่ำเรียนจนจบและเลือกที่จะเกิดมาเพื่อทำงานทดแทนคุณให้แผ่นดินไทย ทั้งงานในฝ่ายบู้ยามประเทศมีสงคราม(ในฐานะเสรีไทย)และฝ่ายบุ๋น(ฐานะอาจารย์,นักวิชาการ,ข้าราชการ) แล้ว ท่านยังมีความกล้าหาญท้าทายอำนาจรัฐที่กดขี่ประเทศข่มเหงประชาชนได้อย่างน่าชื่นชม

ในยุคที่จอมพลถนอม กิตติขจร ทำรัฐประหารขึ้นเป็นผู้นำ เมื่อปี 2516   อ.ป๋วยหาญกล้าเขียนหนังสือขอให้ จอมพลถนอม ยอมให้ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญไว้เป็นกติกาสำหรับประชาชนที่แท้จริงเสียที..

ในห้วงเวลาเดียวกัน... นิสิตหนุ่มหน้ามลลูกคนจีน อย่าง ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ก็กล้าหาญที่จะยื่นหนังสือให้จอมพลถนอม ปล่อยตัวเพื่อนนักศึกษา 13 คนที่ถูกจับยุค ตุลา 16 กรณีเรียกร้องรัฐธรรมนูญออกมาได้สำเร็จ

สองคน ต่างวัย แต่ร่วมแนวคิดและแนวทางเดียวกัน คือ  สร้างความเป็นธรรม แก่สังคม  และหาญเผชิญหน้าต่ออำนาจเผด็จการที่มีอาวุธในมือที่จะประหัตประหารได้ในทันที

ในช่วงที่ กำลังแคนดิเดท หาตัวผู้ว่าการแบงค์ชาติ เมื่อปีที่แล้วนั้น ตัวเก็งที่สำคัญมีสองคน คือ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล กับนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล สองคนก็นี้มีอะไรที่คล้ายและแตกต่างกัน อย่างน่าสนใจ


ที่คล้ายคือ สองคนนี้ อายุเท่ากัน รุ่นเดียวกัน และเป็นลูกหม้อเดียวกันคือเริ่มต้นทำงานที่แบงค์ชาติมาเหมือน ๆ กัน...
ต่างคนก็เติบโตตามหน้าที่การงานกันไป แต่ก็ยังวนเวียนเทียวไล่ เทียวรุกกันมาตลอด

ช่วงทีคุณประสาร นั่งตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คุณธีระชัย อยู่ฝั่งแบงค์ชาติ นั่งตำแหน่งรองผู้ว่า

เมื่อคุณประสาร หมดวาระลง คุณธีระชัยข้ามมานั่งเป็น เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แทน?  และที่มันสนุกตรงโลกหมุนวนให้สองคนนี้กลับมาเจอกันอีกในสนามเลือกผู้ว่าแบงค์ชาติอีกครั้ง!!....

สุดท้าย คุณประสาร ได้นั่งตำแหน่งผู้ว่าแบงค์ชาติ ในขณะที่คุณธีระชัย พลาดโอกาส... แต่ท้ายกลายมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในกระทรวงการคลัง คือนั่งตำแหน่ง รมว.คลัง ในรัฐบาลปูจ๋า

ที่สองคนนี้ต่างกัน และต่างกันอย่างน่าลุ้นก็คือ คนหนึ่งทำงานให้ภาคการเมืองสนองงานตามนโยบายนักการเมือง อีกคนทำงานที่อยู่ในฐานะอิสระโดยเลือกเอาความมั่นคงทางการเงินของชาติและแผ่นดินเป็นหลัก

และเมื่อดูต้นทุนทางสังคมระหว่างสองคนนี้ ก็น่าสนใจตรงที่ คนหนึ่งมีชนักปักหลังเกี่ยวกับการจัดการเรื่องหุ้นของทักษิณ แบบประหลาด ๆ กับวาทะที่ว่า

""การตรวจสอบในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ และนางสาวพิณทองทา สำนักงาน ก.ล.ต.ไม่พบความผิดในการทำผิดระเบียบเรื่องการรายงานการถือครองหุ้น รวมทั้งการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด"



ส่วนอีกคน.มีภาษีดีกว่าในแง่ภาพของความโปร่งใส ซื่อสัตย์....ที่นักวิชาการหลายสำนักให้ดีกรีความเป็นมืออาชีพและมือสะอาดเป็นเครื่องการันตี

และเมื่อภาคการเมืองมีบัญชาผ่านนโยบายมาถึง รมว.คลัง เกี่ยวกับการอยากใช้เงิน ๆ  ทอง ๆ ที่เรียกว่า "กองทุนมั่งคั่ง"  คุณธีระชัย  ก็เลยต้องท้าวัดกำลังกับอดีตแคนดิเดทเก่าคู่รักคู่แค้น อย่าง คุณประสาร

ตั้งคำถามให้เพื่อนเก่าต่างขั้ว ตอบภายใน 30 วันว่า จะมีแนวทางอย่างไร ถ้าอยากเปิดกระเป๋าเอาเงินหลวงมาใช้... แต่เสียงตอบกลับยังไม่ถึง 1 วันจาก ดร.ประสาร คือ   "ยากสส์" 

งานนี้คือ คงต้องจับตากันต่อไปว่า  ดีกรีชื่อเสียงและประสบการณ์รวมทั้งแนวคิดของ คุณประสาร ที่ภายนอกจะดูนุ่มนิ่ม แต่ข้างในนั้น คนที่รุ้จักมักบอกได้คำเดียวว่า "นิ่งและหิน" อย่าบอกใคร กับอีกฝ่ายที่มีการเมืองและนายทุนคุมทัพ งานนี้จึงต้องดุว่า  คุณประสาร จะต้านแรงเสียดทานจน หินที่แข็งและนิ่ง จะกลายเป็น   "นุ่มจนเปื่อยยุ่ย" แบบ ที่ ผบตร.ท่านเป็นในวันนี้หรือไม่

คุณประสาร เลือกให้ ดร.ป๋วย เป็นต้นแบบของผู้ว่า... ดังนั้น สิ่งที่จะเป็นได้แบบ อ.ป๋วย คือ ต้องกล้าหาญด้วย  เก่งอย่างเดียวแต่ไม่กล้า ก็ป่วยการ

อ.ป๋วย ท่านเคยเขียนกลอนไว้ว่า

กูชายชาญชาติเชื้อ  ชาตรี
กูเกิดมาก็ที             หนึ่งเฮ้ย
กูคาดก่อนสิ้น        ชีวาอาตย์
กูจักไว้ลายเว้ย       โลกให้ใครเห็น

วันนี้ครบถ้วนดั่งกลอนที่ท่านเขียน เพราะนอกจากสร้างความดีต่อบุคคลทั่วไป ต่อแผ่นดินให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว ท่านยังไว้ลาย(เซ็น) ให้คนรุ่นหลังได้เก็บหาเป็นของดีประจำตัวอีกด้วย

นับแต่นี้ต่อไป ผมจะจับตา และติดตามว่า ธนบัตรที่ควรค่าแก่การสะสมในยุคต่อไป จะรวมเอาธนบัตรที่ลายเซ็นชื่อคนดี ๆ อย่าง คุณประสาร ไตรรัตน์วรกุล เป็นหนึ่งในของสะสมเหล่านั้นหรือไม่ หรือแค่ธนบัตรที่เคยมีใช้ในครั้งหนึ่ง ก็คงต้องใช้เวลา...

จะไว้ลายโดยยึดเอา อ.ป๋วย เป็นต้นแบบ หรือหมดลาย กลายเป็น อดีตคนเคยดี  ก็ต้องคอยติดตามชมกันนะครับ


..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.