ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

“ประยุทธ์” ติงสื่ออย่าดึง รบ.เป็นคู่ขัดแย้ง ยันให้เสรีภาพแต่อย่าเกินขอบเขต

เริ่มโดย หาดใหญ่ใหม่, 16:25 น. 22 พ.ย 57

หาดใหญ่ใหม่

โดย ไทยพีบีเอส http://news.thaipbs.or.th

ประยุทธ์เปรียบรัฐบาลเหมือน "ผู้จัดการแข่งขัน" ติงสื่ออย่าดึงเข้าเป็นคู่ขัดแย้งทางสังคม ยันสื่อมีเสรีภาพ แต่อย่าเกินขอบเขต สร้างความเกลียดชังให้คสช. ส่วนเหตุการณ์นักศึกษาต่อต้านรัฐบาล ไม่โกรธ และจะไม่ดำเนินการทางกฎหมาย แต่ขอให้เบาลง พร้อมระบุสั่ง สปช.วางแนวทางปฏิรูปใน 3 ระยะ ทำทันที ทำใน 1 ปี และส่งต่องานให้รัฐบาลหน้า


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติวันนี้ (21 พ.ย.2557) โดยกล่าวขอแสดงความเสียใจกับนายทหารที่เสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ทั้ง 9 คน ที่เป็นผู้ที่ได้เสียสละทำงานเพื่อประเทศชาติมาโดยตลอดชีวิตรับราชการจึงขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตทุกท่านอย่างสุดซึ้ง

ทั้งนี้ในส่วนของการทำงาน มีหลักในการบริหารราชการโดยให้ข้าราชการน้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" และ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯมาเป็นหลักในการปฏิบัติ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม

ในส่วนของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันตั้งแต่ระดับเล็ก ยันระดับโลก ประชาชนจะต้องปรับตัว และทุกภาคส่วนต้องร่วมกันทำงาน โดยรัฐบาลเน้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน ทั้งในเรื่องการเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน เพิ่มราคาขาย เพิ่มผลกำไรให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต เลี้ยงดูครอบครัว ไม่ให้มีปัญหาปากท้อง ปัญหาสังคม และในเรื่องของการรักษาพยายาล สามารถจ่ายภาษีให้กับรัฐได้ เพื่อนำงบประมาณจากภาษีทุกรูปแบบ ไปใช้จ่าย จัดสรรสวัสดิการกลับไปสู่ประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด โดยการบริหารราชการแผ่นดินนั้น จะต้องมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้สามารถนำมาประเมินผลได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อการพัฒนาประเทศเป็นไปตามวิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์ที่ได้กำหนดไว้ร่วมกันล่วงหน้า

พร้อมทั้งยืนยันว่าประเทศไทยจะต้องรีบปรับตัวให้ทันกับการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2015 โดยรัฐบาลจะเตรียมความพร้อมในทุกด้าน และจะมีการศึกษา วางแผน เพื่อจัดทำวิสัยทัศน์ในปี 2015, 2025 และ 2035 เพื่อเตรียมการขับเคลื่อนประเทศไทยได้ในระยะยาว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการช่วยเหลือเกษตรกรในเรื่องเงินอุดหนุน หรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำต่างๆนั้น เป็นการแก้ไขปัญหาเพียงชั่วคราวยังไม่ยั่งยืน รัฐบาลจะต้องใช้วิธีการทั้งรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ในการขับเคลื่อน ประชาชนต้องปรับตัว เรียนรู้ มีกระบวนการคิดที่ดีเป็นระบบ เพื่อให้เกิดการร่วมมือกัน

"คงไม่ใช่การรวมกลุ่มเพื่อสร้างเงื่อนไขแต่เพียงอย่างเดียว เป็นการรวมกลุ่มกันช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันแก้ไข จะทำให้สามารถทำให้เกิดสิ่งที่ดีๆ และแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านั้นได้ สิ่งใดที่เป็นปัญหาก็เตรียมการป้องกันแก้ไขไว้ก่อน หากยังมีความไม่ไว้วางใจกันซึ่งกันและกัน ไม่เชื่อใจกัน ยังมีความหวาดระแวงซึ่งกันและกันอยู่ โดยคนบางกลุ่มก็ยังไม่ค่อยจะปรับทัศนคติ ปัญหาต่างๆ เหล่านั้นคงแก้ไขไม่ได้ ทั้งวันนี้และในอนาคตด้วยเราจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย สิ่งเหล่านั้นก็ยังคงเป็นปัญหา เป็นความขัดแย้ง เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศในระยะต่อไป"

ทั้งนี้ในระหว่างที่รัฐบาลกำลังจัดระเบียบ หรือปฏิรูป รัฐบาลพยายามจะไม่ให้กระทบความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยาก เพราะการบังคับใช้กฎหมายและการเปลี่ยนแปลงใดๆนั้น ก็จะต้องมีทั้งผู้ที่มีส่วนได้ ส่วนเสีย ซึ่งก็จะต้องมาดูกันว่าเราจะมีมาตรการอย่างไร ในการดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบต่างๆ รัฐบาลยืนยันจุดยืนในการรักษาความถูกต้องและผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาข้อขัดข้องสำคัญๆที่รัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ประสบและประเมินแล้วพบว่า การขับเคลื่อนการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติยังไม่เกิดประสิทธิภาพเต็มที่ ยังไม่มีผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนมากนัก เหตุเพราะขาดข้อมูลที่ถูกต้อง ทันสมัยและเพียงพอ ข้าราชการและหน่วยงานระดับผู้ปฏิบัติที่ใกล้ชิดกับประชาชน ยังอาจจะไม่เข้าใจลึกซึ้งในนโยบายเท่าที่ควร ทำให้ไม่สามารถที่จะประยุกต์ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง หรืออาจจะมีการสื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจได้ชัดเจนไม่มากนัก ดังนั้นทุกหน่วยงานจึงต้องร่วมกันทำงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และความพึงพอใจของประชาชนให้ได้
โดยในการขับเคลื่อนนโยบายใหม่ๆ หรือการแก้ปัญหาจะต้องทำความเข้าใจให้มากขึ้นด้วย ไม่เช่นนั้นจะเกิดการต่อต้าน และอาจมีการปลุกปั่นจากผู้มีอิทธิพล ผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์ทั้งกลุ่มเดิม และกลุ่มใหม่ได้

"ทุกท่านก็เป็นคนไทยเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นการเคลื่อนไหวใด ๆ ต้องคำนึงถึงความสงบสุขของประเทศไทย และประชาชนไทยโดยรวม เราไม่เคยมีความขัดแย้งซึ่งกันและกัน ขอวิงวอนให้ท่านทำหน้าที่ของท่านได้อย่างเหมาะสม"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ประชาชน สื่อสารมวลชนนั้น ขณะนี้ยังขับเคลื่อนร่วมมือกันยังไม่ได้เต็มที่ อาจจะต้องมีการพูดคุยปรับทัศนคติที่มีต่อกัน หันหน้ากัน พูดคุยกันทุกช่องทาง ส่งเสริมกันบ้างในสิ่งที่ดีๆ พร้อมทั้งเสนอความคิดเห็นต่างเหล่านั้น ตามช่องทางที่มีอยู่ ที่เหมาะ ที่ควร ทั้งนี้เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติจริง ถ้าหากว่าเราสร้างเงื่อนไขต่อไป หรือแสดงความขัดแย้งกันต่อไป ก็จะเกิดประเด็นความขัดแย้งใหม่ และขยายแผลเก่าในสังคม ซึ่งมีอยู่มากมายในปัจจุบัน จนรัฐบาลก็ไม่สามารถจะแก้ไขหรือดำเนินงานอะไรได้

"วันนี้ถ้าหากว่าไม่เข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทย ว่าอยู่ในลักษณะใด ในปัญหาใด ก็ขอเรียนว่าวันนี้ เราย้ำอีกครั้งเราอยู่ในสถานการณ์ที่ยังไม่ปกติมากนัก ความขัดแย้งยังคงมีอยู่ แม้ว่าจะยังไม่เกิดความรุนแรงขึ้นก็ตาม บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย แต่เราก็มีความจำเป็น ในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งกฎหมายปกติและกฎหมายพิเศษ อย่างระมัดระวังเพื่อรักษาบรรยากาศในการพัฒนา และเพื่อลดความขัดแย้ง แต่ขอร้องไม่ให้ก้าวล่วงละเมิดซึ่งกันและกัน รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลพิเศษ มาเพื่อแก้ไขปัญหา ไม่ได้มาสร้างปัญหา หรือว่ามาทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง"

โดยในการแก้ปัญหา เรื่องที่ผิดกฎหมาย หรือความขัดแย้งในสังคม อยากให้ทุกพวกทุกฝ่ายเข้ามาร่วมหารือพิจารณานำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม

"ผมคิดว่าอะไรที่ผิด ก็ต้องผิด อะไรที่ถูก ก็ต้องถูก หากทุกคนยึดถือกฎหมาย เคารพในกระบวนการยุติธรรม ที่ปราศจากความกดดัน ไม่มีกฎหมายพิเศษ ไม่มีกฎหมายพิเศษมาบังคับหรือมีกลไกต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากกระบวนการยุติธรรมปกติมาบังคับมาแก้ไขกัน ผมว่าก็ไม่มีเรื่องราว ที่จะขัดแย้งกันอีกต่อไป เพราะฉะนั้นไม่อยากให้ทุกคนเร่งรัดหรือชี้นำแล้วก็ไม่ด่วนตัดสินกันเอง ตามอารมณ์ความรู้สึก มิเช่นนั้นแล้ว ปัญหาเหล่านี้จะเกิดขึ้นมาอีก ขัดแย้งกันได้อีก เราต้องส่งเสริมกระบวนการยุติธรรมให้ได้รับการยอมรับ โดยรัฐบาลนั้นยึดมั่นในความเป็นกลาง เป็นกลางระหว่างถูกกับผิดกฎหมาย ไม่ใช่เป็นกลางระหว่างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใครทำผิดก็ว่าไป ใครทำถูกก็ว่าไป ใครที่มีเจตนาบริสุทธิ์เราก็ไม่ได้ว่าอะไร อันที่จริงแล้วนั้น อำนาจฝ่ายบริหารนั้น มีอย่างจำกัดเราก็พยายามไม่ก้าวก่ายใครอยู่แล้ว แต่หน้าที่ของเราคือการกำกับดูแลให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม เพื่อจะรักษาบรรยากาศในการปรองดองของคนในชาติ"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า โดยสรุปแล้วสิ่งที่อาจทำให้เกิดความขัดแย้งต่อไปในอนาคต มี 3 ประการสำคัญคือ

ประการแรก ในการเรื่องตัดสินในคดีต่างๆนั้น การใช้กระบวนการยุติธรรมหากไม่ได้รับการยอมรับ แล้วมีผู้เห็นต่าง แน่นอนต้องมีการผิดถูกข้างใดข้างหนึ่ง เพราะฉะนั้นหากมีการปลุกระดมประชาชน โดยการใช้คำพูด โดยใช้สื่อ ที่อาจจะไม่มีความเป็นกลางทางการเมืองมากนักเหล่านี้จะทำให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายไปได้อีก

ประการที่สอง คือ เจ้าหน้าที่ถูกกดดัน ทำงานภายใต้สภาพแรงกดดัน ทำให้การใช้วิจารณญาณหรือการดำเนินการไปตามหลักการนั้น ไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง หรือหลักฐาน หรือกฎหมายที่มีอยู่ทุกคนต้องเคารพอัตตาตัวเองให้ได้

ประการที่สาม ก็คือ ในเรื่องสื่อ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ ในเรื่องของโซเชียลมีเดียทั้งหมด ทั้งในและนอกประเทศ ก็ยังคงมีอยู่ใช้เป็นเครื่องมือสร้างความเกลียดแค้น ชิงชัง ไปสู่ความขัดแย้ง แตกแยก โดยการเผยแพร่ข้อมูลในลักษณะที่ Hate Speech เป็นเรื่องจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจริง มีวัตถุประสงค์แอบแฝงบางอย่างอยู่

ซึ่งในฐานะเป็นผู้นำรัฐบาล จำเป็นต้องรักษาสถานการณ์ให้เป็นปกติ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งให้ได้โดยเร็ว จึงขอยืนยันว่าความขัดแย้งกันเอง หรือขัดแย้งต่อการทำงานของรัฐบาลโดยไม่มีเหตุผล หรือขาดข้อเท็จจริง จะทำให้ประเทศขาดเสถียรภาพ ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เข้มแข็ง ที่ทุกคนคาดหวัง ก็เกิดขึ้นไม่ได้อย่างแน่นอน

สำหรับกรณีสื่อต่างๆ ขอให้เข้าใจสถานการณ์บ้านเมือง โดยสื่อต้องมีขอบเขต ไม่เช่นนั้นจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีกับประเทศชาติ โดย คสช. ไม่เคยมีความคิดที่จะไปใช้ความรุนแรงใด ๆ กับสื่อ
"วันนี้ผมได้สั่งให้นำผลสรุปของการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยของสถานีโทรทัศน์ ที่จัดมาผมเห็นสรุปวันนี้ก็ดูดี นำมาแล้วเดี๋ยวจะให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไปศึกษา ไปดู เพื่อจะนำแนวความคิดเหล่านั้นมาดำเนินการ"

ทั้งนี้ขอให้สรุปข้อมูลว่าประชาชนต้องการอะไรแล้วส่งต่อให้รัฐบาล โดยไม่ก้าวล่วงซึ่งกันและกัน

"ยังจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ เพราะว่ามีเหตุการณ์อย่างนี้อยู่ พราะฉะนั้นก็ขอให้เคารพกฎหมาย เคารพคนอื่นเขา มีจริยธรรมและก็ส่งเสริมการปฏิรูป ต้องปรับตัวช่วยกันนำเสนอข้อเท็จจริงเชิงสร้างสรรค์ ผมยินดีรับฟังทุกสื่อ ทุกช่อง ทุกคนด้วยซ้ำไป แต่อย่าไปสร้างปัญหา อย่าไปสร้างความเกลียดชังให้กับพวกเรา"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลที่ต้องการสร้างปัญหา หรือสร้างความขัดแย้ง เรามาแก้ไขตรงกลางให้ได้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด เพราะฉะนั้นอย่าลากรัฐบาลเข้าไปอยู่ตรงในสนามด้วย เพราะมาในฐานะผู้จัดการแข่งขัน อย่าเอาไปเกี่ยวข้องกับผู้เล่น เพราะกรรมการต้องเป็นผู้ตัดสิน โดยกรรมการวันนี้คือ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ รัฐบาล คสช. เป็น "ผู้จัดการแข่งขัน" กรรมการ แล้วก็นักกีฬา

"ทุก ๆ คนก็ทำหน้าที่กันตามนั้น ในส่วนของกรรมการก็ต้องดำเนินการตามหน้าที่ของกฎหมายในการแก้ปัญหาให้เกิดความเป็นธรรม ประชาชนพึงพอใจ จะได้ไม่เกิดความขัดแย้งกันอีก เหมือนว่าการแข่งกีฬาจะดูกีฬาให้สนุกกรรมการก็ต้องดี ต้องเป็นธรรม นักกีฬาก็ต้องเคารพ ในกติกา ผู้จัดการแข่งขันก็จะคำนึงถึงความปลอดภัยของการดูกีฬา ต้องช่วยกัน ถ้าลากทุกอย่างมาปนกันไปหมด กีฬาก็แข่งขันไม่ได้เหมือนกับอะไร ก็เหมือนกับวันนี้ปฏิรูปไม่ได้เลย ถ้าตีกันไปตีกันมาอย่างนี้ก็ติดกับดักเหมือนเดิม ไปไหนไม่รอด"

สำหรับความคืบหน้าในการทำงานสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ได้ขับเคลื่อนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ให้เกิดขึ้นให้ได้ 5 พื้นที่ ภายในปีงบประมาณนี้ ได้แก่
1.อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
2.อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
3.พื้นที่ชายแดน จังหวัดตราด
4.พื้นที่ชายแดน จังหวัดมุกดาหาร
5.อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา

โดยทุกหน่วยงานกำลังเร่งดำเนินการ ทั้งแผนงาน งบประมาณ และผังเมือง รวมทั้งมาตรการสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ในการลงทุนของผู้ประกอบการ รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะว่าเชื่อมโยงในการสร้างการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจจากในประเทศไปสู่ชายแดนค้าขายระหว่างประเทศแล้วก็เชื่อมโยงไปสู่ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภูมิภาคอาเซียน แล้วก็ไปประชาคมโลกอื่น ๆ รวมทั้งในการแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าตามแนวชายแดนและการสร้างอาชีพรายได้ให้กับประชาชนที่ยากจนตามพื้นที่ชนบท มีการปรับรูปแบบทั้งหมดในขณะนี้ด้วย
ส่วนงานด้านความมั่นคง รัฐบาลและคสช.จะต้องรักษาสถานกาณณ์ให้เอื้ออำนวยต่อการปฏิรูป เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง โดยขอขอบคุณทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ อย่าให้ความคิดขัดแย้งขยายลุกลามไปถึงเด็ก ผู้ใหญ่ ทุกคน ขอให้ผู้ที่เป็นหัวหน้าแต่ละส่วนแต่ละฝ่าย ต้องหาวิธีการพยายามให้ทุกคนละทิ้งความขัดแย้ง ละทิ้งตัวตนไว้ก่อนแล้วร่วมแรงร่วมใจกันสร้างประเทศ

งานด้านการศึกษา ยังเน้นการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมเพราะเชื่อว่าจะสร้างความทัดเทียมทางการศึกษาได้ และขอให้ครูอธิบายเพิ่มเติมจากบทเรียนผ่านโทรทัศน์ดาวเทียมด้วย เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งจะดีกับโรงเรียนที่มีครูน้อย จะได้ลดภาระการสอนลง โดยรัฐบาลขอชื่นชมในความเสียสละ และรัฐบาลจะดูแลสวัสดิการข้าราชการครูให้ดีที่สุด

ส่วนการติดตามการแก้ไขปัญหาของประชาชนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้เดินทางไปติดตามการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาลที่จังหวัดต่างๆ ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีโอกาสพบปะพี่น้องประชาชน ข้าราชการในพื้นที่ ก็ได้ชี้แจง พูดคุย ทำความเข้าใจ และก็ได้รับทราบปัญหา ข้อขัดข้องต่าง ๆ เพื่อจะนำมาปรับปรุงแก้ไข สำหรับศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัด อำเภอ ทราบว่าประสบความสำเร็จอย่างมากโดยต่อไปปัญหาเหล่านั้นจะนำมาแก้อย่างยั่งยืน
"เมื่อเจอความเดือดร้อนก็ทำทันที ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ให้ได้ ให้ทันต่อความลำบากเดือดร้อนของประชาชน ทุกโครงการมีความคืบหน้า และดีใจที่แหล่งน้ำ อำเภอกระนวน สามารถจะดูแลพี่น้อง 4 อำเภอ แต่แหล่งน้ำที่ขาดการปรับปรุง ขุดลอกมาประมาณ 20 ปีนั้น คสช. เข้ามา ก็ได้ตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายและบริหารทรัพยากรน้ำ ได้ประชุม พิจารณาแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ได้อนุมัติงบประมาณเป็นที่เรียบร้อย กำลังขุดอยู่ กำลังดำเนินการอยู่ ก็จะเพิ่มน้ำได้จาก 1 ล้านลูกบาศก์เมตรเป็น 10 ล้านลูกบาศก์เมตร ก็ขึ้นมาอีกตั้งมากมาย พี่น้องชาวกระนวนมีความพึงพอใจ ขอชื่นชมทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทุกส่วนราชการร่วมกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ด้วย"

โดยในเรื่องของการขุดลอกคูคลอง การบริหารเรื่องน้ำ จะทำทุกพื้นที่ ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้ และจะมีการเชื่อมโยงระบบชลประทานกับแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำสาขาต่าง ๆ ด้วย

สำหรับการปฏิรูปสัปดาห์ที่ผ่านมา คสช. ครม. สนช. สปช. และคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกัน เพื่อสร้างความเข้าใจ กำหนดทิศทางที่ตรงกัน ในแนวทางที่จะร่วมกันปฏิรูป และสร้างประชาธิปไตยให้สมบูรณ์
"ผมก็คงต้องขอความร่วมมืออีกครั้งจากทุกพวกทุกฝ่าย ช่วงเวลานี้เป็นเวลาสำคัญที่สุด ประเทศไทยไม่เคยมีการปฏิรูปแบบนี้เกิดขึ้น อาจจะมีการปฏิรูปเล็กๆน้อยๆมาตลอด วันนี้เราปฏิรูปทั้งหมด เพราะฉะนั้นผมก็ได้บอกว่าทำอย่างไรเราจะทำให้เกิดการปฏิรูปได้ทันเวลา ฉะนั้นก็ต้องรวบรวมข้อมูล รวบรวมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน หาช่องทางให้ได้ คือคงไม่ใช่ช่องทางราชการเพียงอย่างเดียว ทุกคนมีพรรคพวก เพื่อนฝูง พี่น้อง ประชาชนในภูมิลำเนาของตนเอง ก็ไปรวบรวมมา มาช่วยกันและนำเข้าสู่สภาปฏิรูป ถ้าบอกว่าทุกคนอยากมีส่วนร่วม แต่ก็ทำสะเปะสะปะ มันไม่ได้ ก็ไม่สามารถจะนำมารวมกันได้สักที ท่านไปหาช่องทางให้สั้นที่สุดให้ตรงที่สุดเข้ามา ผมไม่เคยขัดข้องเลย ดีกว่าไปพูดเปล่าๆ ที่โน่นที่นี่ ขัดแย้งกันโดยตลอด ถ้าหากทุกคนเสนอข้อคิดเห็นที่สร้างสรรค์ และเข้าช่องทางที่เร็ว ก็จะปฏิรูปได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พร้อมเน้นย้ำเรื่องที่จะปฏิรูปทั้ง 11 ด้านให้กำหนดแผนเป็น 3 ระยะ คือ ทำได้ทันที ทำให้มีผลสัมฤทธิ์ภายใน 1 ปี และเรื่องที่ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง หรือกฎหมายที่มีความผูกพันหลายส่วน ก็ส่งต่องานให้รัฐบาลหน้า

"ก็ไปหากลไกมาว่า รัฐบาลหน้าจะทำหรือไม่ทำ ได้อย่างไร นั้นก็คงเป็นภาระของท่านแล้ว ที่จะต้องแก้กันต่อไป เรานำ 100 เรื่อง 100 อย่างมาแก้ 1 ปีไม่ได้ ตนได้ทำความเข้าใจไปแล้ว คิดว่าคงเข้าใจกันดีในขณะนี้ ขอขอบคุณล่วงหน้า คาดหวังทั้งในส่วนของสภาปฏิรูป กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ และ สนช. ทั้งหมดต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ในระหว่างนี้ คสช. และรัฐบาลก็จะขับเคลื่อนประเทศไปด้วย"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับวันที่ 25 พ.ย.ของทุกปีนั้น องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้เป็น "วันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรี" สำหรับประเทศไทยนั้น ได้กำหนดให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็น "เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี" โดยมีการติด "เข็มกลัดริบบิ้นสีขาว"ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สากล แสดงออกถึงการ "ไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย ไม่กระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว" ตนก็ขอรวมไปถึงผู้สูงอายุและคนพิการด้วย ทั้งนี้เห็นว่าครอบครัวมีความสำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ส่วนในภาพรวมของประเทศนั้น รัฐบาลและ คสช. ก็ได้ยึดแนวทางในการสร้างความปรองดอง ในทางการพูดคุย ความเข้าใจอย่างสร้างสรรค์ หากใครมีปัญหาก็ขอให้ดำเนินการกันทางกฎหมาย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ผู้ที่พบเห็นการกระทำความรุนแรง การละเมิด การทารุณ ทั้งทางร่างกาย ทางจิตใจ สามารถแจ้งเหตุได้ที่ OSCC "One Stop Crisis Center" หรือศูนย์ช่วยเหลือสังคมกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับในตอนท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ขอขอให้ทุกส่วนทั้ง ราชการ เอกชน และประชาชนทั่วไป ได้ร่วมจิต ร่วมใจ ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีของประเทศชาติ ร่วมกันเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน รวมทั้งร่วมใจถวายพระพรให้ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง เพื่อเป็นมิ่งขวัญของประชาชนในทุกหมู่เหล่าในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวามหาราช"

"อีกเรื่องหนึ่งวันก่อนทุกคนก็เป็นห่วง มีนักศึกษาอะไรต่าง ๆ มา ผมก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร ไม่เป็นไร ก็อยากอธิบายน้อง ๆ เด็ก ๆ ให้ทราบ ครู อาจารย์ด้วยว่า วันนี้เราต้องช่วยกันเดินหน้าประเทศ เราไม่ได้มุ่งหวังเพื่อจะมาทะเลาะเบาะแว้งกับใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษา เด็ก ก็ขอร้องแล้วกัน เราก็สั่งไปแล้ว ไม่มีการดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรง ท่านก็เบา ๆ ลงบ้างก็แล้วกัน"
หาดใหญ่ใหม่ www.facebook.com/hatyaimai
เมืองหลวงภาคใต้ หลากหลายเรื่องราว บอกเล่าแบ่งปัน