ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เลี้ยงนกกับ Mr.No ตอน:กระตั้วแคระที่มีชื่อว่า"ค๊อกคาเทล"

เริ่มโดย Mr.No, 14:58 น. 12 ก.ย 54

Mr.No

[attach=1]

สองวัน มีกระทู้ที่รายงานข่าว พระที่ จ.สงขลา ทำพิธีศพให้นกเขาที่ท่านเลี้ยงมานานถึง 15 ปี  กระทู้นั้นกลายเป็น มีคนด่าพระท่านในทางที่ไม่ดีมากมาย บ้างถึงขนาดก่นท่านว่าเป็นพวกโล้นห่มเหลือง ฯลฯ   ผมก็ดันโพสเนื้อหาเกี่ยวกับ แนะนำการเลี้ยงนก ก็เลยโดนฟาดงวง ฟาดงา มีบางคนแวะมาค่อนแคะผมด้วยข้อหาในเชิง อย่าริกักขังนก จะได้ไม่เสียใจภายหลัง (ทำนองให้ไปอ่านกระทู้ข่าวพระท่านที่บอกว่าเสียใจที่กักขังเขามานานนับสิบปี)

จริง ๆ เรื่องทำนองนี้ ผมโดนมาแยะ ตั้งแต่เริ่มเลี้ยงนกเมื่อหลายสิบปีก่อน คนที่ชอบเลี้ยงนกบางคนมีมุมมองในทัศนะที่ว่า คนเลี้ยงนกคือคนบาป ชอบกักขังนก และชอบตั้งคำถามอมตะว่า ถ้าเป็นเราถูกเอามากักขังแบบนี้ตลอดชีวิตเรารู้สึกอย่างไร, หรือบ้างก็ค่อนแคะในทำนองว่า พวกนี้แหละเป็นตัวการทำให้นกในป่าลดลงและสูญพันธุ์ ฯลฯ

ก็เลยคิดว่า วันไหนมีโอกาสอาจจะได้แจกแจงให้เป็นเรื่องเป็นราวกันซะทีว่า สาระครหา ทั้งหลายนั้นมีทั้งจริง และไม่จริงปนเปกัน ซึ่งก็น่าจะนำมาเขียนให้อ่านเพื่อนำไปต่อยอดทางความคิดว่า  "คนเลี้ยงนก" ดี หรือ "ขั่ว" หรือ  ดี ๆ ชั่ว ๆ ตรงไหน  แต่บังเอิญวันนี้ยังค้างเรื่องสำหรับผู้สนใจ และคุณจันทร์กระจ่างฟ้าที่น่ารักไว้ ก็เลยขออนุญาตเขียนให้อ่านกันครับ .........
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No


................................

เวลาที่เราพูดถึงนกแก้วมีหงอน เรามักจะนึกถึงนกแก้วตัวสีขาวใหญ่ ๆ ที่มีนามว่า "นกกระตั้ว" เพราะลักษณะพิเศษจำเพาะของนกกระตั้วจะมีหงอน ซึ่งเป็นขนบริเวณหัวที่สามารถยกขึ้นได้เมื่อเวลาแสดงถึงอารมณ์ หรืออาการต่าง ๆ ตามสภาพแวดล้อม  หงอนของนกกระตั้ว มีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ และตามแต่ละขนาด

วันนี้ผมนำนกแก้วตัวเล็กๆมีหงอนที่เดิมที นักปักษีวิทยาเคยจัดให้เป็นอยู่ในกลุ่มของนกแก้วทั่วไป แต่หลังจากได้มีการศึกษาเกี่ยวกับสรีระและพฤติกรรมกันมาพอสมควรแล้ว นักปักษีฯ จึงลงความเห็นว่า นกแก้วมีหงอนตัวเล็กชนิดนี้คือ นกกระตั้วสายพันธุ์ที่เล็กที่สุด มีนามว่า "ค๊อกคาเทล" หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ (Nymphicus hollandicus)

นกค๊อกคาเทล เป็นนกกระตั้วตัวเล็ก ๆ ที่มีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ในดินแดนที่อุดมไปด้วยนกแก้ว นั่นคือ ประเทศออสเตรเลีย เป็นนกที่มีขนาดความยาววัดจากปลายหงอนถึงปลายหางได้ราว 32-33 เซนติเมตร  คำว่า hollandicus ที่ปรากฎหลังชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนกชนิดนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ ประเทศ Holland แต่มาจากชื่อเดิมว่า New Holland ซึ่งเป็นชื่อเรียกในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินของออสเตรเลียที่ได้รับการตั้งชื่อจากนักเดินเรือชาวฮอลแลนด์เมื่อราวเกือบสี่ร้อยปีที่แล้ว


[attach=1]
ค๊อกคาเทลพันธุ์พื้นเมือง (normal grey) ซ้าย เพศเมีย ขวา ผู้

นกค๊อกคาเทล พื้นเมือง หรือนกดั้งเดิมนั้น จะมีเพียงสีเดียวคือเทาดำ บริเวณหัวและหงอนมีสีเหลือง ถึงเหลืองเข้มและบริเวณแก้มจะมีแถบสีส้มปรากฎอยู่
ลักษณะในนกพื้นเพดั้งเดิม เพศผู้แตกต่างจากเพศเมีย โดยในเพศผู้บริเวณหัวจะมีสีเหลืองเข้มกว่าเพศเมีย และแถบสีส้มจะชัดกว่าเพศเมีย รวมถึงบริเวณใต้ปีกและใต้หางของเพศเมียจะปรากฏแถบสีเหลืองประกระจาย ส่วนในเพศผู้จะไม่ปรากฎแถบสีดังกล่าวอยู่ 

พฤติกรรมที่บ่งให้เห็นถึงเพศผู้อีกประการคือ ในเพศผู้มักจะมีการส่งเสียงร้องที่เป็นท่วงทำนองหลากหลายมากกว่าเพศเมีย

นกค๊อกคาเทล จัดเป็นนกที่ได้รับความนิยมกันไปทั่วโลก ถ้าจะเป็นรองก็คงมีเพียงนกหงส์หยก ปัจจุบันจากนกแก้วที่มีสีสันไม่งดงาม ได้มีความพยายามเพาะพันธุ์เพื่อให้ได้นกที่มีสีสันใหม่ ๆ และสดใสกว่าเดิมมากขึ้น สามารถแยกได้เป็นสีต่าง ๆ ทั้งนกสีขาว (Albino) เหลือง (Lutino) หรือพวกที่มีลวดลายต่าง ๆ

สีสันของนกค๊อกคาเทลรุ่นใหม่ ๆ จัดเป็นข้อเสริมให้นกดูสวยงามขึ้น แต่สิ่งทีสำคัญที่สุดที่มีผู้นิยมเลี้ยงนกชนิดในฐานะสัตว์เลี้ยงก็คือ  "น่ารัก ฉลาด สามารถเข้ากันได้กับทกคนในครอบครัว"


ว่าง ๆ จะแวะมาต่อนะครับ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

จันทร์กระจ่างฟ้า

ในโลกนี้ มีคนเพียงแค่ 2 คนที่ไม่มีความทรงจำ คนหนึ่งยังไม่เกิด ส่วนอีกคนตายไปแล้ว

Mr.No


ต่อ...

[attach=1]

ที่ผมบอกว่า  "น่ารักและฉลาด" นั้น  นอกจากจะได้รับการยืนยันจากนักเลี้ยงนกชนิดนี้ทั่วโลกแล้ว จากประสบการณ์ในฐานะที่ทั้งเพาะพันธุ์และเลี้ยงนกชนิดนี้มานานผมก็เห็นสอดคล้องกันว่า นี่คือนกที่เหมาะสำหรับนักเลี้ยงนกมือใหม่ ที่มีทุนทรัพย์ไม่มากนัก และค่อนข้างคุ้มค่ากับการแลกมาซึ่งความน่ารักของนกในฐานะสมาชิกสัตว์เลี้ยงประจำบ้านที่สามารถอยู่เป็นเพื่อนในครอบครัวที่มีอายุยืนยาวมากกว่า 10 ปี

ความน่ารักของนกชนิดนี้ ที่มีบางคนทุ่มเทและตั้งใจเลี้ยงประคบประหงมอย่างดี จนทำให้นกผ่านความสามารถในการกระซิบภาษามนุษย์อย่างแผ่วเบาให้แก่ผู้เลี้ยงจึงนับเป็นของขวัญอันชื่นใจสำหรับผุ้ทุ่มเทดูแล

ใช่ครับ..ผมยืนยันว่า นกค๊อกคาเทล บางตัว สามารถ่ฝึกให้เลียนภาษามนุษย์ได้อย่างน่ารัก แม้นเสียงที่นกพยายามเปล่งออกมานั้นอาจไม่ดัง หรือแต่ละคำอาจไม่ชัดเท่านกขุนทองหรือยอดนักเลียนเสียงอย่างนกแก้วอัฟริกันเกรย์ แต่เพียงเสียงกระซิบเล็ก ๆ นั้นก็ยืนยันว่าจะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เลี้ยงได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ค๊อกคาเทล เป็นนกที่วันนี้นักปักษีวิทยา รวมทั้งนักอนุรักษ์นก สามารถยืนยันได้ว่าไม่ต้องเผชิญปัญหาสูญพันธุ์ในธรรมชาติอีกต่อไป เพราะแทบร้อยเปอร์เซนต์ของนกที่อยู่ในครอบครองของผู้เลี้ยงในฐานะสัตว์เลี้ยงวันนี้ มาจากการเพาะพันธุ์จากมนุษย์ (Captive- Bred) แทบทั้งสิ้น

.................................
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No

ต่อ....

แนวคิดในการเลือกนกชนิดนี้มาเลี้ยง

การเลี้ยงสัตว์ชนิดใดก็ตาม หรือแม้ในสัตว์ประเภทเดียวกันก็ยังต้องคำนึงถึงสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับผู้เลี้ยง ดังนั้นการตัดสินใจที่จะเลี้ยงนกชนิดนี้ คงต้องมีพื้นฐานดังนี้

1. ไม่ชอบนกที่มีขนาดใหญ่โต เปลืองเนื้อที่ 
2. ไม่ชอบนกที่มีเสียงดัง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความรำคาญแก่คนในบ้านหรือเพื่อนบ้านจนเป็นปัญหาในภายหลัง
3. ไม่ชอบนกที่มีพฤติกรรม ก้าวร้าว หรือดุร้าย
4. เลี้ยงง่าย อดทน   และ
5.มีอายุไม่สูงมากนับหลาย ๆ สิบปี อย่างพวกกระตั้วสายพันธุ์อื่น หรือ นกแก้วชนาดใหญ่

ถ้า ทั้ง 5 ข้อ เป็นข้อกำหนดที่คุณไม่อยากพบก็นับว่า นี่คือนกที่ใช่ในแนวคิดการเลี้ยงเพราะ

1. ค๊อกคาเทล มีขนาดเล็ก น่ารัก และการเลี้ยงเพียงแค่กรงขนาดสองฟุต สำหรับหนุนนอนยามค่ำคืน ก็เพียงพอสำหรับนกหนึ่งหรือสองตัว
2.เป็นนกที่ไม่ชอบส่งเสียงรบกวน แต่กลับมีเป็นท่วงการร้องเป็นทำนองเมโลดี้มากกว่า
3.ในนกที่เลี้ยงมาแต่เล็ก คุณจะพบว่านี่อาจเป็นนกที่มีสุภาพ อ่อนโยน มากกว่านกเชื่องหลายสายพันธุ์ในโลก
4.ภายใต้การเลี้ยงดูอย่างปกติ นกชนิดนี้จะมีน้ำอด น้ำทน ค่อนข้างสูง และเลี้ยงดูอย่างไม่ยากเย็นนัก
5.อายุของนกชนิดนี้ ประมาณ 10-15 ก็ เพียงพอแล้ว สำหรับวันและเวลาดี  ๆ ที่น่าจดจำสำหรับเพื่อนร่วมโลก



การเตรียมสถานที่และอุปกรณ์สำหรับเลี้ยงนกชนิดนี้

ก็ไม่ต่างจากนกชนิดอื่น ๆ ที่ต้องมีการวางแผนกันให้ชัดว่า จะเลี้ยงกี่ตัว  เลี้ยงที่ใด และเลี้ยงนกในวัยไหน  ซึ่งก็ต้องมีการทำการบ้านกันก่อน  โดยอาจแยกเป็นสองกรณี คือ 
1. กรณีเลี้ยงนกที่เต็มวัย แบบดูเล่น
2. กรณีเลี้ยงนกตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อให้เป็นเพื่อนและสมาชิกที่แสนน่ารักของครอบครัว

กรณีแบบแรกนั้น ดูจะไม่ค่อยยุ่งยากในด้านการประคบประหงมนัก หากแต่เพียงวุ่นวายด้านการจัดการสถานที่จัดวาง กรง,อุปกรณ์การเลี้ยงให้เหมาะกับจำนวนของนก และขนาดของกรงเลี้ยงเท่านั้น

กรณีเลี้ยงนกเพียง 1 หรือ 2 ตัว กรงขนาดกว้าง 60-70 เซนติเมตร และสูงประมาณ 1 เมตร หรือที่ร้านค้านกเรียกว่า "กรงบ้านเบอร์ 2" ดูจะเหมาะสม เพราะมีพื้นที่ให้นกปีนป่ายและได้ขยับขยายปีกแก้เมื่อยขบได้ตามสมควร  นอกจากนี้ในกรงควรจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่นกชนิดนี้ชื่นชอบ อาทิ ชิงช้า ที่อาจทำเองได้ด้วยการใช้กิ่งไม้มัดด้วยลวด แขวนให้นกได้โยกไปมา  ถ้วยที่ทำด้วยดินเผาสำหรับใส่อาหารวางไว้บนพื้นกรง (เพราะนกชนิดนี้ชอบจิก/หาอาหารพวกเมล็ดพืชต่าง ๆ กินบนพื้นดิน) ,อ่างน้ำสำหรับนกได้ดื่มกิน ฯลฯ

[attach=1]

ว่าง ๆ จะแวะมาต่อให้จบครับ.
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No

ต่อ...

กรณีแบบที่สอง คือการเลือกที่จะเลี้ยงนกตั้งแต่วัยเยาว์ ก็คงต้องเพิ่มความวุ่นวายนิดหน่อย จากการทีจะต้องเสียเวลาในการป้อนอาหารลูกนก ตามเวลา และใช้เวลาประคบประหงมดูแล ทั้งการจัดให้อยู่ในพื้นที่อบอุ่น จนกว่าลูกนกจะเข้าสู่วัยรุ่น  แต่การเลือกในแบบหลังจะสามารถสร้างมิตรภาพและความรัก สำหรับนกทีมีต่อผู้เลี้ยงได้อย่างยั่งยืน

การเลือกซื้อนกเพื่อมาเลี้ยง
ก็ไม่ต่างกับการเลือกนกชนิดอื่น ๆ  กล่าวคือ ในกรณีที่เป็นนกโตแล้ว ควรพิจารณาจากสภาพโดยรวมของตัวนก เช่นขน หาง ปีก ควรอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่กระเซอะกระเซิง บริเวณก้นของนกต้องไม่เปรอะเปื้อนคราบมูลนก หน้าอกควรเต็มไม่ผอมจนมลักษณะเหมือนขวาน และสภาพนกต้องมีการอาการตื่นตัว ไม่เซื่องซึม
[attach=1]

ในกรณีนกลูกป้อน หากท่านไม่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงนกลูกป้อนขนาดเล็ก ๆ มาก่อน ควรเลือกนกที่เริ่มปรากฏขนปีกเกือบเต็มและผู้เพาะพันธุ์ได้มีการป้อนอาหารลูกนกด้วยมือมาก่อนแล้ว จะง่ายขึ้นในการที่จะนำมาเลี้ยงในฐานะลูกป้อนต่อไป
ตรวจสภาพของลูกนกว่า กระเพาะพัก (crop) ไม่มีการบวมอืด (ซึ่งเกิดจากอาหารไม่ย่อย) นกมีการกระตือรือร้น เมื่อพบผู้คน เช่นร้องหรือพยายามปีนป่ายเพื่อขออาหาร  สภาพนิ้วตีน,จงอยปาก ไม่มีการบิดเสียรูป หรือขาดหายไป  ฯลฯ

[attach=2]
ภาพตัวอย่างนกลูกป้อนที่สามารถนำมาป้อนเองได้
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No

ต่อ...

อาหารหลักสำหรับนกค๊อกคาเทล

ค๊อกคาเทล เป็นนกในอันดับนกแก้ว แต่อยู่ในวงศ์นกระตั้ว ดังนั้นข้อที่คล้ายคลึงกันในกลุ่มนกแก้วก็คือเรื่องของอาหารการกิน 

[attach=1]
[attach=2]

อาหารสำหรับค๊อกคาเทลประกอบด้วยสองส่วนใหญ่ คือ กลุ่มอาหารหลักเป็นเมล็ดพืชต่าง ๆ อาทิ เมล็ดทานตะวันหลากหลาย,เมล็ดฟักทอง,ฮวยมั้ว,ข้าวไรน์,ข้าวโอ๊ต ฯลฯ และกลุ่มอาหารสด อาทิ ผลไม้ต่าง ๆ ตามฤดูกาล เช่นฝรั่ง,แอปเปิ้ล,สาลี่,องุ่น,แครอท  โดยการหั่นเป็นลูกเต๋าคละกันให้นกได้กิน  และสลับด้วยผักใบเขียวเช่น ผักกาดหอม,ผักโขม,เมล็ดพืชงอก (Sprouted seed)  โดยกลุ่มอาหารสดจะให้ในช่วงเช้า และกลุ่มอาหารเมล็ดพืช จะให้ในช่วงบ่าย

ที่กล่าวมาทั้งหมด พอจะเป็นแนวทางอย่างง่าย ๆ สำหรับผู้สนใจที่เลี้ยงนกค๊อกคาเทล  เที่ยวหน้า ผมจะแวะมาเล่าถึงเทคนิคและเคล็ดลับในการเพาะพันธุ์นกชนิดนี้   รวมทั้งการดูแลนกลูกป้อน ,โรคและข้อควรระวังกันครับ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

จันทร์กระจ่างฟ้า

ในโลกนี้ มีคนเพียงแค่ 2 คนที่ไม่มีความทรงจำ คนหนึ่งยังไม่เกิด ส่วนอีกคนตายไปแล้ว

แจนชูการ์

เลี้ยงเหมือนกันค่ะ น่ารักดี

จันทร์กระจ่างฟ้า

ในโลกนี้ มีคนเพียงแค่ 2 คนที่ไม่มีความทรงจำ คนหนึ่งยังไม่เกิด ส่วนอีกคนตายไปแล้ว

Mr.No

อ้างจาก: แจนชูการ์ เมื่อ 16:12 น.  14 ก.ย 54
เลี้ยงเหมือนกันค่ะ น่ารักดี

สวัสดีครับคุณ แจนซูการ์  นกน่ารักครับ ส่วนเจ้าสองตัวล่างนี่ โตเมื่อไหร่ ถือเป็นพวกตัวป่วน(ซน)และเจี๋ยวจ้าวน่าดุเชียวครับ... ส-เหอเหอ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No

ต่อครับ....

ค๊อกคาเทล เป็นนกที่นำมาเพาะพันธุ์ได้ง่าย และส่วนใหญ่นกเหล่านี้จะคุ้นเคยกับการเติบโตในกล่องฟัก ดังนั้นเพื่อได้นกพ่อแม่พันธุ์ที่สมวัย ก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับการที่นกจะเข้ากล่องในแบบที่มันคุ้นเคยมาแต่เมื่อยังเป็นลูกนก
อุปกรณ์สำคัญสำหรับการเพาะพันธุ์นกค๊อกคาเทลก็คือ

1.กล่องฟัก ซึ่งเป็นกล่องไม้อัดยาวประมาณ ฟุตเศษ สูงประมาณ 10 เซนติเมตรและช่องทางเข้าสำหรับนกเป็นลักษณะวงกลมมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3-4 นิ้ว  (ร้านจำหน่ายนกสวยงามมักจะมีจำหน่ายแบบสำเร็จรูป เรียกว่า กล่องฟักค๊อกคาเทล)

2.กรงเพาะพันธุ์ เป็นกรงลวดกว้าง 2 ฟุต ยาว 3ฟุต และสูงประมาณ 2 ฟุต หรือที่เรียกว่ากรงลวดเพาะเบอร์ 2 ก็สามารถใช้สำหรับเพาะพันธุ์นกค๊อกคาเทลได้ จากนั้นนำกล่องฟักเข้าประกอบรวมกับกรงเพาะพันธุ์
โดยต้องดูว่ากล่องฟักนั้น เป็นแบบไหน (มีแบบกล่องหันซ้าย กล่องหันขวา) เมื่อประกบกล่องฟักโดยเอาทางเข้าของกล่องติดกับด้านข้างกรงแล้ว ให้ตัดซี่ลวดออก 2-3 เส้นเพื่อให้เป็นทางเข้าสำหรับนกเข้าในกล่องได้  (ดูภาพประกอบ)

[attach=1]
ตัวอย่างการประกอบกล่องฟักเข้ากับกรงเพาะ
[attach=2]
ตัวอย่างกล่องฟักในต่างประเทศแบบเปิดบน
[attach=3]
ตัวอย่างกล่องฟักนอกแบบลิ้นดึง (สังเกตุแผ่นไม้ที่กลึ่งเป็นหลุมสำหรับไข่นกจะได้ไม่เคลื่อน)
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No

ต่อ...

และในการคัดเลือกนกสำหรับทำ พ่อแม่พันธุ์นั้น สิ่งสำคัญทีสุดก็คือ สุขภาพของนกทั้งคู่ต้องมีสุขภาพดี ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป โดยขั้นตอนในการเลือกนกเพื่อทำการเข้าคู่อาจทำได้สองแบบคือ

1. กรณีเลี้ยงในกรงรวม หลาย ๆ ตัว อาจให้นกจับคู่กันเอง โดยพิจารณาจากเพศผู้และเมีย เริ่มมีการจับคู่อยู่คลอเคลียกันตลอดเวลา และเพศผู้เริ่มแสดงอาการร้องเป็นเสียงทำนองต่าง ๆ เพื่อสร้างจุดเด่นให้เพศเมียสนใจ เมื่อเราพบว่าคู่นกดังกล่าวมีพฤติกรรมก็สามารถนำนกคู่นั้นออกมาเข้ากรงเพาะพันธุ์แยกต่างหากได้เลย

2. กรณีบังคับคู่ แบบนี้สำหรับผู้ที่ต้องการเน้นเรื่องของสายพันธ์หรือสีสัน เช่นมีเพศเมียเป็นพันธุ์สีเทาธรรมดา อยากได้ลูกสีสันอื่น อาจนำนกเพศผู้สีอื่น เช่นเหลืองตาแดง (Lutino) มาเข้าคู่  แบบนี้มีเทคนิคก็คือ จะต้องนำเพศเมียเข้ากรงก่อนซักระยะ(ประมาณ 1-2 อาทิตย์)  จากนั้นค่อยปล่อยเพศผู้ตามเข้าไป (เพราะหากนำเข้าพร้อมกัน เพศผู้อาจแสดงความก้าวร้าวไล่จิกเพศเมียได้)  การเพาะพันธุ์แบบนี้ต้องใช้เวลารอคอยจนกว่านกจะเริ่มเข้ากันได้

ไม่ว่าจะแบบ 1 หรือ2 สิ่งที่สำคัญที่จะเป็นปัจจัยให้ประสบความสำเร็จก็คือ  "อาหาร,อุปกรณ์" และ "สิ่งแวดล้อม" กล่าวคือ

1. อาหาร สำหรับนกที่เตรียมจะเป็นพ่อแม่พันธุ์ จะต้องได้รับอาหารที่หลากหลายครบถ้วน และที่ขาดไม่ได้ก็คือการเสริมแคลเซี่ยมอาทิ กระดองปลาหมึก (หาได้ตามชายทะเล) หรือพวกเปลือกไข่ไก่ตากแห่งแล้วนำมาให้นกจิกกิน  เหล่านี้เพื่อทำให้เปลือกไข่นกมีความแข็งแรง และที่ควรเสริมก็คือ พวกวิตามินรวม (มัลติวิตามิน) ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายอาหารสัตว์ เป็นขวดเล็ก ๆ ใช้หยดลงในน้ำดื่ม

2.อุปกรณ์เสริม คือ ขี้กบ (ได้จากการไสไม้ ไม่ใช่ขี้เลื่อย) จะต้องนำมาปูในกล่องให้มีความหนาประมาณ 1 นิ้ว

3. สิ่งแวดล้อม สำหรับการเพาะพันธุ์นก ต้องอยู่ในสถานที่ไม่อับชื้น,ร้อนจัดหรือเผชิญลมโกรกแรงและน้ำฝน รวมทั้งต้องไม่อยู่ในที่ ๆมีสัตว์อื่นวุ่นวาย อาทิ เสียงสุนัขเห่า,แมว,หนู,งู หรือ อยู่ใกล้ถนนที่มีเสียงรถราวุ่นวายเกินไป และตำแหน่งของกรงต้องสูงพอที่จะทำให้นกรู้สึกว่าปลอดภัย

[attach=1]
ภาพแสดงลิ้นทะเล หรือกระดองปลาหมึก
[attach=2]
ภาพขี้กบ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No

ต่อ..

กระบวนการผสมพันธุ์

เมื่อนกเข้าคู่กันได้ซักระยะ  การผสมพันธุ์จะเกิดขึ้นโดยเพศผู้จะขี้นไปเหยียบบนหลังเพศเมียและเริ่มผสมพันธุ์ โดยจะผสมพันธุ์กัน 2-3 ครั้งต่อวัน เช่น ช่วงเช้า บ่าย หรือก่อนค่ำ หลังจากนั้นจะพบว่าเพศเมียจะเริ่มมีพฤติกรรมเข้าๆ ออก ๆ กล่องหลายครั้ง จนกระทั่งเพศเมียจะเริ่มหายเงียบไปอยู่แต่ในกล่อง เพื่อทำการวางไข่ใบแรก ไปจนกระทั่งใบสุดท้าย ซึ่งหากเป็นนกทีสมบูรณ์อาจได้ไข่ถึง 5-6 ใบ


หลังจากนั้นนกเพศเมียจะเริ่มกกไข่ไปจนประมาณ 3 สัปดาห์ลูกนกตัวแรกก็จะเริ่มฟักออกมาและไล่ต่อมาจนกระทั่งไข่ใบสุดท้ายถูกฟักออกมาจนหมด 

ช่วงนี้ พ่อแม่นกจะเริ่มกินจุมาก(ให้เพิ่มปริมาณจากเดิมอีกครึ่งเท่า) ทั้งนี้เพื่อนำอาหารไปป้อนให้กับลูกนก ให้หมั่นตรวจสอบว่าลูกนกทุกตัวมีขนาดและได้รับการป้อนอาหารจากพ่อแม่นกอย่างเท่าเทียมกันหรือไม่ เพราะหากมีตัวใดตัวหนึ่งที่อ่อนแอ พ่อแม่นกอาจเลือกที่จะป้อนให้กับตัวอื่น (เป็นไปตามสัญชาติญานของสัตว์ที่จะต้องให้ตัวที่มีโอกาสมากที่สุดรอด)

เมื่อผู้เพาะพันธุ์พบว่านกตัวใดที่พ่อแม่นกอาจไม่ยอมป้อนและอ่อนแอ ก็เป็นความจำเป็นที่ผู้เพาะพันธุ์ต้องนำลูกนกตัวนั้นออกมาเพื่อช่วยป้อนเสริมให้ หรือนำแยกออกมาเลี้ยงต่างหาก

การแยกลูกนกออกมาเลี้ยงเอง
นักเพาะพันธุ์นกส่วนใหญ่ นิยมขายลูกนกที่มีลักษณะเชื่องน่ารัก เนื่องจากราคาขายจะสูงกว่าราคาลูกนกทั่วไป และส่วนหนึ่งที่สนนราคาลูกนกเหล่านี้แพงกว่าลูกนกธรรมดามากก็มาจากเรื่องของอาหารเสริม, และการสละเวลาในการดูแลป้อนอาหารและเลี้ยงดูของผู้เพาะพันธุ์
ลูกนกที่สามารถแยกออกมาจากพ่อแม่เพื่อนำมาป้อนนั้น ไม่ควรมีอายุน้อยหรืออ่อนเกินไปหรือโตเกินป้อน ดังนั้นเลือกนกที่มี่เริ่มมีขนหนามขึ้นครบและใบขนเริ่มแตก ก็จะง่ายและเสี่ยงน้อยลง 

การป้อนลูกนกหลัก ๆ มีสองแบบที่นิยม คือการใช้ช้อนป้อน และการป้อนด้วยหลอดไซริงค์   ทั้งสองแบบแตกต่างกันคือแบบแรก นกจะชอบเพราะได้ลิ้มรสอาหารไปด้วยและไม่เสี่ยงต่อการสำลักอาหาร แต่มีข้อเสียคือ ใช้เวลามากและอาจเลอะเปรอะเปื้อน   สำหรับแบบหลัง จะใช้ไซริงค์สวมปลายด้วยท่อซิลิโคนหรือท่อยางที่เรียกว่า ไส้ไก่จักรยาน ยาวประมาณ 2 นิ้ว ดูดอาหารตามจำนวนแล้วค่อย ๆ สอดสายยางเข้าบริเวณมุมปากของลูกนกและให้ลูกนกค่อย ๆ กลืนสายยางเข้าไปจนสุดสายยางก็เริ่มบีบอาหารเข้าไปจนกระทั่งสังเกตุว่า กระเพาะพักลูกนกเป่ง ก็ค่อย ๆ ดึงสายยางออก  ก็เป็นอันเสร็จสิ้นหนึ่งมื้อ   ข้อดีของการป้อนแบบนี้คือ รวดเร็ว สะอาด แต่มีข้อเสียคือนกอาจไม่ได้ลิ้มรสอาหาร และที่ต้องระมัดระวังคือ การสำลักจากการสอดท่อผิดแทนที่จะเป็นหลอดอาหารกลับเป็นหลอดลม นกอาจสำลักอาหารตายได้ รวมทั้งข้อเสียที่เคยเกิดขึ้นคือนกกลืนสายยางหลุดเข้าไปในกระเพาะด้วย กรณีนี้ยิ่งอันตรายมาก

[attach=4]
ภาพแสดงการผสมพันธุ์ของค๊อกคาเทล
[attach=1]
ภาพลูกนกที่อิ่ม(สังเกตุกระเพาะพัก)
[attach=2]
การป้อนด้วยไซริงค์

[attach=3]
ภาพป้อนลูกนกด้วยช้อน
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No

ต่อ...


โรคและข้อควรระมัดระวังสำหรับการเลี้ยงนกค๊อกคาเทล

โรคที่มักก่อให้เกิดอันตราย กับนกชนิดนี้ที่พึงระมัดระวังหลัก ๆ คือ

1. ฝีดาษ โรคจากเชื้อไวรัสที่มีพาหะจากยุง จะพบว่านกมีอาการเป็นตุ่มแผลมีหนองตามบริเวณเท้า จมูก ตา  (ระวังพวกยุง)
2.โรคไวรัสนิวคลาสเซิล อาการจะมีการอัมพาต คอบิด คอเอียง 
3.โรคติดเชื้อเอเวียนโปลิโอ อาการจะมีท้องโต(อาการตับโต) แต่นกไม่กินอาหาร ซึม และตายในที่สุด
4.โรคไข่ติด (ไข่ยาก)  เกิดจากความไม่สมดุลย์ในการสร้างไข่ของนก
4.อาการเจ็บตาที่เกิดจากการติดเชื้อ และแสงที่จ้าเกินไป (มักเกิดกับนกในกลุ่มตาเผือกที่มีตาแดง)
5.โรคอกขวาน หรือโรคผอมแห้ง เกิดจากทุพโภชนาการ กล่าวคือนกที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เช่นการเลี้ยงด้วยการจำกัดอาหารเพียงประเภทเดียวซ้ำ ๆ  รวมทั้งอาหารที่ให้ไม่สะอาดเพียงพอ

[attach=1]
ตัวอย่างอาการตาอักเสบของนก

สิ่งที่ควรระแวดระวัง
สำหรับนกเชื่องที่เลี้ยงปล่อยในบ้าน  ให้พึงระวังสิ่งของและอาหารต่อไปนี้

1. อาหาร ที่เกี่ยวกับช๊อกกาแลต,กาแฟ(คาเฟอีน) หรือที่ส่วนผสมแอลกอฮอล์
2. ผลไม้บางชนิดเช่น อโวคาโด,สะตอ, ทุเรียน, เมล็ดในของพวกแอปเปิ้ล,สาลี่,ละมุด,น้อยหน่า , ใบไม้บางชนิดใบชะอม,ใบขนุน ฯลฯ พวกว่านต่าง ๆ พืชตระกูลบอน,พวกผลไม้มียาง
3. ไอกระทะที่ทำจากพวกสารเทฟล่อน หม้อน้ำร้อนหรือพวกอาหารบนกระทะร้อน ,สายไฟฟ้า,พัดลมเพดาน ควันบุหรี่,ฯลฯ

ทั้งหมดที่เล่ามา คงพอเป็นแนวทางให้กับผู้ที่ชื่นชอบนกค๊อกคาเทลพอสมควรนะครับ....เที่ยวหน้ามีโอกาสผมจะเล่าเรื่องการเลี้ยงนกแก้วใหญ่ ๆ กันบ้าง ส่วนจะเป็นพันธุ์อะไรก็ควรติดตามนะครับ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

จันทร์กระจ่างฟ้า

ในโลกนี้ มีคนเพียงแค่ 2 คนที่ไม่มีความทรงจำ คนหนึ่งยังไม่เกิด ส่วนอีกคนตายไปแล้ว

แจนชูการ์

1. ฝีดาษ
อันนี้เคยเจอน้องตาบอดไปเลยข้างนึง แต่ตอนนี้ กินได้ อ้วนท้วนแต่บินไม่เก่ง

จันทร์กระจ่างฟ้า

ในโลกนี้ มีคนเพียงแค่ 2 คนที่ไม่มีความทรงจำ คนหนึ่งยังไม่เกิด ส่วนอีกคนตายไปแล้ว

Mr.No

อ้างจาก: จันทร์กระจ่างฟ้า เมื่อ 09:20 น.  18 ก.ย 54
เข้ามารออ่านตอนต่อไปค่ะ  ส-ดีใจ


ขอเวลาสักพักนะครับ....นู่ฟ้ากระจ่าง ส-เหอเหอ  แต่รับปากว่า น่าติดตามและสนุกครับ ส.หยิบตาข้างเดียว.
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

จันทร์กระจ่างฟ้า

อ้างจาก: Mr.No เมื่อ 13:49 น.  26 ก.ย 54

ขอเวลาสักพักนะครับ....นู่ฟ้ากระจ่าง ส-เหอเหอ  แต่รับปากว่า น่าติดตามและสนุกครับ ส.หยิบตาข้างเดียว.

ส-ดีใจ ส-ดีใจ ส-ดีใจ
ในโลกนี้ มีคนเพียงแค่ 2 คนที่ไม่มีความทรงจำ คนหนึ่งยังไม่เกิด ส่วนอีกคนตายไปแล้ว

ลอเร็น

ผมก็เลี้ยงครับ ซื้อลูกป้อนอายุ3สัปดาห์กว่าๆมาเมื่อวันที่25อ่ะครับ แต่ว่ามันติดผมมากๆ ประมาณว่าชอบซุก แถวๆคอไม่ก็ไหล่ แต่มันไม่ยุ่งกับคนอื่นครับ เรื่องที่มันติดผมน่ะไม่ค่อยแปลกใจหรอกครับเพราะผมเลี้ยงคนเดียว แต่ที่ผมคิดว่ามันแปลกคือมันไม่ยุ่งกับคนอื่น ตามลักษณะที่คุณMr.No บอกมามันจะกระตือรือร้นเมื่อพบคนใช่ไหมครับแต่ของผมเหมือนจะตื่นคนซะมากกว่า แล้วนกพวกนี้เป็นพวกขี้กลัวรึเปล่าครับ เพราะแม่ผมเห็นมันชอบปีนเสื้อผมไม่ก็งับนิ้วผมเล่นเลยยื่นมือเข้าไปหามันยื่นหน้าไปที่นิ้วแม่สักพักแล้วเดินมาหาผมเฉยเลย แล้วอย่างเพื่อนผมอ่ะครับยื่นมือเข้าไปหามันมันถอยกรูเลยครับแต่พอผมแตะหลังมันเบาๆมันก็นิ่งครับยอมให้เพื่อนผมจับด้วย ส่วนยายแค่เดินผ่าน แบบว่าเดินผ่านเฉยๆเลยนะครับมันถอยกรูมาซุกผมเลยอ่ะ เลยสงสัยว่ามันเป็นอะไรรึเปล่า
     ถ้าไม่รบกวนเกินไปช่วยตอบด้วยครับผมเป็นห่วงมัน

จันทร์กระจ่างฟ้า

ในโลกนี้ มีคนเพียงแค่ 2 คนที่ไม่มีความทรงจำ คนหนึ่งยังไม่เกิด ส่วนอีกคนตายไปแล้ว