กมธ.สิ่งแวดล้อม สนช.ชื่นชมการจัดระเบียบโพงพางร่องน้ำทะเลสาบสงขลา

[หาดใหญ่ใหม่]

คณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สนช. ชื่นชมจังหวัดสงขลาที่นำหลักการมีส่วนรวมมาใช้ในการจัดระเบียบเครื่องมือประมงในร่องน้ำทะเลสาบสงขลา

(17 ม.ค. 58) ที่ห้องประชุม CEO ศาลากลางจังหวัดสงขลา  พลเรือเอก ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์  รองประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะเดินทาง พร้อมด้วย ศาสตราจารย์สนิท อักษรแก้ว รองประธานกรรมาธิการ และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา ศึกษาดูงานการบริหารทรัพยากรทะเลสาบสงขลาอย่างยั่งยืน และปัญหาการ กัดเซาะชายฝั่ง ในพื้นที่จังหวัดสงขลา พัทลุง และจังหวัดนครศรีธรรมราช

โดยมี นายธำรงค์ เจริญกุล  ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายวินัย บัวประดิษฐ์  ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ข้อมูลการจัดการลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาในมิติต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการจัดระเบียบเครื่องประมงในร่องน้ำทะเลสาบสงขลา เพื่อจะได้นำข้อมูลไปหาแนวทางแก้ไขปัญหาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาอย่างยั่งยืนต่อไป
           
ศาสตราจารย์สนิท อักษรแก้ว รองประธานกรรมาธิการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ  กล่าวว่า การลงพื้นที่มารับทราบแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลในครั้งนี้ เป็นโอกาสดีที่คณะกรรมาธิการจะได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริง เพื่อนำไปใช้หาแนวทางแก้ไขปัญหาทะเลสาบสงขลาอย่างเร่งด่วน เนื่องคณะกรรมาธิการในชุดนี้มีเวลาทำงานไม่มากนักสิ่งที่ต้องรีบดำเนินการในขณะนี้คือ การออกพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการเร่งแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ที่มีความเร่งด่วน 

สำหรับทะเลสาบสงขลานับได้ว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำสำคัญของภาคใต้ ซึ่งมีปัญหาสะสมมายาวนาน การมาครั้งนี้จะดูว่ามีอะไรที่จะต้องเร่งแก้ปัญหา การคุยกันในครั้งนี้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัด ได้ประเด็นปัญหามากมายที่จะต้องเร่งแก้ไข ซึ่งคณะกรรมาธิการจะได้นำกลับไปหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้ได้อย่างยั่งยืน
           
ศาสตราจารย์สนิท อักษรแก้ว ยังกล่าวอีกว่า คณะกรรมาธิการรู้สึกชื่นชมจังหวัดสงขลาที่ได้ดำเนินการจัดระเบียบเครื่องมือประมงในร่องน้ำทะเลสาบสงขลา โดยเฉพาะการดำเนินการรื้อถอนโพงพางที่กีดขวางร่องน้ำ เพื่อจะได้สามารถขุดลอกร่องน้ำตามแผนการที่วางไว้ ให้ระบบนิเวศฟื้นคืนสภาพที่ดีขึ้น เป็นการดำเนินการแก้ปัญหาบนหลักการมีส่วนร่วม เพราะทะเลสาบสงขลาเป็นของส่วนรวมที่ทุกคนควรได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เจ้าของโพงพางที่ต้องรื้อถอนออกไปก็นับได้ว่าเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อส่วนรวม

ในขณะเดียวกันผู้ที่ใช้ประโยชน์จากทะเลสาบสงขลาอื่น ๆ ก็ได้ช่วยกันเสียสละด้วยการสนับสนุนเงินแก่เจ้าของโพงพางที่ต้องรื้อถอนไปเป็นทุนในการไปประกอบอาชีพใหม่ จึงถือว่าเป็นการแก้ปัญหาบนการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะกรรมาธิการอยากเห็น เพราะในที่สุดแล้วทะเลสาบสงขลาซึ่งเป็นสมบัติของส่วนร่วมก็จะสามารถให้ประโยชน์แก่ทุกคนได้อย่างยั่งยืน วันนี้คณะกรรมาธิการรู้สึกดีใจที่ได้มาเห็นและขอชื่นชมจังหวัดสงขลา และคณะกรรมาธิการจะได้นำแนวทางแก้ไขปัญหาโพงพางของจังหวัดสงขลา ไปขยายผลปรับใช้กับที่อื่น ๆ ด้วย ....

[attach=1]

นูรมา  มอลีลอ//ข่าว  ปชส.สงขลา