ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เยี่ยมชมร.ร.ในสังกัดตำรวจตระเวนชายแดน ในองค์อุปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ

เริ่มโดย ทีมงานบ้านเรา, 11:56 น. 04 ก.พ 58

ทีมงานบ้านเรา

เยี่ยมชมร.ร.ในสังกัดตำรวจตระเวนชายแดน
ในองค์อุปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
เกษม ลิมะพันธุ์ / ข่าว / ภาพ

[attach=1]

เมื่อครั้ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินตาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเยี่ยมเยือนราษฎรได้ทราบว่า เยาวชนในชนบทส่วนใหญ่ประสบกับปัญหาทุโภชนาการ ปัญหาด้านสุขภาพอนามัย ซึ่งจะมีผลเชื่อมโยงไปสู่ปัญหาด้านการศึกษา เพราะเมื่อเด็กและเยาวชนเหล่านี้มีปัญหาสุขภาพไม่ดี ก็ไม่สามารถที่จะเข้ารับการศึกษาได้ดี

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จึงมีพระราชดำริให้จัดทำโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันและโครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษา โดยให้เริ่มดำเนินการในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ต่อมาทรงมีพระราชดำริว่า เด็กนักเรียนที่จบการศึกษาชั้นสูงสุดจากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนแล้ว แทบไม่มีโอกาสที่จะได้รับการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น เนื่องจากส่วนใหญ่ครอบครัวมีฐานะยากจน และขาดทุนทรัพย์ที่จะสนับสนุนได้

ประกอบกับนักเรียนเหล่านี้มีภูมิลำเนาอยู่ห่างไกล หากต้องการที่จะศึกษาต่อก็ต้องเข้ามาศึกษาในสถานศึกษาของอำเภอหรือจังหวัด ซึ่งเด็กเหล่านี้ก็จะประสบกับปัญหาในเรื่องที่พักอาศัย จึงมีพระราชประสงค์ที่จะช่วยเด็กนักเรียนเหล่านี้ขึ้น โดยการพระราชทานทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดี มีสติปัญญาที่จะศึกษาต่อไปได้ ให้ได้รับการศึกษาต่อจนถึงชั้นสูงสุดตามระดับสติปัญญา ความสามารถและความเหมาะสม ส่วนผู้ที่ไม่สามารถเข้ารับการศึกษาต่อไปได้ รวมทั้งพวกที่ไม่มีสัญชาติ ก็มีพระราชประสงค์ให้ฝึกอาชีพที่สามารถนำไปใช้ได้ในท้องถิ่น

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเริ่มงานโครงการเพื่อเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 โดยทรงมุ่งเน้นการพัฒนาโดยผ่านกระบวนการเรียนรู้ มีการพัฒนาทั้งทางด้านองค์ความรู้ ทักษะพื้นฐานและแนวคิดที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชน ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาพร้อมกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมที่ดีงามของท้องถิ่นด้วย นอกจากนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพยายามค้นหาวิธีและรูปแบบกิจกรรมที่จะพัฒนาเด็กและเยาวชน ให้เหมาะสมสอดคล้องตามความหลากหลายในแต่ละชุมชนและวัฒนธรรมของท้องถิ่น

โครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 30 ปี จุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารห่างไกลและมีภาวะที่ยากลำบากต่างๆ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การดำเนินงานพัฒนาได้ครอบคลุมพื้นที่ในถิ่นทุรกันดารที่มีความหลากหลายแตกต่างกัน มีกิจกรรมการดำเนินงานที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาของพื้นที่

อีกทั้งมีผู้เชี่ยวชาญของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่ร่วมดำเนินการ และให้การสนับสนุนการดำเนินงานจำนวนมาก เป็นการพัฒนาแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งในด้านสุขภาพ การศึกษา การอาชีพ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมตั้งแต่ทารกในครรภ์มารดาไปจนถึงเด็กวัยเรียนและเยาวชน

สมเด็จพระเทพรัตตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมติดตามการดำเนินงานในโรงเรียนอย่างต่อเนื่องด้วยพระองค์เอง และทรงหารือร่วมกับครูและหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน เพื่อพระราชทานคำแนะนำและความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาที่ทรงพบ ส่งผลให้งานมีความก้าวหน้า เด็ก,เยาวชน รวมถึงประชาชนที่อยู่ในเขตบริการการศึกษาของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จึงได้รับโอกาสเท่าเทียมผู้อื่นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามลำดับ

โรงเรียนในยุคต้นๆ ที่จัดตั้งขึ้นในเขตแนวชายแดนหรือท้องถิ่นทุรกันดาร พื้นที่ความมั่นคงในอดีต หลายคนคงนึกภาพออก ส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนในสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน โดยจะใช้ชื่อว่านำหน้าว่า โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน แล้วตามหลังด้วยชื่อสถานที่ หมู่บ้าน หรือ ผู้สนับสนุนโรงเรียนแห่งนั้น

ปัจจุบัน โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในสังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายที่ 43 ค่ายรามคำแหงสงขลา 10 โรงเรียน ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ชนบทห่างไกล ในอดีตบางแห่งตั้งอยู่ในพื้นที่สีแดง เช่น ในเขตอำเภอสะเดา, นาทวี, สะบ้าย้อย และหนึ่งในนั้นคือโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสื่อมวลชนกีฬา อ.สะเดา จ.สงขลา

"โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสื่อมวลชนกีฬา" ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 6 บ้านหัวควน ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา พื้นที่ทั้งหมด 12 ไร่ เดิมเป็นพื้นที่ห่างไกลความเจริญ อยู่ห่างจากตัวอำเภอ 18 กิโลเมตร ที่สำคัญคือมีปัญหาด้านความมั่นคงเนื่องจากเคยเป็นพื้นที่ ซึ่งมีการเคลื่อนไหวของขบวนการโจรก่อการร้าย ประชาชนในพื้นที่ไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

ตลอดทั้งภาครัฐเองในยุคนั้น ให้การดูแลและพัฒนาได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งไม่มีเจ้าหน้าที่ของทางราชการเข้ามาให้ความช่วยเหลือ หรือคอยเป็นผู้ประสานความเข้าใจระหว่างประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ปัญหาสำคัญคือ เด็กและเยาวชนในพื้นที่ไม่มีสถานศึกษาที่อยู่ในพื้นที่ การคมนาคมก็ไม่สะดวกทุรกันดาร ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาในทุกๆ ด้าน

ในปี 2502 ทางกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนเขต 9 สงขลา ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนเข้าไปปฏิบัติการด้านมวลชนสัมพันธ์ โดยมีวัตถุประสงค์คือการดึงมวลชนจากประชาชน เพื่อเป็นการต่อสู้ด้วยจิตวิทยาในการผลักดันให้ฝ่ายผู้ก่อการร้าย ที่เข้ามาปลุกระดมและสร้างสถานการณ์อยู่ในพื้นที่ และได้ใช้พื้นที่บ้านหัวควนเป็นฐานที่มั่นสำคัญในการปฏิบัติงาน เนื่องจากประชากรมีจำนวนมาก แม้จะต่างศาสนาก็สามารถสื่อสารได้เข้าใจ และยอมรับในนโยบายของทางราชการ

วันที่ 12 ตุลาคม 2502 จึงได้มีการสร้างโรงเรียน ตชด.ขึ้น โดยกำลังของ ตชด.ที่เข้าปฏิบัติการในพื้นที่ เพื่อให้การศึกษาแก่เด็กที่ด้อยโอกาสซึ่งมีจำนวนมากขึ้น โดยในระยะแรกตั้งชื่อโรงเรียนว่า "โรงเรียนพิทักษ์ราษฏร์" ดำเนินการเรียนการสอนโดย ตชด.ในพื้นที่ จนเป็นที่ยอมรับของประชาชน

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้นตามลำดับ มีผู้ปกครองที่เห็นความสำคัญของการศึกษา ได้นำบุตรหลานเข้ารับการศึกษามากขึ้น อาคารเรียนที่มีอยู่จึงไม่เพียงพอ จึงได้ย้ายไปสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ไม่ไกลจากที่ตั้งเดิมมากนัก โดยได้รับการบริจาคที่ดินจากผู้มีจิตศรัทธา และมีการตั้งชื่อใหม่ตามผู้บริจาคเงินสร้างอาคารเรียนว่า "โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสื่อมวลชนกีฬา" (กลุ่มสื่อมวลชนกีฬาจากส่วนกลาง) ดำเนินกิจกรรมพัฒนาการเรียนการสอนมาจนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบัน โรงเรียน ตชด.สื่อมวลชนกีฬา มีเขตพื้นที่บริการ 6 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านหัวควน บ้านกูบู บ้านห้วยตืองะ บ้านคลองยน บ้านพรุบอน และบ้านทุ่งยอ ประชากรรวมกว่า 900 ครัวเรือน ส่วนใหญ่ร้อยละ 95 นับถือศาสนาอิสลาม และเมื่อนักเรียนจบการศึกษาระดับชั้นประถม 6 ที่นี่แล้ว ส่วนใหญ่ก็เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น โดยมีโรงเรียนมัธยมที่ใกล้ที่สุดคือ โรงเรียนสะเดาขรรค์ชัยกัมพลานนท์อนุสรณ์

โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน เป็นโครงการแรกที่ได้พระราชทานแก่โรงเรียน ตชด. เนื่องจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพอนามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ พร้อมที่จะสร้างเสริมสติปัญญา จากบทความพระราชนิพนธ์ความว่า

"... ในบรรดาคนยากจนทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เห็นจะเป็นเด็กๆ พวกเด็กนักเรียนที่ซูบผอม อาหารการกินไม่สมบูรณ์ เช่นนี้จะเอาเรี่ยวแรงและสมองที่ไหนมาเล่าเรียน โตขึ้นอาจไม่มีเรี่ยวแรงทำงาน ทำมาหากิน ก็ต้องทุกข์ยากยิ่งขึ้น

.. ...ข้าพเจ้าเริ่มวางแผนงานโภชนาการสำหรับเด็กนักเรียนในโรงเรียน โดยคิดว่าเราควรสอนวิชาการเกษตร และให้นำผลิตผลทางการเกษตรมาปรุงอาหาร พร้อมทั้งสอนความรู้เบื้องต้นด้านโภชนาการด้วย.." (สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, 2550)

[attach=2]

ร.ต.อ.คำนึง วรรณโก ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสื่อมวลชนกีฬา เปิดเผยว่า โรงเรียน ตชด.สื่อมวลชนกีฬา ปัจจุบันมีนักเรียน 210 คน ครูและบุคลากรทางการศึกษา 12 คน เป็นโรงเรียนในองค์อุปถัมภ์โครงการพระราชดำริของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีโครงการในพระราชดำริ ประกอบด้วย โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน โครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษา โครงการส่งเสริมสหกรณ์ โครงการฝึกอาชีพ โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ,หญ้าฝาก โครงการนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ โครงการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีน และโครงการส่งเสริมภาวะโภชนาการอนามัยแม่

"เกี่ยวกับงานโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งพระองค์ได้ทรงอุปถัมภ์โครงการพระราชดำริให้กับโรงเรียน ตชด.สื่อมวลชนกีฬา จำนวน 8 โครงการ" และกล่าวว่า "โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้ที่โดดเด่นที่สุด คือโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน เพื่อต้องการให้เด็กในท้องถิ่นทุรกันดารห่างไกลคมนาคม ได้มีอาหารรับประทาน มีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง ถูกหลักอนามัย ถูกหลักโภชนาการ ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้ดำเนินการในส่วนของโครงการนี้มาโดยตลอด และก็เป็นโครงการอันดับ 1 ของโรงเรียนอีกด้วย"

ทั้งนี้ โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน เป็นโครงการแรกที่เริ่มดำเนินการขึ้นในโรงเรียนสังกัด ตชด.เมื่อปี พ.ศ. 2523 โดยมุ่งเน้นให้นักเรียน ครู และ ผู้ปกครอง ร่วมกันทำการเกษตรในโรงเรียนแล้วนำผลผลิตทีได้มาประกอบเป็นอาหารกลางวัน โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานเงิน สิ่งของพืชพันธุ์ พันธุ์สัตว์ วัสดุอุปกรณ์การประกอบอาหารให้โรงเรียนในโครงการ การดำเนินงานของของโครงการนี้ นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารกลางวันแล้ว ยังทำให้เด็กนักเรียนได้รับความรู้ด้านการการเกษตรแผนใหม่อีกด้วย

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงค้นคว้าและวิจัยวิธีการที่จะสามารถส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพดี และมีอาหารบริโภคที่เหมาะสม ซึ่งจะเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เด็กมีสมาธิสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนได้เรียนรู้และลงมือปลูกผักเลี้ยงสัตว์ เพื่อนำผลิตภัณฑ์มาประกอบอาหาร พระองค์ทรงให้โรงเรียนได้จัดกิจกรรมการเกษตรเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการเรียนการสอน มีครู อาจารย์และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ให้ความรู้คำแนะนำและดูแล

จากการดำเนินโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน เป็นผลให้เด็กนักเรียนโรงเรียน ตชด. ได้รับอาหารกลางวันที่พอเพียงและมีคุณภาพ ไม่ต้องไปจัดหาชื้อภายนอก เป็นการประหยัดเงินของผู้ปกครอง และพบว่าจากผลการดำเนินการตามโครงการการส่วนพระองค์นี้ สามารถลดอัตราทุโภชนาการในเด็กก่อนวัยเรียนละเด็กวัยเรียนได้

"กิจกรรมที่โรงเรียนกำลังดำเนินการที่ถือว่าโดดเด่นที่สุดในขณะนี้ก็คือ ทางโรงเรียนมีระบบการปลูกพืชผักไร้ดิน เหตุผลเพราะว่าพื้นดินของโรงเรียนมีลักษณะเป็นดินเปรี้ยว ไม่สามารถปลูกผักบนดิน บางชนิดให้ความสมบูรณ์ แต่พืชผักบางชนิดไมสมบูรณ์ ทางโรงเรียนเลยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ คือใช้ระบบปลูกพืชไร้ดินที่เรียกว่า ปลูกแบบไฮโดรโฟนิกส์ ทำให้สามารถมีพืชผักเป็นอาหารกลางวันได้ตลอดปีการศึกษา มีการปลูกหมุนเวียนกันเป็นรุ่นๆ นอกจากนั้นมีการเลี้ยงปลาดุก 3,000 ตัว/รุ่น เลี้ยงปลานิลเป็นปลากินพืช เลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ไข่ 150 ตัว เป็ดเทศ 150 ตัว ผลผลิตต่างๆ เหล่านี้ก็ได้นำมาประกอบเลี้ยงเป็นอาการกลางวัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ"

ครูใหญ่ ร.ร.ตชด.สื่อมวลชนกีฬา กล่าวว่า โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางเป็นโครงการที่โดดเด่นแล้ว โครงการที่รองลงมาคือโครงการส่งเสริมสหกรณ์ เป็นโครงการที่ทางโรงเรียนฝึกให้นักเรียนได้เรียนรู้การทำบัญชีต้นกล้า การเปิดปิดบัญชี ทุกอย่างของประเภทบัญชี ในขณะเดียวกันนักเรียนก็สามารถบริหารจัดการในรูปคณะกรรมการ บริหารร้านค้า สินค้าทุกอย่างจำหน่ายให้กับนักเรียน นักเรียนได้มีประสบการณ์หลักของสหกรณ์ วิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องสหกรณ์ทุกๆ เรื่องจากสหกรณ์จังหวัดสงขลา และบางครั้งก็มีการจัดส่งครูไปฝึกอบรมที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัด นำความรู้มาถ่ายทอดให้กับนักเรียน และพบว่านักเรียนสามารถทำได้

สำหรับกิจกรรมอีกเรื่องที่โรงเรียนได้ดำเนินการในขณะนี้ก็คือ การจัดทำโรงเรียนให้เป็นศูนย์เรียนรู้ที่เกี่ยวกับพันธุกรรมพืช ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน การปลูกพืชสมุนไพร การอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม การปลูกหญ้าแฝก กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้มาศึกษาเรียนรู้ และนำไปปฏิบัติปรับใช้กับท้องถิ่นของตนเองให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

"โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระองค์ท่านทรงเน้นเป็นพิเศษกับทุกโรงเรียนในสังกัด ตชด. จะต้องให้เป็นศูนย์เรียนรู้ของประชาชน ของชุมชนในพื้นที่ ได้มาศึกษาเรียนรู้และนำไปขยายผลสู่ท้องถิ่นของตนเองได้"

อีกประเด็นที่สำคัญต่อการศึกษาในชนบทขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา โดยนายนิพนธ์ บุญญามณี นายก อบจ.สงขลา ได้ให้ความเมตตาแก่เยาวชนในท้องถิ่นทุรกันดารของโรงเรียน ตชด. ในพื้นที่จังหวัดสงขลา 10 โรงเรียน โดยการอุปถัมภ์ทางด้านอาหารเช้า และงบประมาณในการปรับปรุงภูมิทัศน์และการก่อสร้างอาคารเรียน

"โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียน ตชด.สื่อมวลชนกีฬา ในปีงบประมาณ 2558 นั้น ทาง อบจ.สงขลาได้สนับสนุนงบประมาณในการสร้างอาคารเรียนถาวรเป็นอาคารคอนกรีขนาด 8 คูณ 32 เมตร 1 หลัง นอกจากนั้นยังสนับสนุนถนนลาดยางระยะทาง 250 เมตร ซึ่งเป็นเส้นทางที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เคยเสด็จทอดพระเนตรในโครงการต่างๆ ของโรงเรียนอีกด้วย ทางโรงเรียนภูมิใจมากครับ"

ปัจจุบัน โรงเรียน ตชด.ทั้ง 10 โรงเรียนใน จ.สงขลา ได้ดำเนินโครงการพระราชดำริ 8 โครงการแล้ว แล้วยังได้รับการสนับสนุนจากหลายองค์กรในท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ตามโครงการพัฒนาการศึกษาโรงเรียนในสังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน จ.สงขลา

นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนโรงเรียน ตชด.สื่อมวลชนกีฬา และทุกโรงเรียนในจังหวัดสงขลาที่สังกัดตำรวจตระเวนชายแดน โดยมีวัตถุประสงค์ตั้งแต่การพัฒนาด้านครุภัณฑ์ โครงสร้างพื้นฐาน โดยในส่วนของนักเรียนนั้น จะมุ่งเน้นให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น นอกจากนั้นยังพัฒนาการบริหารจัดการ พัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการศึกษา และการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาควบคู่กันไป ซึ่งจะส่งผลให้โรงเรียน ตชด.บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

โรงเรียน ตชด.สื่อมวลชนกีฬา ได้มีการจัดตั้งโรงเรียนเมื่อปี 2502 จนถึงปัจจุบันครบ 55 ปี มีงานในโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ถึง 8 โครงการ พระองค์ท่านให้ความสำคัญทรงเสด็จเยี่ยมโรงเรียนแห่งนี้ถึง 4 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2537 ครั้งที่ 2 วันที่ 14 มิถุนายน 2545 ครั้งที่ 3 วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2550 และครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554

โครงการต่างๆ ในองค์อุปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพฯ สยามบรมราชกุมารี ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิต พัฒนาคุณภาพการศึกษา ปรากฏว่าโรงเรียนบางแห่งมีผลการเรียนที่น่าพอใจ นอกจากนี้ยังพระราชทุนการศึกษาให้นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาชั้นประถมปีที่ 6 จนสำเร็จปริญญาตรีแล้วกว่า 4,000 คน

ปัจจุบัน โครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ดำเนินการในโรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดน จำนวน 196 แห่ง และโรงเรียนต่างๆ อีก รวมทั้งหมด 825 แห่งทั่วประเทศ

เกษม ลิมะพันธุ์ : Facebook.com/Kasemnews
กรรมการสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย

สนับสนุนการขับเคลื่อนโดย
- ฮอนด้าพิธานพาณิชย์-อริยะมอเตอร์ www.phithan.co.th/hondaphithan
- ปาล์มสปริงส์ & ซิตี้รีสอร์ท บ้านและคอนโดคุณภาพจากเครืองศุภาลัย www.hatyainakarin.com
- ธีระการช่าง หาดใหญ่ (เยื้องบิ๊กซีคลองแห) โทร 086-4910345 www.facebook.com/teerakarnchanghy
- เอนกการช่าง ผู้นำการพัฒนาเครื่องจักรกลเกษตร โทร 081-7382622 www.an-anek.com/contact.php
รีวิวธุรกิจ เกาะติดบ้านเมือง ร้อยเรื่องท้องถิ่น TLP 0897384215