ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ชอบ LADY GAGA แล้วปฏิบัติธรรมได้ไหม?

เริ่มโดย คุณหลวง, 13:40 น. 29 ก.ย 54

คุณหลวง

    สะบายดี....

ชอบ LADY GAGA แล้วปฏิบัติธรรมได้ไหม?

    ท่านนักปฏิบัติธรรมเคยเจอคำถามประเภทนี้มั้ยครับ ผมฟังทีแรกแล้วอดหัวเราะไม่ได้ ยังต้องทบทวนคำถามก่อนที่จะตอบ ไม่ใช่ว่าอะไรหรอกครับ ผมเองก็ชอบเพลงของเจ้าหล่อนคนนี้หลายเพลงครับ (๕๕๕ หัวเราะเป็นภาษาไทย) ผมเองก็ไม่ใช่นักปฏิบัติธรรมอะไรมากมาย เพียงสนใจมาก่อนคนที่ถามคำถามนี้เท่านั้นเอง

    เขาบอกว่า มีพี่ของเขาที่บวชรุ่นๆกับผมเล่าให้ฟังว่า ผมชอบเปิดเพลงฮาร์ดคอร์ใส่หูฟังเวลานั่งสมาธิ ผมว่า ของมันชอบเป็นการส่วนตัว ฟังเพลงแนวฮาร์ดคอร์แล้วโล่งหัวดี แต่นานๆครั้งหรอกที่ผมจะทำอย่างนั้น

    เขาย้อนคำถามเดิมว่า ชอบ LADY GAGA แล้วปฏิบัติธรรมได้ไหม? เพราะเขาสนใจธรรมะแต่ยังชอบฟังเพลงแนวนี้อยู่

    เคยอ่านเรื่องเล่าของเซ็นเรื่องหนึ่งว่า มีศิษย์ ๒ คนชอบสูบบุหรี่ นั่งปรึกษากันว่า การสูบบุหรี่กับการปฏิบัติธรรมมันจะขัดกันหรือเปล่า ก็เลยตกลงกันที่จะเข้าไปถามอาจารย์ คนแรกเข้าไป ออกมาบอกเพื่อนว่า อาจารย์บอกว่าไม่ได้ คนที่สองเข้าไป ออกมาบอกว่า ได้

    คนแรกก็บอกว่า เอ๊ะ...ทำไมอาจารย์ตอบไม่ตรงกันล่ะ
    คนที่สองก็ถามว่า ก็คุณถามว่าอย่างไร
    คนแรกตอบ ผมถามว่า ขณะปฏิบัติธรรมจะสูบบุหรี่ได้ไหม คุณล่ะ ถามว่าอย่างไร
    คนที่สองว่า ผมถามว่า ขณะสูบบุหรี่จะปฏิบัติธรรมได้ไหม

    คำถามนี้เผินๆเหมือนกับเป็นการเล่นคำ แต่ที่จริงแล้วไม่เป็นอย่างนั้น เพราะว่าการที่คนแรกปฏิบัติธรรมอยู่แล้วหันมาสูบบุหรี่ นั่นเท่ากับว่า เขาได้หันเหความสนใจมาอยู่ที่บุหรี่เสียแล้ว แต่คนที่สองนั้นมุ่งประเด็นที่เมื่อสูบบุหรี่อยู่นั้นปฏิบัติธรรมมันก็ได้ ถามว่าทำไมเป็นอย่างนั้น ตอบง่ายๆว่า ธรรมะเป็นอกาลิโก ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล

    ผมตอบน้องคนนั้นไปว่า อย่าไปสนใจว่าจะชอบเพลงแนวไหน ชอบกินอะไร หรือแต่งตัวอย่างไร ฯลฯ การปฏิบัติธรรมมันสำคัญอยู่ที่ใจของเราเป็นอย่างไรเท่านั้นเอง อยากฟัง ฟังไป อยากกิน กินไปเถอะ เพียงแต่ให้เวลาที่จะตรวจสอบใจดูบ้างว่า ใจของเราฟูตามหรือแฟบตามอารมณ์ที่กระทบมาหรือเปล่า

    มันเป็นวิธีฝึกอย่างหนึ่งของผม คือ เวลาที่เราฟังเพลงสนุก ใจเราก็คึกคัก โลดเต้นตาม แต่เวลาเพลงเศร้าใจเราก็คล้อยตาม เศร้าตามไป นั่นล่ะ โอกาสของการเรียนรู้ใจตน เพราะว่าการปฏิบัติธรรมไม่ได้มีอะไรมากกว่าการที่ได้รู้จักใจของตน

    เราก็เอามันมาเป็นตัวการที่จะทำให้เรารู้จักใจของเราเสียเลย โดยการลองฟังแล้วปล่อยใจสบายๆ ให้เพียงแค่ได้ยินเสียงมากระทบโสตประสาท แล้วสังเกตุใจเราว่าเป็นอย่างไร อารมณ์มันเกิดตามเสียงเหล่านั้นหรือเปล่า เมื่อรู้ว่าใจเกิดอารมณ์ตามเสียงก็สัีงเกตุอาการใจตาม รู้ว่ามันเป็นอย่างไร แล้วก็อย่าสนใจ เพียงแค่ดูอาการใจเท่านั้น อย่ารองรับอะไรมาทั้งสิ้น มันสนุกก็ดูเฉยๆ มันเศร้าก็ดูเฉยๆ อย่างกับเราสังเกตุสิ่งอื่นรอบตัว

    แต่เคล็ดนิดหนึ่งมันต้องหลับตาเวลาทำ ความจริงเปิดตาก็ได้ แต่ปิดตาง่ายกว่าเท่านั้น เราเห็นคลื่นขึ้น-ลงของใจได้ด้วยซ้ำไป มันก็สนุกดีที่ได้เรียนรู้อีกแบบหนึ่ง อย่าไปยึดติดวิธีการให้มากนัก

    เอาเป็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอุปกรณ์ในการปฏิบัติธรรมได้ทั้งสิ้น สิ่งที่เราต้องทำในชีวิตประจำวันนั่นแหละ อย่าหาจากที่อื่น อย่างเวลาทำงานเครียดๆก็ลองหายใจเข้าออกยาวๆสักสี่ห้ารอบ ให้เต็มปอด หมดปอด แล้วสังเกตุว่าอาการใจก่อนและหลังเป็นอย่างไร

    การรู้สึกตัวจะทำให้เราคลายสิ่งที่ใจหลงยึดถือโดยไม่รู้ตัวได้ครับ

    ผมตอบไปแล้วก็ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจหรือเปล่า? ยิ่งเรามันก็คนธรรมดาขี้เหม็นคนหนึ่งเท่านั้นบนโลกใบนี้ จะมาเชื่ออะไรมากก็คงไม่ดีนัก

    บางทีการตั้งธรรมะไว้สูงเกินไป ทำให้เราไม่สนใจธรรมะไปอย่างน่าเสียดาย ธรรมะเป็นเรื่องของใจ ท่านที่ว่าง่ายก็เพราะแค่รู้จักใจตนก็เท่ากับรู้จักธรรม แต่ที่มันทำยากเพราะอารมณ์มันมีรสอร่อยที่ใจเราเสียดายที่จะสลัดออกก็เท่านั้น อย่างคนเสพกาม พอคิดว่า ต้องละกามก็เสียดายความสุขที่เกิดจากการเสพกาม มันละไม่ลง คนมักนินทามันก็สัมผัสรสอร่อยจากการนินทา พออดพูดก็แทบลงแดง เป็นต้น

    ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็มีรสอร่อยของมัน กิเลสก็มีรสอร่อยของกิเลส บุญก็มีรสอร่อยของบุญ บาปก็มีรสอร่อยของบาป ความดีก็มีรสอร่อยของความดี ความชั่วก็มีรสอร่อยของความชั่ว ส่วนนิพพานก็มีรสของนิพพานเพียงแต่เป็นรสที่ไร้รส ท่านเปรียบเป็นอมตรส

    การที่จะหลุดจากรสอร่อยของสิ่งเหล่านั้นได้ จำเป็นที่ใจของเราจะต้องเห็นโทษ เมื่อเห็นโทษจากรสอร่อยเหล่านั้นแล้ว ใจก็จะละวาง หรือหาวิธีหลุดพ้นจากรสอร่อยเหล่านั้น และใจที่หลงอยู่ในรสเหล่านั้น ไม่อาจประมาณได้ว่ารสแห่งการหลุดพ้นนั้นเป็นอย่างไร มีค่ามากแค่ไหน

    รสที่ยังไม่รู้และประมาณไม่ได้ จึงยังความสนใจให้เกิดขึ้นได้ยาก เพราะเสียดายรสอร่อยที่รับอยู่เป็นประจำนั่นเอง

    ท่านที่มีคำตอบที่แตกต่างกว่านี้ ช่วยแนะนำผมทีครับว่า ผมควรจะตอบน้องเขาให้เข้าใจง่ายกว่านี้อย่างไรดีกับคำถามที่ว่า

  ชอบ LADY GAGA แล้วปฏิบัติธรรมได้ไหม?
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

คนแต่แรก

เช่นเดียวกัน ใส่สายเดียวนั่งสวดมนต์ในบ้าน ผมไม่แปลกครับ

ปัจเจกพุทธ

ชอบ LADY GAGA แล้วปฏิบัติธรรมได้ไหม?

คำถามมันขัดแย้งกันอยู่นะ  เหมือนคนกำลังขับรถอยู่ ขณะเดียวกันก็เล่นกีตาร์ไปด้วย ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่ทำไมต้องทำอย่างนั้น

ต้องถามก่อนว่า ปฏิบัติธรรมแบบไหน? ขั้นไหน?

ถ้าปฏิบัติธรรมโดยการทำงาน "สุขแท้ มีแต่ ในงาน" ก็คงได้ แต่ต้องเป็นงานแบบเรื่อย ๆ สบาย ๆ ถ้าเป็นงานที่ต้องใช้สมาธิอย่างมาก เช่น งานที่ต้องการการวัด การตวง การชั่ง การเพ่งมอง การกู้ระเบิด คงยากหน่อย

แต่ถ้าเป็นการนั่งสมาธิ วิปัสสนา กมมฐาน ก็ไม่น่าจะไปด้วยกันได้ เหมือนกับว่ายังอาลัยอาวรณ์ ต้องการเสพรสทางหูอยู่ แต่ใจหนึ่งก็อยากปฏิบัติธรรม ลักษณะน่าจะเป็นเพราะปฏิบัติธรรมด้วยเจตนาอะไรสักอย่าง  เช่น ได้ยินมาว่า การปฏิบัติธรรมนั้นดี เท่ น่าสนุก ก็เลยลองทำดู แต่จะเว้นวรรคฟังเพลง ก็ไม่อยากเว้น ยังอยากฟังอยู่

เลดี้กาก้านั้น จะว่าเป็นเลดี้ (สุภาพสตรี) ก้ไม่เชิงว่าเป็น การแต่งตัวเธอนั้นเข้าข่ายอนาจาร (ในทางตะวันตก ไม่ถือว่าอนาจาร แต่ในหลายประเทศ รวมทั้งไทย ดูแล้วไม่เหมาะสม ) ความคิดของเธอก็ค่อนข้างแปลก บางครั้งก็พิเรนทร์ เธอเคยเอาเนื้อสด ๆ (เนื้อวัว) มาทำเป็นเครื่องแต่งตัว ปกปิดร่างกาย ปรากฏตัวในงานอะไรสักอย่าง เหม็นคาวไปทั้งงาน

แต่ก็เข้าใจนะว่า การชอบฟังเพลง กับการชอบในตัวนักร้อง บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน

เวลาฟังเพลงก็ฟังเพลงไป เวลาปฏิบัติธรรม ก็ปฏิบัติธรรมไป ไม่น่าจะเข้าใจยาก (เรียนและเล่น เป็นเวลา)

สำหรับผม เพลงเร็ว ๆ ผมเลิกฟังไปนานแล้ว ผมฟังแต่เพลงช้า และเพลงจังหวะกลาง ๆ และไม่ฟังเพลงที่มีความหมายในทางลบ ไม่ดูมิวสิควิดีโอที่มีคนอกหัก แล้วประชดรัก นั่งหงอยเหงา ตีอกชกตัว ตีโพยตีพาย ชักดิ้นชักงอ MV เหล่านี้สร้างมาให้เด็กวัยร่นดู ดูแล้วก็ไม่ใช่จะได้อะไร ได้ความรู้สึกในทางลบ เข้าไปอยู่ในความคิด จนมองอะไรไม่มีเหตุผลไปหมด

อ้างถึงการที่จะหลุดจากรสอร่อยของสิ่งเหล่านั้นได้ จำเป็นที่ใจของเราจะต้องเห็นโทษ เมื่อเห็นโทษจากรสอร่อยเหล่านั้นแล้ว ใจก็จะละวาง หรือหาวิธีหลุดพ้นจากรสอร่อยเหล่านั้น และใจที่หลงอยู่ในรสเหล่านั้น ไม่อาจประมาณได้ว่ารสแห่งการหลุดพ้นนั้นเป็นอย่างไร มีค่ามากแค่ไหน


อันนี้จริง อย่างถ้าเราฟังเพลงสากล เราไม่รู้ว่า เพลงนี้เขาพูดเรื่องอะไร แต่ถ้าเราศึกษาลึกลงไป แล้วรู้ความหมาย เราอาจจะไม่อยากฟังอีกก็ได้ หรือถ้าจังหวะดนตรีมันปลุกเร้าอารมณ์ อย่างมาก ถ้าเราไม่รู้เท่าทันมัน มันก็จะครอบงำเรา ถ้าเรารู้เท่าทันมันเราก็จะรู้ว่า
"อ้อ นี่มันจะดึงอารมณ์เราในหมุนเหมือนพายุทอร์นาโด เราต้องดึงอารมณ์เราก่อน"
ถ้าเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นสูง อย่างโลกุตรธรรม เพลงไม่มีความหมาย จิตของเราจะแยกเสียงได้ เช่น แยกเสียง กลอง กีต้าร์ เบส คีย์บอร์ด แยกเสียงคนร้องออกจากเสียงดนตรีได้ จิตเราจะรับรู้ได้ว่า มันเป็นแค่เสียงต่าง ๆ ที่นำมาเข้าจังหวะกัน จิตสามารถฟังไม่ให้เป็นเพลงก็ได้ (อันนี้อาจเข้าใจยากหน่อย) เพลงจะไม่เข้ามาอยู่ในความคิดของเรา เราจะเข้าใจทันทีว่า มันเป็นการกระทบ เสียดสี สั่นสะเทือน เท่านั้นเอง
สรุปคือ เวลาฟังเพลงก็ฟังเพลง เวลาปฏิบัติธรรม ก็ปฏิบัติธรรม แต่แนะนำอย่างว่า ถ้าจะปฏิบัติธรรม ใจต้องพร้อม และการปฏิบัติธรรม พยายามพิจารณาให้เห็นไตรลักษณ์ และโทษของสัมผัสทั้ง 5 เพราะถ้าไปยึดติดมันก็จะเหมือนกับที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"อันนรกนั้นเราเคยเห็นมาแล้ว ตามองเห็นสิ่งสวยงาม หูได้ยินเสียงไพเราะ จมูกได้กลิ่นหอม ลิ้นสัมผัสรสอร่อย กายสัมผัสสิ่งนุ่มนวล แล้วไปยึดติดกับสิ่งนั้น "


คุณหลวง

    สะบายดี....

    ขอบคุณครับ ขอบคุณทั้งท่านคนแต่แรกและท่านปัจเจกพุทธ

    ส่วนตัว ผมไม่เคยสนใจนะครับ ว่าธรรมะระดับไหน แต่ใครสนใจธรรมะ ผมก็สนับสนุน ใครจะใช้วิธีอะไร เพียงแค่ลดทุกข์ในใจลงได้บ้าง ผมก็ยินดีแล้วครับ แต่ผมเห็นต่างท่านปัจเจกพุทธนิดหนึ่งว่า

   
อ้างจาก: ปัจเจกพุทธ เมื่อ 21:43 น.  29 ก.ย 54
แต่ถ้าเป็นการนั่งสมาธิ วิปัสสนา กมมฐาน ก็ไม่น่าจะไปด้วยกันได้ เหมือนกับว่ายังอาลัยอาวรณ์ ต้องการเสพรสทางหูอยู่ แต่ใจหนึ่งก็อยากปฏิบัติธรรม ลักษณะน่าจะเป็นเพราะปฏิบัติธรรมด้วยเจตนาอะไรสักอย่าง  เช่น ได้ยินมาว่า การปฏิบัติธรรมนั้นดี เท่ น่าสนุก ก็เลยลองทำดู แต่จะเว้นวรรคฟังเพลง ก็ไม่อยากเว้น ยังอยากฟังอยู่

    ผมว่าการปฏิบัติธรรมมันไปด้วยกันได้กับทุกอย่างในชีวิตเราครับ ขอเพียงอย่ารีบร้อนที่จะรับผล อย่าหวังผลเลยว่าอย่างนี้ดีกว่า เพราะว่้าสิ่งที่เราทำได้เป็นเพียงสร้างเหตุปัจจัยให้เกิดสิ่งที่เราต้องการครับ

    อย่างการนั่งสมาธิ ก็ไม่ใช่ว่าเรานั่งสมาธิ แต่เป็นการนั่งเพื่อสร้างเหตุให้เกิดสมาธิ การกำหนดลมหายใจเข้าออก หรืออื่นๆก็เป็นการสร้างเหตุแห่งสมาธิครับ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม มีกำลังพอสมาธิก็เกิดขึ้นเอง

    ดังนั้น หากว่า เป็นการฟังเพลงเพื่อปฏิบัติธรรม ผมเห็นว่าทำได้ อย่างที่ผมบอกว่า ฟังพร้อมกับการสังเกตุจิตใจไปพร้อมกัน เมื่อผ่านการสังเกตุจิตใจไปเรื่อยๆ จิตมันฟูตามเพลงก็รู้ จิตมันแฟบตามเพลงก็รู้ เมื่อความรู้นั้นสะสมมากจนมีกำลังพอ จิตก็จะถอยมาเป็นผู้สังเกตุการณ์ จนเห็นเหมือนที่ท่านว่า ก็คือเห็นคลื่นของเสียงที่มากระทบโสตประสาทเท่านั้น มันเป็นจิตตานุปัสสนาอย่างหนึ่งได้ครับ

    คนที่ชอบฟังเพลงจึงสามารถใช้เพลงเป็นอุปกรณ์ในการปฏิบัติธรรมได้ครับ ที่สำคัญคือ เราเอากำลังจิตกำลังใจที่ได้จากการฝึกมาใช้ในการดำเนินกิจกรรมชีวิตของเรา มิใช่เพลงครับผม
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

โปร่งแสง

 ส.หัว ส.หัว ส.หัว ชอบ LADY GAGA แล้วปฏิบัติธรรมได้ไหม?

ปฎิบัติได้แน่นอนค่ะ เพราะวันนี้ชอบเพราะตามเหตุปัจจัยส่วนตัวต่างๆๆ พอนานๆๆไปก้อเบื่อไปเอง หากเป็นนักปฎิบัติจะเห็นถึงความไม่เที่ยง เกิดขึ้นค่ะคนเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอด.....ขอให้มีความรู้สึกตัวเสมอ...นะค่ะ
: เวลาถูกต้องแล้วทำให้ตัวของเราเป็นคนที่น่าเคารพหรือรู้สึกว่าตัวของเรามันดีขึ้นหรือเปล่า :