"สปริง"ถอดใจเลิกทำตลาดมือถือ

[แฟนเก่าชื่อส้ม]

"สปริง" โบกมือลาตลาดมือถือแบรนด์ไทย หลังโดนแบรนด์นอกบี้ราคาแข่ง ทำกำไรต่ำ ทุ่มทุนกว่า 200 ล้าน บาท หันมาเน้นธุรกิจ แอปพลิเคชั่นด้านโซเชียลเน็ตเวิร์ก พร้อมพัฒนาโซลูชั่นการสื่อสาร จับกลุ่มลูกค้าองค์กร ตั้งเป้าลูกค้าใช้แอปฯ 1.5 แสนรายภายในปี 2555

นายชวัล บุญประกอบศักดิ์ รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท สปริง เทเลคอม จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดเฮาส์แบรนด์ไทยเริ่มเหนื่อย เพราะแบรนด์ขนาดใหญ่ลดราคามือถืออย่างมาก เพื่อแข่งขันในตลาด

รวมถึงการแข่งขันเรื่องช่องทางการขายที่ค่อนข้างสูง ทำให้กำไรต่ำลง บริษัทจึงตัดสินใจหยุดธุรกิจโทรศัพท์มือถือรุ่น Smile ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และหันมาเน้นพัฒนาธุรกิจแอปพลิเคชั่นอย่างเต็มตัว

โดยได้เตรียมงบประมาณการลงทุนพัฒนาซอฟต์แวร์ หลังบ้านภายใต้กรอบการลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ผู้บริโภคในประเทศไทยจะรับรู้ว่าบริษัทหันมาเล่น ในธุรกิจแอปพลิเคชั่น ขณะที่ลูกค้าปัจจุบันที่ใช้โทรศัพท์สปริง

บริษัทยังคงให้การสนับสนุนและดูแลบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง

"การหันมาเน้นเรื่องธุรกิจแอปพลิเคชั่นแทนนั้นอยู่ในแผนธุรกิจอยู่แล้ว เพราะหากเริ่มจากการเป็นบริษัทพัฒนาแอพฯคงไม่ได้เป็นพันธมิตรกับบรรดา โอเปอเรเตอร์ในไทยและหากยังทำตลาดโทรศัพท์มือถือ สปริงจะเป็นแค่บริษัทเล็ก ๆ สู้บริษัทอื่นไม่ได้

แบรนด์มือถืออื่น ๆ ไม่มองว่าเราเป็น คู่แข่งซึ่งทำให้บริษัทเข้าไปเจรจาเป็นพาร์ตเนอร์ได้สะดวกขึ้น"

สำหรับช่องทางรายได้ของบริษัทสปริงจะมาจากแอปพลิเคชั่นด้าน โซเชียลเน็ตเวิร์ก "A Better Group Messenger" ซึ่งต่อยอดจากแอปพลิเคชั่นสปริงเดิม และเตรียมที่จะนำแอปพลิเคชั่นดังกล่าวเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศ โดยจะใช้ไทยเป็นประเทศโชว์เคสเพื่อขยายไปในประเทศอื่นๆ ในอาเซียน

โดยภายในสิ้นปีนี้จะเริ่มเจรจาหาพาร์ตเนอร์หรือโอเปอเรเตอร์ในประเทศนั้น ๆ เพื่อเริ่มบุกตลาดอย่างจริงจัง เบื้องต้นรายได้จะมาจากค่าบริการแพ็กเกจใช้งานแอปพลิเคชั่นซึ่ง ผู้ใช้จะต้องเสียค่าบริการ 29 บาทต่อสัปดาห์ คิดเป็นสัดส่วน 60% และมาจากรูปแบบการขายพื้นที่โฆษณาบน แอปพลิเคชั่นประมาณ 40%

นอกจากนี้ ทางสปริงยังวางแผนจะพัฒนาโซลูชั่นสำหรับใช้สื่อสารในองค์กรเพื่อจับกลุ่มลูกค้าองค์กรใหญ่ในประเทศไทย โดยในระยะแรกจะจับกลุ่มภาครัฐ เช่น มหาวิทยาลัย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ชัดเจนตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าให้มีผู้ใช้ A Better Group Messenger ประมาณ 5% จากจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วประเทศไทย จำนวน 3 ล้านคน หรือประมาณ 1.5 แสนราย ภายในปี 2555 จากปัจจุบันที่มีคนใช้งานอยู่ที่หลักหมื่นคน และล่าสุด บริษัทแต่งตั้งนายคลอดิโอ้ เฟลิเป้ คาบาลเลโร่ เป็นประธานฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท สำหรับวางกลยุทธ์ธุรกิจ แอปลิเคชั่นของสปริงทั้งหมด

นายชวัลกล่าวอีกว่า สำหรับงานไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป ปลายเดือนกันยายนนี้ ทางสปริงจะเปิดตัวโลโก้ใหม่ของบริษัท พร้อมกับเปิดตัวแอปพลิเคชั่นให้ผู้ชมงานได้ทดลองเล่น โดยโทรศัพท์ที่ใช้สาธิตแอปพลิเคชั่นในงานจะไม่มี สินค้าของแบรนด์สปริง แต่จะใช้สมาร์ทโฟน แบรนด์ดังในตลาดประเทศไทยทุกแบรนด์ อาทิ ไอโฟน, แบล็คเบอร์รี่ และ แอนดรอยด์โฟน

โดยแอปพลิเคชั่นสปริง A Better Group Messenger มีจุดเด่นเรื่องการใช้งานด้านโซเชียลเน็ตเวิร์กบนทุกระบบปฏิบัติการทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ และในอนาคตกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาให้รองรับวินโดวส์โฟน มีรูปลักษณ์ใหม่, ใช้งานง่าย, ไม่จำกัดสมาชิกในการตั้งกลุ่มสนทนา

และผู้ใช้งานสามารถเลือกตั้งค่ากลุ่มให้เป็นแบบสาธารณะ หรือส่วนตัวก็ได้ นอกจากนี้ จะมีฟังก์ชั่นเสนอโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ด้วยการเลือกเวลา, สถานที่ และหัวข้อที่คนสนใจได้ตรงกับสินค้า หรือบริการในโฆษณา


ขอบคุณ ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

[ลุงแกลบ]

ออกมารุ่นเดียวถอดใจเลย ............