ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

รอง ผบ.ตร. เร่งรัดคลี่คลายคดีโรฮิงญา พบเชื่อมโยงกันทั้ง สงขลา สตูล เเละ นครศรีฯ

เริ่มโดย JaY_SoniC, 16:27 น. 02 พ.ค 58

JaY_SoniC

ความคืบหน้ากรณีพบแคมป์และสุสานฝังศพชาวโรฮิงญาบนยอดเขาแก้ว บ้านตะโล๊ะ หมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ห่างจากชายแดนไทย-มาเลเซีย ประมาณ 300 เมตร ซึ่งมีหลุมฝังศพอยู่กว่า 30 หลุม และมีการขุดศพขึ้นมาแล้ว 4 ศพ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 58 ที่ผ่านมา นั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 พ.ค. 58 พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้ง ตำรวจภูธร ภาค 9 ตำรวจภูธร ภาค 8 เจ้าหน้าที่ ตม. และ ฝ่ายปกครอง ที่ห้องประชุม สภ.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา และรับฟังผลสรุปการตรวจที่เกิดเหตุ รวมทั้งวางแนวสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี

[attach=3]
โดยหลังการประชุม พล.ต.อ.เอก  อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการขุดหลุมฝังศพไปแล้ว 8 หลุม พบศพ 4 ศพ และได้ส่งไปตรวจพิสูจน์ทราบว่าเป็นใคร รวมทั้งหาสาเหตุการตาย ส่วนแนวทางการคลี่คลายคดีนี้ได้วางไว้ 3 แนวทาง คือ จะต้องเร่งรัดทั้งคดีที่ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีการแจ้งความลักพาตัวชาวโรฮิงญาไปเรียกค่าไถ่ ซึ่งมีการออกหมายจับแล้ว 4 คน ส่วนวิธีที่ 2 คือ การตรวจโครงกระดูกที่พบในบริเวณสุสานฝังศพบนเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ ว่า เป็นใคร สาเหตุการตาย และเกี่ยวข้องกับใครบ้าง เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี และวิธีที่ 3 คือ การสอบสวนชาวโรฮิงญาที่นอนป่วยอยู่ในแคมป์ เพื่อพิสูจน์ว่าพื้นที่ดังกล่าวมีใครเข้ามาเกี่ยวข้อง และเป็นการทำผิดตามกฎหมายอย่างไร นอกจากนี้จะต้องมีการพิสูจน์ทราบพื้นที่บนเทือกเขาแก้ว ซึ่งเป็นรอยต่อชายแดนไทย-มาเลเซีย ว่า ยังมีชาวโรฮิงญาหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ เพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป

พล.ต.อ.เอก เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ข้อมูลบางส่วนแล้ว และการพบแคมป์และสุสานชาวโรฮิงญาในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ นั้น กรอบในการสอบสวนจะเชื่อมโยงกัน ทั้งคดีเรียกค่าไถ่ที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช คดีฆ่านายหน้า 2 ศพ ในพื้นที่ จ.สตูล และ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อปลายปีที่ผ่านมา สำหรับแนวทางหลังจากนี้หากพบว่าเป็นการค้ามนุษย์ ก็จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด รวมทั้งการจัดการกับศพที่พบตามหลักฐานศาสนาอิสลาม และจะต้องช่วยเหลือชาวโรฮิงญาที่อาจหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ด้วย

ด้าน พล.ต.ต.พรชัย  สุธีรคุณ  ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า ขั้นตอนหลังจากที่มีการขุดศพทั้งหมดขึ้นมา จะต้องตรวจหาสาเหตุการตาย และเก็บดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์ตัวบุคคล และนำไปเปรียบเทียบกับบุคคลต้องสงสัย ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ขึ้นอยู่กับจำนวนศพที่พบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ถึงสาเหตุการตาย เนื่องจากสภาพศพแตกต่างกันในเรื่องของเวลา

ส่วนความคืบหน้าการขุดหลุมศพในวันนี้ ทาง พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทีมแพทย์ และ หน่วยกู้ภัย ได้ขึ้นไปขุดหลุมศพที่เหลืออยู่ทั้งหมด หลังจากที่ขุดไปแล้ว 8 หลุม และพบเพียง 4 ศพ จากนั้นจะนำเข้าสู่การตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการตาย และเก็บดีเอ็นเอต่อไป

ขณะที่ความคืบหน้าการสอบสวนเพื่อสาวไปยังกลุ่มนายหน้า และผู้นำพาชาวโรฮิงญามาอยู่ที่แคมป์แห่งนี้นั้น ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเผยว่า ขณะนี้พอทราบตัวกลุ่มนายหน้าและผู้นำพาแล้ว ซึ่งมีอยู่ 3-4 คน แต่ยังขาดพยานและหลักฐานที่จะเชื่อมโยงไปถึง ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การอกหมายจับ โดยเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่มีการจับกุมชาวโรฮิงญาในพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ไปเรียกค่าไถ่

สำหรับการพบแคมป์และหลุมฝังศพชาวโรฮิงญาบนยอดเขาแก้วนั้น สืบเนื่องมาจากญาติของชาวโรฮิงญาได้ไปแจ้งความกับตำรวจภูธร ภาค 9 ว่า มีญาติจำนวน 2 คน คือ นายรอฟิต กับ นายคาซิน ถูกนำตัวมากักขังเอาไว้ที่แคมป์ดังกล่าว ซึ่งญาติได้ส่งเงินให้กับขบวนการเพื่อไถ่ตัว แต่ปรากฏว่า นายคาซิน ถูกฆ่าตาย ส่วน นายรอฟิต หนีไปได้ ญาติจึงได้เข้ามาแจ้งความต่อตำรวจ ภาค 9 เพื่อเข้าตรวจสอบ กระทั่งมีการขยายผลตรวจพบแคมป์ที่กักกันและสุสานบนยอดเขาแก้ว
/////

สุดซอย

          ใหนๆผู้หลักผู้ใหญ่หลายหน่วยงานลงมาอยู่ในพื้นที่แล้ว(สงขลา)ช่วยดูแลป่าไม้ป่าสงวนที่ถูกนายทุนบุกรุกแผวถางป่าปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันด้วยครับเช่นอำเภอคลองหอยโข่ง  อำเภอสะเดา  อำเภอนาทวี  และอำเภอหาดใหญ่  ชาวโรฮิงญาเป็นร้อยเดินผ่านสวนใครบ้างเจ้าของสวนจะไม่รู้เชียวหรือ  น่าคิดนะครับ