ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ผบ.ตร.เเถลงคืบหน้าคดีโรฮิงญาจับได้เเล้ว 4 จาก 8 คนเเละเตรียมออกหมายจับตัวการใหญ่

เริ่มโดย JaY_SoniC, 18:20 น. 04 พ.ค 58

JaY_SoniC

ความคืบหน้าการคลี่คลายคดีแคมป์และสุสานฝังศพชาวโรฮิงญาบนยอดเขาแก้ว บ้านตะโล๊ะ หมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งพบผู้เสียชีวิตทั้งหมด 26 ศพ

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 พ.ค. 58 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ จ.สงขลา เพื่อประชุมและรับฟังสรุปความคืบหน้าคดี รวมทั้งวางแนวทางการสืบสวนสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ โดยล่าสุดได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาแล้วทั้งหมด 8 คนในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง และร่วมกันเรียกค่าไถ่

ซึ่งในจำนวนนี้จับกุมได้แล้ว 4 คน ประกอบด้วย นายอ่าสัน หรือ บังสัน อินทธนู อายุ 42ตัว ปี สมาชิกสภาเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ นายร่อเอน สนยาแหละ อายุ 41 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ โดยทั้ง 2 คน ทำหน้าที่จัดหาเสบียง นายอาหลี ล่าเม๊าะ อายุ 47 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ ทำหน้าที่ควบคุมแคมป์ และ นายซอ เนียง อานู หรือ อันวา อายุ 40 ปี ชาวพม่า ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำ จ.นครศรีธรรมราช

นอกจากนี้ยังยึดอาวุธปืนขนาด 9 มม. อีก 1 กระบอก พร้อมกระสุน 8 นัด และ ซองพก 1 ซอง และยังแจ้งข้อหา นายอ่าสัน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก 1 ข้อหา พร้อมกับได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน มาแถลงต่อสื่อมวลชน ซึ่งทั้งหมดคนยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีนี้ว่า จะมีการออกหมายจับเพิ่มอีกหลายคน โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือนักการเมืองท้องถิ่น หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ก็จะจับกุมทั้งหมด ส่วนผลการตรวจสอบเก็บหลักฐานภายในแคมป์นั้น เจ้าหน้าที่พบศพทั้งหมด 26 ศพ เป็นชาย 25 ศพ และ หญิง 1 ศพ มีทั้งที่เสียชีวิตมาแล้วเป็นปี และเพิ่งเสียชีวิต ซึ่งชี้ว่าแคมป์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมานาน ส่วนสาเหตุของการตายนั้น ต้องรอผลการตรวจจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แต่เบื้องต้นคาดว่าตายเพราะป่วยและขาดอาหาร ซึ่งขบวนการค้ามนุษย์กลุ่มนี้เป็นอาชญากรข้ามชาติ มีทั้งไทย พม่า และ มาเลเซีย โดยทำมาแล้วอย่างน้อย 3-4 ปี

รวมทั้งมีรายงานจากชุดสืบสวนว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้ง 8 คน แล้ว เจ้าหน้าที่ยังเตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 3-4 คน ในจำนวนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นเจ้าของแคมป์ใหญ่บนเทือกเขาแก้ว และผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ ทั้งนักการเมืองท้องถิ่น และผู้นำท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีชาวโรฮิงญาด้วยกันเองรวมอยู่ด้วย ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า ทั้งหมดได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้ว

ด้าน นายอารี อารีฟ ตัวแทนสำนักจุฬาราชมนตรี และ กรรมการสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี ซึ่งเข้ารับฟังการแถลงข่าว ได้เสนอแนะกระบวนการจัดการกับปัญหาชาวโรฮิงญา โดยขอให้ดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด หากมีมุสลิมเข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือ ผู้นำศาสนา และให้ทางสำนักจุฬาราชมนตรี และ ภาครัฐ เข้ามามีส่วนร่วมจัดการด้านมนุษยธรรมกับชาวโรฮิงญา ทั้งที่มีชีวิตและเสียชีวิต

ทั้งนี้หลังเกิดคดีพบแคมป์และหลุมฝังศพในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.ปาดังเบซาร์ ล่าสุดในวันนี้ทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ได้มีคำสั่งด่วนให้ตำรวจ สภ.ปาดังเบซาร์ 2 นาย คือ ร.ต.ต.อารีย์ หมัดสมัน รองสารวัตรป้องกันปราบปราม และ ด.ต.อัศณีย์รัญ  นวลรอด ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร จ.สงขลา ไม่มีกำหนด จนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ เพราะ จากการสอบสวนพบว่าเข้าไปมีส่วนพัวพันกับคดีนี้ด้วย

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เเละคณะ ยังได้เดินทางไปเยี่ยมชาวโรงฮิงญา 2 คน และ ชาวบังคลาเทศ 2 คน ที่ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งทั้ง 4 คน เคยถูกนำไปกักตัวอยู่ที่แคมป์บนยอดเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ ชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่เจ้าหน้าที่ไปพบ

โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้พูดผ่านล่ามให้ทั้ง 4 คน ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และบอกข้อมูลเกี่ยวกับแคมป์แห่งนี้ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และจะให้การคุ้มครองดูแลอย่างดีที่สุด โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนทั้ง 4 คน เพิ่มเติม และจะกันไว้เป็นพยาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดที่ได้มีการออกหมายจับไปแล้ว 8 คน และจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมอีกบางส่วน
/////