ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

จับนายกปาดังฯคดีโรฮิงญาขณะที่จากการลาดตระเวนพบบังคลาเทศลงจากเขามาขออาหารชาวบ้าน

เริ่มโดย JaY_SoniC, 15:57 น. 08 พ.ค 58

JaY_SoniC

วันที่ 8 พ.ค. 58 ความคืบหน้าคดีโรฮิงญา ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร ภาค 9 ส่วนหน้า ภายใน สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีโรฮิงญาใน จ.สงขลา โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบแคมป์ที่พักพักทั้งหมดจำนวน 4 แคมป์ โรงเรือน 51 โรง พบ 55 คน แบ่งเป็นชาวโรฮิงญา 24 คน ชาวบังคลาเทศ 15 คน และอยู่ในระหว่างการพิสูจน์สัญชาติอีก 16 คน รวมทั้งศพ 33 ศพ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบจากแพทย์นิติเวช ม.อ.

นอกจากนี้ทางตำรวจยังได้มีการออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 11 หมาย แต่ยังไม่ได้มีการเปิดเผยในรายละเอียดว่าเป็นบุคคลกลุ่มใด รวมผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีนี้จำนวน 29 คน ทั้งนี้ในช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมตัว นายบรรณจง ปองผล นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา มาทำการสอบสวน รวมทั้ง ร.ต.ท.มงคล สุโร ผบ.หมวด ตชด.4303 และ ด.ต.อัศณีย์รัญ นวลรอด ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ปาดังเบซาร์ ก็ถูกจับกุม และอยู่ในระหว่างการสอบสวนอย่างละเอียด ขณะที่ นายประสิทธิ์ เหล็มเหล๊ะ รองนายกเทศมนตรีตำบลปาดังเบซาร์ ที่ได้เข้ามอบตัวเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปฝากขังที่ศาล จ.นาทวี แล้ว

สำหรับความคืบหน้าหลังจากเจ้าหน้าที่พบกุโบร์หรือสุสานฝังศพชาวมุสลิมในพื้นที่บ้านฉลุง หมู่ 7 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จำนวน 30 หลุม ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นสุสานฝังศพชาวโรฮิงญา เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเคยถูกใช้เป็นสถานที่พักพิงชาวโรฮิงญาแห่งใหญ่ของ จ.สงขลา เมื่อวานนี้นั้น

ล่าสุดกำลังเจ้าหน้าที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 437 ยังคงตรึงกำลังบริเวณกุโกโบร์ ซึ่งได้กันเป็นพื้นที่หวงห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในกุโบร์ เพื่อรอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจพิสูจน์และเก็บหลักฐาน โดยทางตำรวจจะหารือกับตัวแทนสำนักจุฬาราชมนตรีอีกครั้งหนึ่งว่าจะดำเนินการอย่างไร  นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 437 ยังคงออกลาดตระเวนในพื้นที่บริเวณเขาแก้วเขตรอยต่อ จ.สงขลา กับ จ.สตูล เพื่อตามหาชาวโรงฮิงญาอีก 17 คน ที่คาดว่ายังพลัดหลงอยู่ในป่า หลังจากที่เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือออกมาได้แล้ว 33 คน

ขณะที่ในช่วงเที่ยงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอหาดใหญ่ รวมทั้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน ชรบ.ตำบลฉลุง ตำรวจ สภ.ทุ่งตำเสา และ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้สนธิกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่ควน 18 เชิงเขาแก้ว เขตรอยต่อหมู่ 1 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ กับหมู่ 10 ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ พบชาวบังคลาเทศอีก 3 คน ซึ่งอยู่ในสภาพที่หิวโซ และอิดโรย เดินลงมาขออาหารจากชาวบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวไปควบคุมไว้ที่ สภ.ทุ่งตำเสา

ซึ่งจากการสอบสวนผ่านล่าม ชาวบังคลาเทศทั้ง 3 คน เผยว่า ยังมีชาวโรฮิงญาและบังคลาเทศอีกนับร้อยคนที่กระจายกันหลบซ่อนตัวอยู่บนเทือกเขาแก้ว หลังจากล่องเรือมาขึ้นฝั่งที่ จ.สตูล เพื่อเดินเท้าข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซียมาประมาณ 10 วัน และส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่อดอยากขาดอาหาร หลังจากถูกนายหน้าลอยแพ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสนธิกำลังเข้าตรวจค้นอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ายังมีกลุ่มชาวโรฮิงญากระจายอยู่ตามเชิงเขาแก้วอีกหลายจุด สำหรับชาวโรฮิงญาและบังคลาเทศที่เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือเอาไว้เมื่อวานนี้มีจำนวน 16 คน แบ่งเป็นชาวบังคลาเทศ 5 คน และ ชาวโรฮิงญา 11 คน โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งฟ้องศาล 5 คน ในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง
/////

ซัมเหมา

โรฮิงยา ชื่อนี้กำลังดังกระฉ่อนไปทั่วโลก เป็นชนชาติที่น่าสงสารก็ใช่ น่ารำคาญก็ใช่ และไม่น่าไว้ใจก็ใช่อีก จริงๆแล้วก็คือพวกบังคลาเทศนี่เอง ทั้งรูปร่างหน้าตาภาษาและศาสนา เป็นเพราะอังกฤษแท้ๆที่ทำให้เกิดชนชาติโรฮิงยา อังกฤษไปหลอกเกณฑ์คนบังคลาเทศนับล้านคนมาช่วยงานด้านทหารในพม่าซึ่งเป็นเมืองขึ้น พอสงครามเลิกพวกอังกฤษกลับบ้าน พม่าเป็นอิสระ พวกบังคลาเทศเหล่านี้กลับเข้าประเทศตัวเองไม่ได้จึงถูกผลักดันให้อยู่ในพม่าต่อไป แต่พม่าก็ไม่ยอมรับเพราะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข แถมนับถือคนละศาสนา พม่าจึงพยายามกีดกันให้ออกนอกประเทศ พวกโรฮิงยาจะไปไหนก็ไม่ได้ จึงติดแหง็กอยู่ตะเข็บชายแดนระหว่างพม่ากับบังคลาเทศ ไม่มีประเทศของตัวเอง ไม่มีบัตรปชช. ไม่มีงานทำ ไม่ได้เรียนหนังสือ พวกนี้จึงอยู่อย่างขัดสน ต้องพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด ทางที่สดใสก็คือไปหางานทำในประเทศอื่น คนพวกนี้จึงเป็นเหยื่อให้ถูกหลอกง่ายๆ ใครว่าที่ไหนดียอมไปกับเขาหมด ขึ้นเขาลงน้ำก็ไม่หวั่น ขอไปตายเอาดาบหน้า
แล้วก็กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ประเทศไทยเสียชื่อ คนไทยกลุ่มหนึ่งต้อง...เข้าคุกและหมดอนาคต