คณะ นสบ. ดูงานเเท่นผลิตปิโตรเลียมหวังสัมปทานรอบใหม่เเก้วิกฤติพลังงานสำรองของชาติ

[JaY_SoniC]

วันที่ 15 มิ.ย. 58 นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ นำคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และข้าราชการหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง (นบส.) ประมาณ 30 คน ลงเรือเดินทางไปตรวจสอบแท่นผลิตน้ำมันดิบ สงขลา-ดี ของ บริษัท ซี อี ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด (สาขาประเทศไทย) บริเวณกลางทะเลอ่าวไทยห่างจากชายฝั่ง จ.สงขลา ประมาณ 20 กิโลเมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่จะต้องมาศึกษาดูงาน เพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการผลิตปิโตรเลียม และได้เห็นถึงขั้นตอนต่างๆในการทำงาน รวมทั้งการดูแลความปลอดภัย โดยเฉพาะการป้องกันการรั่วไหลของปิโตรเลียม

รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เผยว่า ทางกระทรวงพลังงานได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมตรวจสอบ และควบคุมแท่นผลิตปิโตรเลียมทุกแห่งในทะเลอ่าวไทยอย่างเข้มงวด เพื่อให้ทุกขึ้นตอนมีความปลอดภัยสูงสุด และไม่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมตามข้อบังคับของกฎกระทรวง และ พรบ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 ซึ่งบริษัทที่นำคณะเข้าศึกษาดูงานมีความพร้อม และการบริหารจัดการที่ดีเยี่ยม และไม่เคยมีน้ำมันดิบรั่วไหล

ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันราคาน้ำมันลดลงอย่างมาก จึงส่งต่อผลกระทบต่อการจัดเก็บค่าภาคหลวงของรัฐ และงบประมาณในการสนับสนุนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นโดยรอบแท่นผลิตที่จะต้องลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ผู้รับสัมปทานหลายบริษัทได้เริ่มทยอยลดกำลังการผลิต และอีกหลายแห่งได้หยุดการผลิตไปแล้ว เนื่องจากต้องลงทุนสูงไม่คุ้มกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดต่ำลงเรื่อยๆ และเรื่องที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างหนึ่งคือภาคแรงงานในธุรกิจน้ำมันปิโตรเลียม ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นแรงงานจากคนในท้องถิ่นที่ต้องลาออกหรือถูกปลด หลังจากการปิดตัวลงของบริษัทผู้รับสัมปทาน

นายวีระศักดิ์ เผยด้วยว่า การชะลอการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ทำให้หลายบริษัทจำเป็นที่จะต้องลดภาระค่าใช้จ่าย เนื่องจากกระบวนการสำรวจและการผลิตไม่มีความต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยเหลือพลังงานสำรองอยู่เพียง 6-7 ปี เท่านั้น และบริษัทผู้รับสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมก็เริ่มทยอยกันปิดตัวลงตามอายุของสัมปทาน ซึ่งหากยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวในเร็ววันนี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อวิกฤติพลังงานสำรองของเทศในระยะยาว
/////