ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

พิเศษสุด ๆ !! ทัวร์โปรตุเกส-สเปน 8 วัน 5 คืน บิน EK เพียง !! 59,900-

เริ่มโดย indy.classic.1238, 14:41 น. 16 ก.ค 58

indy.classic.1238

ทัวร์โปรตุเกส-สเปน 8 วัน 5 คืน โดยสายการบินเอมิเรตส์ (EK)

<<ชมแหลมโรกา (Capo Da Roca) จุดที่เป็นปลายด้านตะวันตกสุดของทวีปยุโรป >> (ทัวร์LIS-EK002)

ลิสบอน – แหลมโรกา - ซินทรา – ฟาติมา – โกอิมบรา – ปอร์โต้ – ซาลามังกา- เซอโกเบีย – เอาท์เลท – มาดริด-โทเลโด – พลาซ่า มายอร์ – ชมโชว์ระบำฟลามินโก้ กำหนดการเดินทาง8-15,13-20 ก.ย.2558 //19-26,21-28 ต.ค.2558 4-11 ,18-25 พ.ย.2558 28 พ.ย.- 5 ธ.ค.,29 พ.ย.- 6 ธ.ค.,30 พ.ย.-7 ธ.ค.2558 1-8 ,9-16 ธ.ค.2558


#สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือต้องการสำรองที่นั่ง โทร 087-6333969 ติดต่อ ดี้ ค่ะ

วันที่ 1 :   กรุงเทพฯ

22.00 น.   
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เคาน์เตอร์สายการบิน เอมิเรสต์ พบเจ้าหน้าที่จาก GO HOLIDAY TOUR ที่จะคอยอำนวยความสะดวกให้กับท่าน

วันที่ 2 :   กรุงเทพฯ – ดูไบ – ลิสบอน
01.35 น.   
ออกเดินทาง โดยสายการบินเอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK 385***คณะเดินทางวันที่ 28 ต.ค. เป็นต้นไป พร้อมกันเวลา 23.00 น.ออกเดินทางเวลา 01.05 น. และ ถึง ดูไบ เวลา 04.55 น.***
04.45 น.   เดินทางถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
07.25 น.   ออกเดินทางต่อ โดยสายการบินเอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK 191
12.45 น.   ถึงสนามบินลิสบอน ประเทศโปรตุเกส (Portugal) (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง หรือ ปรับเป็น 6 ชั่วโมงในวันที่ 25 ตุลาคม 2558) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านบันทึกภาพกับอนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อฉลองการครบ 500 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายเฮนรี่ เดอะเนวิเกเตอร์ แวะถ่ายรูปกับหอคอยเบเล็ง (Belem Tower) เดิมสร้างไว้กลางน้ำเพื่อเป็นป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือเข้าออก เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจ และค้นพบโลกของ วาสโก ดากามา นักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ที่สวยงาม เข้าชมมหาวิหารเจอโร นิโม (Jeronimos Monastry) ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ วาสโกดากามา ที่เดินทางสู่อินเดียเป็นผลสำเร็จ ในปี ค.ศ.1498 จัดเป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่ามานูเอลไลน์ (Manueline) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นถึง 70 ปี จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ว่าให้เป็นมรดกโลก (UNESCO World Heritage)
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำเข้าสู่ที่พัก โรงแรม HOLIDAY INN LISBON HOTEL หรือเทียบเท่า

วันที่ 3 :   ลิสบอน – แหลมโรกา - ซินทรา – ฟาติมา – โกอิมบรา
เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นพาท่านเดินทางชมแหลมโรก้า (Capo Da Roca) จุดที่เป็นปลายด้านตะวันตกสุดของทวีปยุโรป ซึ่งท่านสามารถซื้อใบประกาศนียบัตร (Certificate) เป็นที่ระลึกในการมาเยือน ณ ที่แห่งนี้ จากนั้นเดินทางสู่เมือง ซินทรา (Sintra) อีกหนึ่งเมืองตากอากาศยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เป็นที่ตั้งของพระราชวังที่สวยงามที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลก ความร่มรื่นของเขตอุทยานเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดของชาวเมือง เป็นอีกเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่ค่อนข้างมีความโดดเด่นของแคว้นแกรนด์ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส นำท่านเดินทางสู่เมืองฟาติมา (Fatima) ซึงเป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีความสำคัญของคริสต์ศาสนิกชน นำท่านเข้าชมโบสถ์แม่พระฟาติมา (The Lady of Fatima Basilica) ซึ่งเป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก ก่อสร้างในปี 1928 – 1953) ชมรูปปั้นพระแม่มารี ที่มีความศักสิทธิ์และเป็นหนึ่งในหลายเส้นทางของคริสต์ศาสนิกชนในการแสวงบุญ ที่มีความเชื่อว่าพระแม่มารีได้เคยปรากฏตัวให้เด็กน้อย 3 คนได้เห็นเป็นครั้งแรกที่แอบหลบภัยสงครามโลกครั้งที่ 1และได้บอกกับเด็กทั้งสามคนถึงเหตุผลที่พระองค์ลงมาจากสวรรค์ เพื่อให้ลูเซีย ได้บันทึกไว้ถึงคำทำนายและคำสอนของพระแม่มารี ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆที่ลูเซียได้บันทึกไว้ก็ล้วนเป็นความจริงที่ปรากฏขึ้นมาภายหลัง
เที่ยง   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย   นำท่านเดินทางสุ่เมืองโกอิมบรา (Coimbra) อีกเมืองหนึ่งที่สำคัญของโปรตุเกส ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำมอนเดโก (Mondego) ซึ่งสมัยถูกปกครองโดยอาณาจักรโรมันได้รับการเรียกขานว่า เอมีเนียม และได้ถูกยึดครองโดยชาวแขกมัวร์ ในปี ค.ศ.711 และเป็นเมืองที่เชื่อมการค้าระหว่างชาวคริสต์ทางเหนือและชาวมุสลิมทางใต้ จนในปี ค.ศ.1064 กษัตริย์เฟอร์ดินัลที่ 1 แห่งลีออน ได้รบชนะแขกมัวร์และปลดปล่อยเมืองโกอิมบรา นำชมมหาวิทยาลัยโกอิมบรา(Coimbra University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งในปี ค.ศ.1290 แต่ก็ถูกเปลี่ยนเป็นพระราชวังหลวง (Coimbra Royal Palace) โดยกษัตริย์ คิงส์จอห์นที่ 3 ในปี ค.ศ.1537 ซึ่งยังคงศิลปะสไตล์บาร็อคที่สวยงาม
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำเข้าสู่ที่พัก โรงแรม TRYP HOTEL หรือเทียบเท่า

วันที่ 4 :   โกอิมบรา – ปอร์โต้ – ซาลามังกา
เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองปอร์โต้ (Porto) ทางเหนือของประเทศโปรตุเกส เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงถึง "ไวน์ปอร์โต้" ซึ่งเป็นแหล่งไวน์ชั้นดีของคนที่มีรสนิยมในการดื่มไวน์ และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองและตั้งอยู่ริมแม่น้ำโดรู และเมืองนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก้ ในปี ค.ศ.1996 อีกด้วย นำท่านชมเมืองมรดกโลกปอร์โต้ ชมย่านจัตุรัสกลางเมือง Praça dos Liberdade ประกอบด้วยอาคารสวยงามที่เป็นที่ทำการของธนาคารและโรงแรม และศาลาว่าการเมือง ชมสถานีรถไฟ São Bento ซึ่งภายในมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องเขียนสีที่มีลวดลายสีน้ำเงิน ที่เล่าเรื่องราวของชาวโปรตุเกส แวะถ่ายรูปกับโบสถ์ Sé de Porto ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง อายุกว่าพันปี โบสถ์แห่งนี้เป็นที่จัดงานอภิเษกสมรสของกษัตริย์ João ที่ 1 บิดาของเจ้าชายเฮนรี่ ผู้บุกเบิกการเดินเรืออันยิ่งใหญ่ของโปรตุเกส สร้างอยู่บนเนินที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมือง
เที่ยง   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย   นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่เมืองซาลามังกา (Salamanca) ในแคว้นคาสตีลและเลออน ทางภาคตะวันตกของประเทศสเปน ตั้งอยู่บนที่ราบสูงริมแม่น้ำตอร์เมส เป็นเมืองที่มีความสำคัญเนื่องจากเป็นศูนย์กลางของการค้าขายในสมัยโรมันเรืองอำนาจ ปัจจุบันเมืองนี้ได้รับขึ้นเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ ในปี ค.ศ. 1988 นำท่านสู่พลาซ่า มายอร์ (La Plaza Mayor) ศูนย์กลางของเมืองที่สร้างโดยศิลปะสไตล์บาร็อค ที่เป็นเอกลักษณ์ของความร่ำรวยในยุคศตวรรษที่ 16 -18 อิสระให้ท่านได้เดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำเข้าสู่ที่พัก โรงแรม GRAN HOTEL CORONA SOL หรือเทียบเท่า

วันที่ 5 :   ซาลามังกา – เซอโกเบีย – เอาท์เลท – มาดริด
เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
   
นำท่านเดินทางสู่เมืองเซอโกเบีย (Segovia) เมืองท่องเที่ยวอีกเมืองหนึ่งของสเปน องค์การ UNESCO ยังได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองนี้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1985 ชมรางส่งน้ำโรมัน (Acueducto de Segovia) ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 โดยไม่มีการใช้กาวหรือวัสดุเชื่อมหินแต่ละก้อนแต่อย่างใด จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งก่อสร้างทางวิศวกรรมโดยชาวโรมันที่สำคัญที่สุดของสเปน และยังมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดอีกด้วย รางส่งน้ำประกอบขึ้นจากหินแกรนิตกว่า 25,000 ก้อน มีความยาว 818 เมตร มีโค้ง 170 โค้ง จุดที่สูงที่สุดสูงถึง 29 เมตร จุดเริ่มต้นของรางส่งน้ำนี้ เริ่มตั้งแต่นอกเมือง แล้วลำเลียงส่งน้ำเข้ามาในเมือง รางส่งน้ำแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเซอโกเบีย และเป็นไฮไลท์หลักของเมือง นำท่านเดินเล่นในเขตเมืองเก่า ซึ่งเต็มไปด้วยสินค้านานาชนิดตลอดสองข้างทาง
เที่ยง   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านสู่ Las Rozas Village Outlet อิสระให้ท่านได้เดินเล่นเลือกซื้อสินค้ามีกว่าร้อยร้านค้า อาทิ เช่น Amani, Barbour, Coach, Diesel, Furla, Onisuka Tiger,Polo Ralph lauren, Hugo Boss, Samsonite, Camper, Burbury, Superdry, Tag Heuer, Bvlgari, Calvin Klein ฯลฯ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่กรุงมาดริด (Madrid)  เมืองหลวงของประเทศสเปน ตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน ในระดับความสูง 650 เมตร เป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุค ที่ซึ่งกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาที่นี่ และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่ ยกเว้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1601-1607 เมืองมาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และสูงสุดแห่งหนึ่งในยุโรป
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำเข้าสู่ที่พัก โรงแรม NOVOTEL PUENTE DE LA PAZ HOTEL หรือเทียบเท่า

วันที่ 6 :   มาดริด – โทเลโด – พลาซ่า มายอร์ – ชมโชว์ระบำฟลามินโก้
เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโทเลโด (Toledo)  เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศสเปน องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองนี้เป็นแหล่งมรดกโลกอีกด้วย มีทัศนีภาพที่สวยงาม เนื่องจากมีแม่น้ำเทกัส ไหลผ่านเมือง นำท่านเข้าชมมหาวิหารแห่งโทเลโด (Toledo Cathedral) เนื่องจากเป็นวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสเปน รองจากวิหารเมืองเซบีญ่า ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13  ความงดงามอลังการสไตล์โกธิก ภายในมหาวิหารมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน
เที่ยง   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำเวลาท่านเดินชมเมืองที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของสเปน และมีเวลาให้ท่านหาซื้อของที่ระลึกในย่านกลางเมืองเป็นงานฝีมือที่รู้จักกันดี คือดาบและมีดเหล็กกล้า  นอกจากนี้ยังมีงานเซรามิคทุกประเภทให้ท่านได้สะสมเป็นของประดับบ้านอีกด้วย  จากนั้นนำท่านเดินกลับสู่กรุงมาดริด  เพื่อนำท่านสู่ พลาซ่า มายอร์ (Plaza Mayor of Madrid) ใกล้เขตปูเอต้าเดลซอล หรือประตูพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นจตุรัสใจกลางเมือง นับเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปน (กิโลเมตรที่ศูนย์) และยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดินและรถเมล์ทุกสาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมืองที่หนาแน่นด้วยร้านค้าและห้างสรรพสินค้าใหญ่มากมาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับ รูปปั้นหมีเกาะต้นเชอรี่ (The bear and the cherry tree in Madrid) อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญอีกแห่งของกรุงแมดริด

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมชมโชว์ระบำฟลามินโก้ อันเร้าใจ
เข้าสู่ที่พัก ณ โรงแรม NOVOTEL PUENTE DE LA PAZ HOTEL หรือเทียบเท่า

วันที่ 7 :   มาดริด – ดูไบ – กรุงเทพฯ
เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าชม พระราชวังหลวง (Royal Palace) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำแมนซานาเรส สวยงามโอ่อ่าอลังการไม่แพ้พระราชวังใดในทวีปยุโรป พระราชวังหลวงแห่งนี้ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1738 ด้วยหินทั้งหลังในสไตล์บาโรค โดยการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและอิตาเลียน ประกอบด้วยห้องต่างๆกว่า 2,830 ห้อง ซึ่งนอกจากจะมีการตกแต่งอย่างงดงามแล้ว ยังเป็นคลังเก็บภาพเขียนชิ้นสำคัญที่วาดโดยศิลปินในยุคนั้น รวมทั้งสิ่งของมีค่าต่างๆอาทิ พัดโบราณ, นาฬิกา, หนังสือ, เครื่องใช้, อาวุธ จากนั้นนำท่านชมอุทยานหลวงที่มีการเปลี่ยนพันธุ์ไม้ทุกฤดูกาล ชมอนุสาวรีย์เซอร์แวนเตส กวีเอกชาวสเปนที่ตั้งอยู่เหนืออนุสาวรีย์ดอนกิโฆเต้ในสวนสาธารณะ
เที่ยง   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย   นำท่านเที่ยวชมกรุงแมดริด ที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามอยู่มากมาย ทั้งอนุสาวรีย์น้ำพุไซเบเลส (The Cibeles Fountain) ตั้งอยู่ที่จัตุรัสรัสซิเบเลส (Plaza de Cibeles)  ซึ่งเป็นวงเวียนสำคัญและสวยที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงมาดริด  โดยบริเวณนี้ มีอาคารสวยงามและสำคัญ ประจำอยู่ทั้ง 4 มุมได้แก่ ธนาคารแห่งชาติสเปน,กองบัญชาการทหารบก,ที่ทำการใหญ่ไปรษณีย์ ประตูชัยอาคาล่า และศูนย์วัฒนธรรมทวีปอเมริกาโดยประตูชัยอาคาล่า มาดริด (Splendid puerta de alcala) สร้างขึ้นในปี 1599 ประตูชัยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตั้งตระหง่านทางตะวันออกของใจกลางเมือง ชมปลาซาเดเอสปาญา (Plaza de espana)  เพื่อแวะถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์ดอนกิโฆเต้ (Donquixote)
18.00 น.   นำเดินทางสู่สนามบินบาราจัส เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำคืนภาษี (Tax Refund) และเลือกซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
22.10 น.   เดินทาง โดยสายการบินเอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK 144***คณะเดินทางวันที่ 19 ต.ค. เป็นต้นไป ออกเดินทางเวลา 21.10 น. และ ถึง ดูไบ เวลา 07.15 น.***

วันที่ 8 :   ดูไบ – กรุงเทพฯ
07.10 น.   ถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
09.40 น.   ออกเดินทางต่อ โดยสายการบินเอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK 372 ***คณะเดินทางวันที่ 21 ต.ค. เป็นต้นไป ออกเดินทางเวลา 09.40 น. และ ถึงกรุงเทพ เวลา 18.40น.***
19.10 น.   คณะเดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ