บอสใหม่ ธอส.ลุยทวงแชร์สินเชื่อบ้านคืน 40%

[ฅนสองเล]

ธอส.ลุยทวงแชร์สินเชื่อบ้านคืน 40% ประเดิมปล่อยกู้บ้าน 2หมื่นหลังปีหน้า  ( 23 ธันวาคม 2553 )
     
ภายหลังการเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ของนายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2553 ต่อจากนายขรรค์ ประจวบเหมาะ ที่หมดวาระลง นายวรวิทย์ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงพันธกิจช่วงที่ดำรงตำแหน่ง เทอม 4 ปี  ( 7 พ.ย. 2554-2558 ) เพื่อจะขยายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากอดีตที่ธอส.มีแชร์ตลาดสูงถึง 40% และได้ทยอยลดลงจนเหลือสัดส่วนเพียง 34% แม้ปัจจุบันธอส.จะยังเป็นเจ้าตลาดที่มีส่วนแบ่งสูงสุดก็ตามดังนั้นเป้าหมายหลักในช่วง 4 ปี จึงได้มุ่งเน้น1.เงินฝาก2.ฐานสินเชื่อ3.การหารายได้เพิ่มจากค่าธรรมเนียม

"แต่เดิมธอส.เน้นการปล่อยสินเชื่อเป็นหลัก แต่เป้า 4 ปีต่อจากนี้ จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดธอส.กลับมาเท่าเดิม 40%ซึ่งการจะตอบโจทย์ดังกล่าวได้ เราต้องดำเนินการทั้ง 3 ด้านคือเงินฝาก สินเชื่อและสร้างรายได้จากค่าฟีไปพร้อมๆกัน"เขากล่าวและว่า การแข่งขันตลาดสินเชื่อบ้านช่วง 3 ปีที่ผ่านมาถือว่ารุนแรงจากเกณฑ์มาตรฐานบัญชี IAS 39ที่ ส่งผลให้สถาบันการเงินหันมาปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ เนื่องจากการคำนวณน้ำหนักความเสี่ยงต่ำกว่าการปล่อยสินเชื่อประเภทอื่น ประกอบกับเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน

"ผู้เล่นในตลาดต่างงัดกลยุทธ์ลูกเล่นPricing (ราคา) เช่นอัตราดอกเบี้ย 0%ในขณะที่ธอส.เสียเปรียบคู่แข่งเนื่องจากCost of fund หรือ ต้นทุนเงิน ธอส.สูงกว่าแบงก์พาณิชย์เกือบเท่าตัว จากโครงสร้างเงินฝากแบงก์พาณิชย์ที่มีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์และกระแสรายวัน สัดส่วน20%ที่เหลือ80% เป็นบัญชีเงินฝากประจำ เทียบกับธอส.ที่มีแหล่งเงินต้นทุนต่ำจากบัญชีดังกล่าวเพียง 5% ของฐานบัญชีเงินฝากรวม  ดังนั้นช่วง   2 ปีแรก  ( 2554-2555)จึงได้ตั้งเป้าหมายที่ขยายฐานเงินฝากดังกล่าวเพิ่มเป็น 10%"

โดยการพัฒนาโปรดักต์เงินฝากที่จะขายควบคู่กับสินเชื่อ (Cross Salling ) และการขยายช่องทางการตลาด อาทิ โมเดิร์นสาขา ในห้างสรรพสินค้า  สาขาชุมชนโดยทุกจังหวัด อย่างน้อยต้องมีสาขาธอส.1 แห่ง จากสาขาที่มีปัจจุบัน 120 แห่งและตามแผนเดิมปี 2554 ธอส.จะขยายสาขาเพิ่ม 5 แห่ง แต่อยากเพิ่มเป็น 10 แห่งหรือ 20 แห่งในปีต่อไป

"สา ขาธอส.ปัจจุบันยังมีน้อยและการขยายช่องทางดังกล่าวถือเป็นการลงทุนอย่าง หนึ่งควบคู่การพัฒนาผ่านช่องโมบายแบงก์ เอทีเอ็ม โดยด้านเอทีเอ็มอาจใช้เอาต์ซอร์ซหรือพันธมิตรแบงก์รัฐแทนที่ธอส.จะลงทุนเอง"

นอกจากนี้โครงสร้างแหล่งทุนของธอส.ในปี 2554 ซึ่งบอร์ดธอส.อนุมัติแล้วคือการออกซิเคียวริไทเซชัน (การแปลงสินทรัพย์ (ลูกหนี้) ให้เป็นหลักทรัพย์) วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารสามารถระดมทุนสอดคล้องกับสินเชื่อที่ปล่อยระยะยาวซึ่งในไตรมาสแรกปี 2554 น่าจะมีความชัดเจน

และปีหน้ายังเป็นปีแรกที่ธนาคารจะเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมโดยรุกแบงก์แอสชัวรันซ์อย่างจริงจังจากพันธมิตรประกัน 5 ราย ประกอบด้วย บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (บจก.),บจก.อาคเนย์ประกันภัย,บจก.นวกิจประกันภัย, บจก.อาคเนย์ประกันชีวิตและบจก.ไทยประกันชีวิต

นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า ธอส.ยังมีแผนที่จะทบทวนแผนการปล่อยสินเชื่อโดยเพิ่มพอร์ตสินเชื่อกู้โครงการ(prefinance)ให้การสนับสนุนกับผู้ประกอบการหรือบริษัทพัฒนาที่ดิน จากพอร์ตปัจจุบันเกือบทั้ง 100% เป็นการปล่อยกู้ให้กับผู้ซื้อบ้านรายย่อย

"การจะปล่อย pre-finance จะ ต้องผ่านความเห็นชอบจากบอร์ดธอส. เพราะเราไม่ได้ปล่อยกู้กลุ่มนี้มานานแล้วโดยจะไม่ปล่อยกู้แบบหว่านไปทั่วแต่ จะเน้นเฉพาะตามเมืองใหญ่ๆ อาทิในกรุงเทพฯหรือตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าซึ่งเชื่อว่ายังเป็นกลุ่มที่มีกำลัง ซื้อสูงและลูกค้าคงไม่มีใครซื้อปล่อยทิ้ง"

สำหรับ สินเชื่อตามนโยบายรัฐบาลที่ผลักดันโครงการประชาวิวัฒน์ นั้นในส่วนของธอส.จะต่อยอดการสนับสนุนเงินกู้ให้กับผู้มีรายได้น้อยต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน, ผู้ มีรายได้ไม่ประจำ หรือมีปัญหาขาดสเตตเมนต์ ใบรับรองเงินเดือน/บัญชีธนาคารโดยได้เสนอให้กระทรวงการคลังและบอร์ดธนาคาร พิจารณาแล้ว โดยอาจจะร่วมกับหน่วยงานของรัฐอาทิการเคหะฯ แฟลตดินแดง ซึ่งในปี2554 ธอส.น่าจะสนับสนุนเงินกู้ให้กับกลุ่มนี้ได้อย่างน้อย20,000 หลัง เฉลี่ยต่อหลังมีผู้อยู่อาศัย2-3 คนรวมแล้วน่าจะช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยอย่างน้อย80,000-100,000 คนต่อปี

"เรื่องความเสี่ยง ธอส.มีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว เหมือนกรณี"บ้านการเคหะ" หรือ"บ้านเอื้ออาทร"คือปล่อยกู้หลังละประมาณ400,000 บาทผ่อนนาน 20 ปี เฉลี่ยแล้วผ่อนชำระเดือนละประมาณ 2,000-3,000 บาทต่อเดือน"

ทั้งนี้ธอส.ตั้งเป้าสินเชื่อยอดคงค้างในปี 2554 สุทธิอยู่ที่ 94,500 ล้านบาทเติบโตเพิ่ม 5% จากสิ้นปีนี้ที่มีฐานสินเชื่อราว 90,000 ล้านบาทเทียบกับตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปี 2554 ยอดคงค้าง

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ