สูตรพิสดารล้างไพ่พรรคการเมืองเปิดทางพรรคเล็ก:ขยายปมร้อน โดยอรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ

[หาดใหญ่ใหม่]

ที่มา คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20150923/213900.html

สูตรพิสดารล้างไพ่พรรคการเมืองเปิดทางพรรคเล็ก : ขยายปมร้อน โดยอรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ

             วันนี้นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกา และเมื่อนายกรัฐมนตรีกลับมาแล้วก็จะลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ ณ วันนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าใครจะมาทำหน้าที่นี้ โดยเฉพาะตำแหน่งประธานคณะกรรมการ
             ชื่อที่ถูกเปิดออกมาจากสื่อนั้น ยังแบ่งเป็นสองกระแส กระแสหนึ่งอ้างว่า "มีชัย ฤชุพันธุ์" น่าจะตัดสินใจรับงานนี้แล้ว เพียงแต่รอการประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้น แต่ขณะที่อีกด้านบอกว่า "มีชัย" ยังไม่ยอมรับงานนี้เพราะยังไม่ถึงเวลา หากคนอย่างเขาจะร่างก็จะเป็นฉบับสุดท้ายเท่านั้น พร้อมทั้งปรากฏชื่อ "อานันท์ ปันยารชุน" เข้ามาตีคู่
             อย่างไรก็ตามเรื่องเช่นนี้เป็นข่าวที่ออกมาจาก "แหล่งข่าว" และการ "คาดการณ์" ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ออกมาจากเขาโดยตรงผ่านเว็บไซต์ meechaithailand.com ที่เป็นช่องทางการสื่อสารของเขา ระบุถึงเรื่องนี้หลังจากมีผู้เข้าไปถาม โดยบอกว่า "กำลังนั่งดูอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้ สื่อมวลชนถึงได้ลงข่าวกันเป็นตุเป็นตะได้ถึงขนาดนั้น"
             นอกจากนี้เมื่อถูกถามถึงเหตุผลของการรับหรือไม่รับ เขากลับไม่ตอบและบอกเพียงว่า "การจะรับหรือไม่รับ ทำไมต้องให้เหตุผลด้วยล่ะ"
             การตอบเช่นนี้ทำให้ถูกตีความได้ว่า เขายังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธงานนี้ ดังนั้นจึงต้องคอยดูจนถึงนาทีสุดท้าย
             น่าสนใจว่า เหตุใด คสช.จึงต้องให้น้ำหนักกับประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่หลายคนมองว่าตำแหน่งนี้จะเป็นใครก็ได้ เพราะตัวโจทย์ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีชัดอยู่แล้วและไม่สามารถหนีออกไปจากฉบับที่เพิ่งตกไปได้มากนัก
             คำตอบประการหนึ่งคือ คนที่ทำหน้าที่นี้ก็เหมือนเป็นตัวแทนของ คสช. ที่จะต้องสื่อความเข้าใจของผู้มีอำนาจให้คณะผู้ร่างฯ ได้ทำตามโจทย์ที่กำหนดเอาไว้ให้ได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่ว่า เอาใครก็ได้ขึ้นมาเป็น นอกจากนี้หากเอาคนที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างใจก็อาจจะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นไปตามที่ต้องการทั้งหมด
             รวมถึงหากได้คนหน้าตาดี เป็นที่เชื่อถือหรือยอมรับ ก็จะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น รวมถึงคนเหล่านี้นี่เองที่จะเป็นผู้ช่วยอธิบายในหลายเรื่องที่ถูกบรรจุเอาไว้ โดยเฉพาะบทบัญญัติที่อาจจะมีบางเรื่องที่ไม่เข้าตาคนส่วนใหญ่ และต้องการคำอธิบายที่มากกว่าปกติเช่นเดียวกับที่ "บวรศักดิ์ อุวรรณโณ" เคยทำมาแล้ว
             นอกจากเรื่องตัวบุคคลแล้ว ยังมีเรื่องเนื้อหา ที่ "วิษณุ เครืองาม" ออกมาพูดในทำนองว่า อาจจะมี "สูตรพิสดาร" ล้างไพ่พรรคการเมือง โดยอาจจะให้พรรคการเมืองที่มีอยู่ทั้งหมดต้องสิ้นสุดไปโดยปริยาย และไปจดแจ้งตั้งพรรคกันใหม่
             เขาให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการปลดล็อก เพราะกฎหมายเลือกตั้งให้คนที่จะลงสมัคร ส.ส.ต้องสังกัดพรรคไม่น้อยกว่า 90 วัน ซึ่งจะทำให้พรรคขนาดเล็กเสียเปรียบ
             "วิษณุ" ใช้คำว่า "ต้องให้โอกาสคนใหม่ที่ยังไม่เคยเข้ามามีโอกาสด้วย 2 พรรคใหญ่ได้เปรียบ แต่จะเอาเปรียบทั้งหมดไม่ได้ ต้องเปิดโอกาสให้คนอื่นบ้าง เพราะคุณมีต้นทุนอยู่บ้างแล้ว ต้องเผื่อคนที่ไม่มีต้นทุนด้วย"
             การกระทำและคำอธิบายเช่นนี้ ทำให้เห็นความต้องการของ คสช.ในอนาคตว่า พวกเขาต้องการรัฐบาลผสม และให้พรรคขนาดเล็กและกลางมีโอกาสได้ต่อรองมากขึ้น
             หากยังยึดแบบเดิม โอกาสที่ ส.ส.จะย้ายพรรคได้ก็จะลำบากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นล็อกทางกฎหมาย หรือล็อกทางสังคม ด้วยข้อกล่าวหา "ย้ายหนี" แต่หากทุกคนอยู่ในสภาพไร้สังกัด ก็เหมือนกับตลาดเปิด ทุกคนมีสิทธิที่จะอยู่พรรคไหนก็ได้ ส.ส.ที่เคยอยู่พรรคใหญ่ก็อาจจะต้องดูทิศทางลมของผู้มีอำนาจและบ้านเมืองว่า หากยังอยู่พรรคเดิมจะเป็นอย่างไร หากย้ายไปพรรคใหม่จะมีโอกาสมากขึ้นหรือไม่
             และที่แน่ๆ พรรคขนาดเล็กและกลางจะมีศักยภาพในการต่อรองมากขึ้น ซึ่งสองพรรคใหญ่ก็เห็นสัญญาณที่ว่า ขนาด "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ยังออกมาระบุว่า เป็นการทำให้ประเทศถอยหลังไปสู่พรรคเฉพาะกิจเพื่อการเลือกตั้ง มิพักต้องพูดถึงเพื่อไทย ที่อย่างไรก็ไม่เห็นด้วย เพราะพวกเขาจะเสียเปรียบกับเรื่องนี้แบบเต็มประตู
             น่าสนว่า หากล้างไพ่กันใหม่จะเป็นอย่างไร จะเกิดการตั้งโต๊ะกวาดต้อน ส.ส.เหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ โดยเฉพาะบางพรรคหากมีการไปโฆษณาว่าได้รับการสนับสนุนจากผู้กุมอำนาจรัฐ และการันตีเรื่องการร่วมรัฐบาล ก็ย่อมมีภาษีดีกว่าบางพรรค ที่หากอยู่ไปก็อาจไม่เห็นอนาคต
             นี่อาจจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของการ "ล้างไพ่" ครั้งนี้