ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

บัญญัติศาสนาพุทธในรัฐธรรมนูญ.. มั่นคง หรือ ขัดแย้ง!?

เริ่มโดย Mr.No, 21:30 น. 25 พ.ย 58

Mr.No

[attach=4]

อ่านเรื่องที่การรณรงค์ให้มีการบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว  บอกตามตรงว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องทีฝ่ายความมั่นคงจะริอ่านทำตามได้อย่างง่าย ๆ ซะเมื่อไหร่?

เพราะถ้ามองลึกลงไปในสาระ.... ถ้าใครบ้าจี้  ทำตาม ..แทนที่จะเป็นการสร้างความมั่นคงให้พุทธศาสนาแต่กลับจะนำพาความวุ่นวายและขัดแย้งร้าวลึกให้แก่ชาติบ้านเมืองจนยากที่จะแก้ไขในอนาคต!

เพราะต้นสายปลายเหตุที่เกิดการรณรงค์มันโยงใยหลายเรื่อง ทั้งเรื่องสามจังหวัดใต้ที่คนพุทธและพระไทยถูกฆ่าตาย..แถมยังเรื่องสำคัญที่กำลังจะมีองค์กรลุกขึ้นมาหาญกล้าจะปฎิรูปศาสนาอันหมายถึงเหล่าบรรดาองค์กรต่างๆ ที่ควบคุมและกำกับเรื่องของพระเถรเณรชีให้อยุ่กับร่องกับรอยไม่ค่อยจะได้
เอาเป็นว่า    ตกลงไม่รู้ว่าวันนี้เราจะเข้าใจมั้ยว่า ศาสนาคืออะไร?

กระบวนการดึงศาสนาให้มาวุ่นวายกับการเมืองและเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรดูเหมือนว่าเกมนี้ ..เปรียบแล้วเหมือนกับศาสนาคริสต์ในยุคคริสตวรรษที่ 4-5 ที่ศาสนจักรกำลังเข้าครอบงำอาณาจักรและพยายามสถาปนาตัวเองให้มีอำนาจไว้ เพื่อมิให้ตัวเองต้องหมดอำนาจ!?

[attach=1]
เครือข่ายองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย นำโดย พระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ประธานสงฆ์สามัคคี และนายเสถียร วิพรมหา รักษาการนายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา เข้ายื่นหนังสือต่อนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ผ่านเจ้าหน้าที่ ขอให้ยุบเลิกคำสั่ง สปช.ในการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน


เกมการต่อรองอำนาจของศาสนจักรต่อฝ่ายอาณาจักร ที่เริ่มเรียกร้องและต้องการเป็นส่วนหนึ่งในในการปกป้องผลประโยชน์ที่ไม่ได้เป็นเรื่องที่ปรากฎในพระธรรมวินัย  เช่นหลังจากที่ คสช จะมีการพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาที่จะปฎิรูปศาสนาหลายเรื่องเช่นกรณีการตรวจสอบทรัพย์สิน อาทิ กรณีวัดรวยจัดเงินไม่รู้จะเอาไปไหน..ซุกที่โน่นที่นี่  พระองค์นี้รวย...พระองค์นั้นซื้อเบนซ์...พระสารพันฯลฯ   ก็พลันมีพระบางรูปดันออกมาเรียกร้องห้ามการตรวจสอบทรัพย์สินของวัดหรือภิกษุ เหล่านี้อย่างไม่น่าเชือ!

เรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ถ้ามองผาด  ๆ  คนพุทธอาจเห็นดีเพราะว่า เมื่อเป็นเมืองไทยก็ต้องเป็นพุทธ ดังนั้นจะแปลกอะไรหรือถ้าประกาศให้ประเทศนี้มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติซะเลย

[attach=2]
มหาโชว์หนึ่งในแกนสนับสนุน

อยากให้แยกแยะเรื่องของศาสนาให้ออก ระหว่างตัวศาสนาที่หมายถึงองค์กร หรือบรรดานักบวชต่าง ๆ เช่นภิกขุ วัดวาอาราม,โบสถ์วิหาร  ออกจาก ธรรมะ อันเป็นแก่นแท้  แยกให้ออกเป็นสองกอง มองให้มันชัดซะก่อนจะมองเห็นภาพ

การธำรงอยุ่หรือหมดสิ้นของศาสนาในแง่ของรูป อันหมายถึง โบสถ์ร้าง,วิหารว่าง หรือแม้นแผ่นดินจะเว้นว่างจากภิกษุ นั่นไม่ได้มีนัยยะสำคัญว่าจะหมายถึงการสิ้นสุดลงของพุทธศาสนาเสียเมื่อใด  เพราะตราบเท่าที่ พุทธองค์ทรงเคยตรัสไว้แล้วว่า  การสิ้นสุดลงของพระสัทธรรมของพระองค์นั้นมิได้เกิดจากปัจจัยภายนอกอันหมายถึงสิ่งที่เหล่า องค์กรพิทักษ์อะไรนั่นกำลังรณรงค์อยู่เพราะแม้นจะไม่บอกชัดแต่เบื้องลึกก็คือการมีอคติต่อปัญหาที่เกิดในสามจังหวัดชายแดนใต้ และมองว่าคนเหล่านั้นกำลังจะล้างหรือกลืนและทำลายศาสนาให้หมดไปจากพื้นที่และแผ่นดินในที่สุดและทีประการต่อมาคือการพยยามสร้างอำนาจต่อรองในการที่จะเป็นองค์กรที่จะสามารถมีบทบาทและต่อรองต่ออำนาจรัฐได้ต่อไป

การบัญญัติให้ ประเทศไทยมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ มันจะประโยชน์อะไรหรือถ้าประเทศไทยเต็มไปด้วย  โบสถ์แก้ววิหารทองคำ  และภิกษุเหลืองอร่ามไปทั้งบ้านทั้งเมือง ศาสนจักรรุ่งเรืองมีพระเดชพระคุณเจ้าทรงสมณศักดิ์รุ่มรวยกันเต็มบ้านเต็มเมือง....แต่พุทธธรรมอันเป็นแก่นแท้ของพระองค์กลับถูกบิดเบือนเลือนหายจนกลายเป็นลัทธิบูชาคนอื่น...ผิดเพี้ยนเปลี่ยนไปยึดเอาธรรมะจากหลวงพ่อ...หลวงปู่ ..ที่ดันตัวเองขึ้นมาเพื่อสร้างอันดับและบารมี แต่ยังอาศัยผ้ากาสาวพักตร์ไว้เป็นเครื่องล่อ ว่าหลวงพ่อเป็น "ศากยะบุตริยะนะ!"

ประเทศที่มีศาสนาเปลือกเป็นศาสนาประจำชาติ ในขณะที่ธรรมะของพระองค์นั้นสูญสิ้นไปเสียแล้ว  ...นี่ละคือสิ่งที่พระองค์ทรงห่วงว่าศาสนาจะถึงที่สิ้นสุด   เพราะท่านตรัสชัดว่า  ปัญหาจะเกิดจากเนื้อในมิใช่ภายนอก

การสร้างความมั่นคงให้ศาสนาพุทธนั้น  คือการที่รัฐบาลต้องส่งเสริมให้คนไทยที่เป็นพุทธศาสนิกชน ได้มีโอกาสในการเข้าถึงธรรมะแท้ ที่เป็นแก่นมิใช่ "เปลือก" อย่างแท้จริง

[attach=3]
เครดิต : คมชัดลึก


การวัดค่าของความเจริญของพุทธศาสนาที่เป็นเรื่องของ โบสถ์ใหญ่..วิหารมหึหา วัดนี้สร้างร้อยล้าน....
จากหัววัดธรรมดา..ถ้าอยากจะพัฒนาเป็นพระอธิกรณ์...เป็นพระครู  มันต้องดูที่ วัดวาและเงินทองว่าสร้างได้มากน้อยเพียงใด?   นี่คือเหตุปัจจัยที่จะไต่เต้าของเหล่าภิกขุตามพระธรรมวินัยหรือ?

ลองเข้าไปแต่ละวัดซิ....เดินเข้าไปแล้วมองถ้าจะสะเดาะเคราะห์ก็โน่น กุฎินั่น..ถ้าจะถวายสังฆทานก็จุดนี้ ซ้ายขวา หาธรรมะไม่ได้ค่อยเจอ หันมาทางนี้...นี่นี่ทำบุญพระตามกำลังวันเกิด...ตรงนั้นมีพระทันอกทันใจไปซิศักดิ์สิทธิ์นะ.....หลวงปู่ตาไฟ...อยากไถ่วัวไถ่ควายก็ที่เต้นท์นั่น..พ่วงแถมปลายวัด ยังเต็มไปด้วยเหล่าทวยเทพไท้สารพันศาสนาอื่นเต็มไปหมด แต่ที่แน่ๆทุกที่ที่ไปก็ล้วนเต็มไปด้วยตู้บริจาค! 

นี่หรือคือ  "ความมั่นคงหรือหมายถึงความเจริญของศาสนา!!"

และที่สำคัญทุกวันนี้เราก็เห็นชัดแล้วว่า ตลอดเวลาทีผ่านมานั้นไมว่าจะเป็นองค์กรด้านศาสนา ทั้ง สำนักพระพุทธฯ, หรือแม้นแต่องค์กรสำคัญอย่างมหาเถรสมาคมเอง ต่างก็ล้มเหลวและดูเหมือนจะไม่เข้าใจในเรื่องศาสนาที่เป็นแก่น อันเป็นกิจที่ควรเร่งทำและส่งเสริม  แต่กลับทำแต่เรื่องเปลือก และก็ล้วนมีกรณีที่ไม่งดไม่งาม กันมากมายเป็นปัญหาให้คนโจมตีจนเป็นที่มาของการจะปฎิรูปศาสนา

ทุกศาสนา  ในความหมายของแท้คือ "อมตะ"
คำสอนอันเป็นของแก่น...แท้  คือ "ความจริง" ที่จะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

การบิดเบือนคำสอน ...เบียดบังคำสอนเหล่านั้นมาเป็นของตน และบิดซ้ายบิดขวาในเจตนารมณ์คือความล้มเหลวของ  "ศาสนา"

ในทางพุทธเอง   เรามีพระไตรปิฏก เป็นหลักฐานสำคัญที่ภิกขุพึงปฎิบัติศึกษา ..แต่หากไปบิดเบือนหรือเขียนใหม่ หรือตีความเอาเองว่าตนเก่งเหนือใคร สุดท้าย พุทธศาสนาจะเป็นของใคร...ระหว่าง  พุทธองค์ กับ หลวงพี่หลวงพ่อ

ก็เช่นเดียวกันกับศาสนาใดในโลก...ถ้าบิดเบือนพระคัมภีร์  ตีความยกตัวเอง...ฯลฯ สุดท้าย ศาสนาก็อาจอยู่ แต่ "สงครามและการฆ่า" ก็ดำเนินต่อไป เพราะไม่เชื่อและไม่เข้าใจในพระคัมภีร์ที่เป็นแก่น แต่ดันไปหลงในคารมของคนเอามาบิดเบือนและกรอกหูทุกวัน

เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้แหละ................คุณโยม!

..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

คนเมืองสง


Mr.No

อ้างจาก: คนเมืองสง เมื่อ 22:07 น.  25 พ.ย 58
ไม่ทราบนำเสนออะไร

"..การบัญญัติให้ ประเทศไทยมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ มันจะประโยชน์อะไรหรือถ้าประเทศไทยเต็มไปด้วย  โบสถ์แก้ววิหารทองคำ  และภิกษุเหลืองอร่ามไปทั้งบ้านทั้งเมือง ศาสนจักรรุ่งเรืองมีพระเดชพระคุณเจ้าทรงสมณศักดิ์รุ่มรวยกันเต็มบ้านเต็มเมือง....แต่พุทธธรรมอันเป็นแก่นแท้ของพระองค์กลับถูกบิดเบือนเลือนหายจนกลายเป็นลัทธิบูชาคนอื่น...ผิดเพี้ยนเปลี่ยนไปยึดเอาธรรมะจากหลวงพ่อ...หลวงปู่ ..ที่ดันตัวเองขึ้นมาเพื่อสร้างอันดับและบารมี แต่ยังอาศัยผ้ากาสาวพักตร์ไว้เป็นเครื่องล่อ ว่าหลวงพ่อเป็น "ศากยะบุตริยะนะ!"

ประเทศที่มีศาสนาเปลือกเป็นศาสนาประจำชาติ ในขณะที่ธรรมะของพระองค์นั้นสูญสิ้นไปเสียแล้ว  ...นี่ละคือสิ่งที่พระองค์ทรงห่วงว่าศาสนาจะถึงที่สิ้นสุด   เพราะท่านตรัสชัดว่า ปัญหาจะเกิดจากเนื้อในมิใช่ภายนอก"


ผมลอกบทสรุปมาให้อ่านอีกที...อ่านแล้วพอเข้าใจมั้ยครับท่าน
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

คนเมืองสง

ดังนั้นอยากขอถามต่อว่าแล้วการบัญญัติพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาตินั้นจะเป็นอุปสรรคต่อการทะนุบำรุงศาสนาอย่างไร

คนเมืองสง

ประเด็นควรนำเสนอออกมาหักล้างให้ได้ว่าถ้าเราบัญญติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้วไซร้ จะมีอุปสรรคต่อการจรรโลงศาสนาพุทธนู่นนี่นั่นมากกว่า ถ้าไม่มีอุปสรรคอย่างว่าใดๆก็ควรบัญญัติไว้เป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ เพื่อจะได้สามารถออกกฎหมายลูกมาคุ้มครองพุทธศาสนาลงโทษมารศาสนาทุศีลต่างๆ เพราะศาสนาพุทธไม่มีข้อกำหนดลงโทษผู้ที่มากระทำย่ำยี ทำได้เพียงแค่ขับไล่ออกไปเสียจากหมู่เหล่าซึ่งไม่เพียงพอต่อความเสียหายที่ได้กระทำไว้ทำให้ขาดความยำเกรง กฎหมายที่ออกมาใหม่ต้องไม่ใช่กฎหมายที่ใช้บังคับพระ แต่จะเป็นการกำหนดโทษบุคคลผู้กระทำความผิดภายหลังที่สงฆ์ได้ลงโทษโดยพระวินัยเด็ดขาดแล้ว การบัญญติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ จะช่วยทำให้ประชาชนชาวพุทธเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย ทุกคนจะได้มีสิทธิในการทำหน้าที่ปกป้อง ไม่ต้องโยนให้คนอื่นอีกต่อไป เหมือนอย่างที่เป็นมา วิจารณ์ด่าอย่างเดียว

Mr.No

อ้างจาก: คนเมืองสง เมื่อ 07:48 น.  27 พ.ย 58
ประเด็นควรนำเสนอออกมาหักล้างให้ได้ว่าถ้าเราบัญญติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้วไซร้ จะมีอุปสรรคต่อการจรรโลงศาสนาพุทธนู่นนี่นั่นมากกว่า ถ้าไม่มีอุปสรรคอย่างว่าใดๆก็ควรบัญญัติไว้เป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ เพื่อจะได้สามารถออกกฎหมายลูกมาคุ้มครองพุทธศาสนาลงโทษมารศาสนาทุศีลต่างๆ เพราะศาสนาพุทธไม่มีข้อกำหนดลงโทษผู้ที่มากระทำย่ำยี ทำได้เพียงแค่ขับไล่ออกไปเสียจากหมู่เหล่าซึ่งไม่เพียงพอต่อความเสียหายที่ได้กระทำไว้ทำให้ขาดความยำเกรง กฎหมายที่ออกมาใหม่ต้องไม่ใช่กฎหมายที่ใช้บังคับพระ แต่จะเป็นการกำหนดโทษบุคคลผู้กระทำความผิดภายหลังที่สงฆ์ได้ลงโทษโดยพระวินัยเด็ดขาดแล้ว การบัญญติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ จะช่วยทำให้ประชาชนชาวพุทธเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย ทุกคนจะได้มีสิทธิในการทำหน้าที่ปกป้อง ไม่ต้องโยนให้คนอื่นอีกต่อไป เหมือนอย่างที่เป็นมา วิจารณ์ด่าอย่างเดียว


  ผมว่าท่านคนเมืองสง คงหลงประเด็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่อนข้างมาก เพราะอ่านแล้วผมคิดว่าท่านคงหมายเอาว่า ถ้าหากเราบัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติลงในกฎหมายรัฐธรรมนูญ นั่นก็หมายความว่า เราก็จะสามารถออกกฎหมายลูกที่ตรากฎหมายเอาผิดกับพระที่ทำความชั่วความเลวในทางโลกได้ แต่ถ้าเช่นนั้นเราก็จะอะไรกับพระชั่วไม่ได้ !!???

คำตอบก็คือมันคนละเรื่องกัน......ซึ่งหลายคนก็อาจเข้าใจแบบที่ท่านคิดไม่น้อย

ปัญหาเรื่องการใส่อะไรเข้าไปในกฎหมายรัฐธรรมนูญนั้น ต้องถือเป็นเรื่องใหญ่  และที่สำคัญต้องตริตรองในเรื่องของความมั่นคงของชาติและศาสนารวมทั้งสถาบันเป็นสำคัญ!

ผมถามท่านสักคำว่า...เมืองไทยเรานั้น ในกฎหมายรัฐธรรมนูญก็บัญญัติชัดไว้แล้วว่า

"บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือศาสนา นิกายของศาสนา หรือลัทธินิยมในทางศาสนา และย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติตามศาสนบัญญัติหรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อถือของตนเมื่อไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมืองและไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน...."

เมื่ออ่านดูแล้วก็งดงามมิใช่หรือที่แสดงให้เห็นว่า ประเทศนี้ เป็นประเทศที่มีเสรีภาพโดยเฉพาะในเรื่องอ่อนไหวเกี่ยวกับด้านศาสนาที่ใครใคร่จะนับถือศาสนาใดก็ว่ากันไปตามศรัทธา และมีเสรีภาพตามหลักประชาธิปไตย   

และที่สำคัญ มันสอดคล้องกับหลักธรรมสวยงามที่สอนให้คนพุทธเราไม่ยึดติดอะไร แม้นแต่จะยึดติดเอาว่าถ้าเป็นไทยแล้วศาสนาพุทธก็เป็น  "ศาสนาตู"

กฎหมายรัฐธรรมนูญตามมาตราข้างต้น ทำให้ประเทศไทยไม่กลายเป็นจุดอ่อนที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งในเรื่องของสิทธิเท่าเทียมกัน  นั่นหมายถึงว่า ไม่ว่าท่านจะเป็น พุทธ,คริสต์,อิสลาม,ซิกข์,ฮินดู  ฯลฯ ก็เป็นเรื่องที่รู้กันว่า เรามีความเท่าเทียมกันและที่สำคัญเรามีองค์พระประมุขของประเทศที่ท่านทรงอยู่ในฐานะที่เรียกว่า  "ศาสนูปถัมภก" ซึ่งหมายถึงการที่ทรงให้ความอนุเคราะห์สนับสนุนและยอมรับความหลากหลายในการนับถือศาสนาทีต่างกันทุกศาสนาได้อย่างลงตัว

ปัญหาเรื่องศาสนาเป็นเรื่องใหญ่และอ่อนไหวที่สุดที่ท่านน่าจะทราบดี  เพราะมันนำไปสู่ความขัดแย้งที่ลงเอยด้วยสงครามกันไปทั่วโลกเพียงเพราะคำเดียวคือ  "ตัวกู  ของกู" มิใช่หรือ?

สงครามครูเสด ที่คริสต์รบกับอิสลาม แถมคริสต์ยังรบกันเอง เพียงเพราะต่างนิกาย  เหตุเพราะความขัดแย้งในศาสนา ทำให้รบกันใช้เวลาเกือบ 200 ปี!  มีคนตายไป 7-8 ล้านคน!  นั่นเพียงเพราะต่างคนต่างเกิดอคติและระแวงว่า แต่ละฝ่ายต้องการขยายอิทธิพลรุกล้ำเพื่อศาสนาตนเอง ทำให้ผลออกมาคือ "สงคราม!"

และท่านทราบมั้ยว่าเบื้องหลังแห่งสงครามดังกล่าวนั้นเกิดจากล้วนเกิดจากเหล่าบรรดาผู้นำศาสนาที่มีอิทธิพลมากเกินไปในอาณาจักร พวกนี้ทั้งเกลี้ยทั้งกล่อมทั้งหล่อหลอมให้เหล่าสาวกเกิดความสำคัญผิดและคล้อยตามเชื่อว่า สิ่งที่ผู้นำศาสนาตนเองบอกนั้นคือพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าของแต่ละศาสนา แต่ละลัทธิ...สุดท้ายแม้นแต่กษัตริย์,ทหารก็น้อมหัวรับใช้และนำชาติบ้านเมืองเข้าสู่สงครามกันจนวายวอด

ท่านรู้เรื่องที่เลบานอนรบกันได้หรือไม่?
ที่นั่น รบกันเพราะ ที่นั่งในสภามี ฝ่ายคริสต์มากกว่าฝ่ายอิสลาม และในฝ่ายคริสต์ยังแยกออกเป็นหลายนิกาย ในฝ่ายอิสลามก็มีทั้งสุหนี่ทั้งชีอะห์ ฯลฯ  ทั้งหมดต่างทางศาสนาเข้ามาวุ่นในอาณาจักรทำให้เกิดความแตกต่างวุ่นวาย

อย่างผู้ที่ก้าวขึ้นเป็นผู้นำรัฐ ครัั้งนั้น เป็นคริสเตียน ก็แน่ละว่า เค้าก็สนับสนุนให้ฝ่ายคริสต์เป็นแกนนำ และนั่นนำไปสู่สงครามที่ขยายวงออกไปมี ต่างชาติเข้ามาจุ้นทั้งฝ่ายคริสต์อย่างฝรั่งเศส หรือฟากทางอิสลามก็มีหลายชาติเข้ามา สุดท้าย "สงคราม!"

การแตกประเทศของอินเดีย ไปเป็นปากีสถาน นั่นมิใช่เพราะเกิดจาก  ความต่างทางศาสนาหรือครับ..... และนั่นนำมาซึ่งการสูญเสีย  มหาตมะ คานธี เพียงเพราะเชื่อว่า  คานธี ฝักใฝ่ไปอยู่กับศาสนาใดมากกว่า 

หรือสงครามที่ซิกข์รบกับอินเดีย นองเลือดตายกันเละเทะหลายครั้ง.....หรือในไอร์แลนด์ที่รบกันเป็นบ้าเป็นหลัง เพราะฝ่ายหนึ่งเป็นคาทอริค อีกฝ่ายเป็นโปรแตสแต้นท์ ฯลฯ  เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไม่เคยเกิด   ท่านเคยนำเอาเรื่องพวกนี้มาเป็นข้อพิจารณาบ้างหรือไม่?

ผมยังตั้งข้อสังเกตในทางที่น่ากังวลก็คือ กระบวนการรณรงค์ให้มีการบรรจุศาสนาพุทธเข้าในรัฐธรรมนุญนั้น ในอีกมิติซึ่งหากเราดูผาด ๆ อาจไม่รู้ แต่ที่อาจเป็นได้คือ


   1.  ประเทศจะเกิดความขัดแย้งขึ้นชัดเจน  และจะเริ่มมีการแบ่งแยกเชื้อชาติศาสนาในเชิงแข็งกร้าวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น พุทธ,คริสต์,อิสลาม,ซิกข์,ฮินดู ฯลฯ ในประเทศ  และแน่นอนว่าท้ายที่สุดก็จะนำมาซึ่งความคลางแคลงใจ ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อผู้นำรัฐฯ ยิ่งเป็นคนพุทธ

   2. จะเป็นการเร่งเร้าให้กระบวนการแบ่งแยกดินแดนสามจังหวัดเดินทางมาถึงเร็วขึ้นเพราะ และเข้าทางคนเหล่านี้ (รวมทั้งคนที่ต้องการประโยชน์จากภายนอก และคนแดนไกล)  และปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรงจนเกิดการฆ่ากัน จะนำไปสู่ข้ออ้างในระดับนานาชาติ  จากเหตุความไร้เดียงสาของพวกเรากันเองที่พลาดตกหลุมกับดักของกลุ่มเหล่านี้ที่วางไว้


   ท่านลองศึกษาหาความรู้ดูซิครับว่า กลุ่มก๊วนที่รณรงค์เรื่องเหล่านี้  จริงๆ แล้วมีใครกันบ้าง....แต่ที่เห็นชัดก็คือกลุ่มแกนนำเหล่านี้ล้วนเป็นเหล่าสาวกและคนสนิทสนมกับคนแดนไกลทัั้งที่เป็นทั้งโยมทั้งพระกันไม่น้อย  และที่สำคัญ  คนแดนไกลนั้น ก็เป็นที่รู้กกันมิใช่หรือว่า  เค้าต้องการอย่างเดียวที่จะเกิดขึ้นและโอกาสในการได้กลับมามากที่สุดคือ บ้านเมืองต้องเกิด "สงคราม"

สงคราม จะทำให้ประเทศที่สามที่สนับสนุนพวกเค้า ซึ่งพวกเหล่านี้ตั้งแง่ที่จะจัดระเบียบ ม.112 อยู่แล้ว 

สุดท้ายพวกเค้าก็จะเข้ามาจัดการบ้านเรา และจัดบ้านช่องห้องหับใหม่ ซึ่งไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาไว้ว่า สถาบันอันเป็นเคารพของเรา จะสุ่มเสี่ยงเพียงใด!??

อย่าลืมนะครับ.... ศาสนจักรนั้น ไม่ได้เป็นตัวแทนของธรรมะแห่งพุทธองค์เสียทั้งหมด
หลายอย่าง.......หลายคน ทำเพื่อการแสวงหาอำนาจ และการสร้างอำนาจต่อรองทางประโยชน์ก็ไม่น้อย

ย้อนในอดีตบ้านเรา....เหตุแห่งการปรากฏของ ธรรมยุตินิกาย ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เรา(ถ้าได้ศึกษา) คงนึกภาพออกว่า  ร.4 นั้นท่านทรงศึกษาพระไตรปิฎกไว้อย่างช่ำชองดีแล้ว ท่านจึงได้แยกนิกายออกมาเป็น  ธรรมยุตินิกาย เพื่อให้นิกายนี้เป็นนิกายที่จะเข้าถึงพระธรรมวินัยของพุทธองค์ได้อย่างลึกซึ้ง และหลายอย่างที่พระองค์ทรงปรับให้สอดคล้องตามพระวินัยไมว่าจะเป็นเรื่องของกฐิน,วัตรปฎิบัติของภิกขุ,  ปฎิรูปเรื่องการเทศนาว่าด้วยการใช้หลักเหตุและผลมาอธิบายให้คนสามารถเข้าใจธรรมะในแง่ที่ถูกต้องตามหลักพระไตรปิฎก  โดยที่พระองค์ไม่ทรงใช้พระราชอำนาจในการหักหาญสร้างความขัดแย้งกับนิกายเดิม (ทรงใช้หลักรัฐศาสตร์ ซึ่งในขณะนั้นภิกษุชั้นราชาคณะและพระเถระ ล้วนต่างมีศักยภาพในการต่อรองด้านศรัทธาที่จะชี้นำประชาชนให้เกิดความกระด้างกระเดื่องของอาณาจักรได้)

ร.5 ท่านก็ทรงเห็นสอดคล้อง เพราะในรัชสมัยพระองค์จึงได้รับรอง ธรรมยุตินิกายเป็นนิกายที่ถูกต้อง และทรงตรากฎหมายเกี่ยวกับสงฆ์เพื่อใช้ในการควบคุมพระสงฆ์และองค์กรที่เกี่ยวกับสงฆ์ขึ้น

ผมเล่าให้ฟัง...ส่วนรายละเอียด ท่านสามารถแสวงหา ก็จะทำให้เกิดความกว้างขวางในการพิจารณที่มากขึ้นครับ

ส่วนเรื่องการควบคุมพระที่กระทำเรื่องไม่ดีไม่งามนั้น  คณะปฎิรูปก็กำลังทำงานอยู่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร  เพราะกฎหมาย พ.ร.บ สงฆ์ ก็มีอยู่แล้ว มันจะไปยากอะไร

[attach=1]
พระเมธีธรรมาจารย์ (ลูกศร) หนึ่งในแกนนำยื่่นให้มีการบรรจุศาสนาพุทธในรัฐธรรมนูญ เมื่อครั้งนำคณะพระเข้าเยี่ยมทักษิณที่วอชิงตัน

[attach=2]
พระรูปเดิมเมื่อครั้งเปิดสถานีโทรทัศน์เสื้อแดง

แค่ประเดิมงานหลังกจากที่คณะทำงานประกาศ จะตรวจสอบทรัพย์สินของวัด...ตรวจสอบทรัพย์สินของพระ ก็เห็นร้อนตัวออกมาต่อต้านกันจนชาวบ้านยังสงสัยว่า   เมื่อเป็นพระที่บอกไม่สะสม..ไม่ยึดติด จะไปกลัวอะไร 

[attach=3]
พระรูปเดิมเมื่อครั้งโพสใส่ร้ายนางเอก จนคนเชื่อว่านางเอกคนดังกล่าวเกลียดชังคนอีสานคนเหนือ

แถมทีสำคัญที่ออกมาต่อต้านเรื่องเหล่านี้ ก็เป็นพระที่ล้วนอยู่ในแกนนำสนับสนุนให้บัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญกันทั้งนั้น

[attach=4]
มหาโชว์ หนึ่งหนึ่งผู้สนับสนุนเสื้อแดงร่วมกัน(เหิม)จะยี่นฎีกาในหลวงขอพระราชทานอภัยโทษให้ทักษิณ


[attach=5]

มหาโชว์,พระเมธีธรรมาจารย์,นายเสถียร ร่วมกันยื่นให้มีการบรรจุศาสนาพุทธในรัฐธรรมนูญ


[attach=6]
นายเสถียร บนเวทีเสื้อแดง


จำเรื่อง "อาบัติ" ได้มั้ย....แค่หนังออกมาแฉพฤติกรรม  "จิ้งเหลือง"  ก็แห่กันมายื่นหนังสือบอกว่า หนังเรื่องนี้ "หมิ่นศาสนา"  แล้วสุดท้ายเป็นไง..... เมื่อ กบว พิจารณาทั้งสาระและภาพแล้ว สุดท้ายหนังก็ฉายได้ และสรุปในที่สุดว่า  นี่ก็จัดเป็นหนังที่ดีและถือว่าส่งเสริมให้คนเข้าใจพุทธศาสนาที่ถูกที่ควรเรื่องหนึ่งไม่ใช่หรือ?


เขียนมายืดยาว....หวังว่าท่านจะมีดวงตาเห็นธรรม  อันแท้จริงนะครับ  ท่านคนเมืองสง!
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

คนเมืองสง

สวัสดีครับท่าน Mr.no
อันที่จริงเรื่องศาสนาประจำชาชาติ ไทยเราก็เคยมีมาก่อนเพิ่งจะขาดหายไปเมื่อไม่นาน หลายๆชาติล้วนมีศาสนาประจำชาติ
การที่ประเทศไทยจะมีศาสนาประจำชาติบ้างหลายๆชาติจึงมิได้แปลกใจและมิได้แสดงอาการต่อต้านอย่างใด คงมีเพียงคนไทยบางหมู่เหล่าเช่น Mr.no ดูต่อต้านอย่างแข็งขัน ผมเองก็แปลกใจท่านใช้คนไทยหรือไม่ทำไมกลัวหัวหด ยกตัวอย่างมาตั้งแต่แต่นู้นสงครามครูเสดซึ่งไม่ได้เกี่ยวกะเราเลย มันเป็นความขัดแย้งภายในของเขาซึ่งเราก็ต้องให้ความเคารพในความคิดเห็นของคู่สงคราม
  ผมไม่ใช่เสื้อแดงแต่ก็ไม่เห็นด้วยกับท่านที่ได้ล่วงเกินพระผู้ใหญ่ผู้นิยมเสื้อแดง พระผู้ใหญ่เหล่านั้นเพียงมีความคิดเห็นไม่ตรงกับท่านก็ไม่ได้หมายว่าท่านเหล่านั้นเป็นพระเลว ผมเห็นว่า Mr.no ควรมีความระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็น

คนเมืองสง

อ้างจาก: Mr.No เมื่อ 16:32 น.  27 พ.ย 58


จำเรื่อง "อาบัติ" ได้มั้ย....แค่หนังออกมาแฉพฤติกรรม  "จิ้งเหลือง"  ก็แห่กันมายื่นหนังสือบอกว่า หนังเรื่องนี้ "หมิ่นศาสนา"  แล้วสุดท้ายเป็นไง..... เมื่อ กบว พิจารณาทั้งสาระและภาพแล้ว สุดท้ายหนังก็ฉายได้ และสรุปในที่สุดว่า  นี่ก็จัดเป็นหนังที่ดีและถือว่าส่งเสริมให้คนเข้าใจพุทธศาสนาที่ถูกที่ควรเรื่องหนึ่งไม่ใช่หรือ?

ผมจะบอก Mr.No นะครับ  จิ้งเหลืองที่คุณกล่าวหานั้นพระดีนะครับ เขาถึงกล้าออกมาเคลื่อนไหว

คนเมืองสง

อ้างจาก: Mr.No เมื่อ 16:32 น.  27 พ.ย 58

  ผมว่าท่านคนเมืองสง คงหลงประเด็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่อนข้างมาก เพราะอ่านแล้วผมคิดว่าท่านคงหมายเอาว่า ถ้าหากเราบัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติลงในกฎหมายรัฐธรรมนูญ นั่นก็หมายความว่า เราก็จะสามารถออกกฎหมายลูกที่ตรากฎหมายเอาผิดกับพระที่ทำความชั่วความเลวในทางโลกได้ แต่ถ้าเช่นนั้นเราก็จะอะไรกับพระชั่วไม่ได้ !!???

"บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือศาสนา นิกายของศาสนา หรือลัทธินิยมในทางศาสนา และย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติตามศาสนบัญญัติหรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อถือของตนเมื่อไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมืองและไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน...."

เมื่ออ่านดูแล้วก็งดงามมิใช่หรือที่แสดงให้เห็นว่า ประเทศนี้ เป็นประเทศที่มีเสรีภาพโดยเฉพาะในเรื่องอ่อนไหวเกี่ยวกับด้านศาสนาที่ใครใคร่จะนับถือศาสนาใดก็ว่ากันไปตามศรัทธา และมีเสรีภาพตามหลักประชาธิปไตย   

และที่สำคัญ มันสอดคล้องกับหลักธรรมสวยงามที่สอนให้คนพุทธเราไม่ยึดติดอะไร แม้นแต่จะยึดติดเอาว่าถ้าเป็นไทยแล้วศาสนาพุทธก็เป็น  "ศาสนาตู"

กฎหมายรัฐธรรมนูญตามมาตราข้างต้น ทำให้ประเทศไทยไม่กลายเป็นจุดอ่อนที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งในเรื่องของสิทธิเท่าเทียมกัน  นั่นหมายถึงว่า ไม่ว่าท่านจะเป็น พุทธ,คริสต์,อิสลาม,ซิกข์,ฮินดู  ฯลฯ ก็เป็นเรื่องที่รู้กันว่า เรามีความเท่าเทียมกันและที่สำคัญเรามีองค์พระประมุขของประเทศที่ท่านทรงอยู่ในฐานะที่เรียกว่า  "ศาสนูปถัมภก" ซึ่งหมายถึงการที่ทรงให้ความอนุเคราะห์สนับสนุนและยอมรับความหลากหลายในการนับถือศาสนาทีต่างกันทุกศาสนาได้อย่างลงตัว
ปัญหาเรื่องศาสนาเป็นเรื่องใหญ่และอ่อนไหวที่สุดที่ท่านน่าจะทราบดี  เพราะมันนำไปสู่ความขัดแย้งที่ลงเอยด้วยสงครามกันไปทั่วโลกเพียงเพราะคำเดียวคือ  "ตัวกู  ของกู" มิใช่หรือ?
ผมว่าท่านนั้นแหละที่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของการระบุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ แม้จะระบุพุทธศาสนาศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปรบกวนศาสนิกอื่นนะครับ คงมีเพียงเรื่องเดียวที่ขอรบกวนบ้างกล่าวคือขอให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าที่เกิดเป็นคนไทยและใช้ทรัพยากรของชาติไทยอันเป็นชาติที่มีรากฐานการก่อกำเนิดความเป็นชาติมาจากความเชื่อเดียวกันคือพุทธศาสนา และท่านศาสนาอื่นๆที่เข้ามาอาศัยบรมโพธิสมภารภายหลัง
ทั้งหมดนี้ต้องเรียนรู้พื้นฐานพุทธศาสนาที่จะกำหนดไว้ในการศึกษาภาคบังคับ มีเนื้อหาพอประมาณไม่มากไม่น้อยให้พอเข้าใจ ประชาชนชาวไทยไม่ว่าศาสนาใดจะต้องมีความเข้าใจความเป็นพุทธเป็นมาตรฐานเดียวกันในการศึกษาภาคบังคับเป็นอย่างน้อยไม่ต้องละเอียดมากเหมือนในระบบการศึกษารุ่นเก่าๆก็ได้ ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีเพื่อให้เขาได้เข้าใจเราบ้าง มันไม่ใช่จะไปบังคับอะไรกันมากมากมาย ไม่ต้องมาไหว้พระแต่ขอให้มาเรียนรู้เพื่อที่จะอยู่ร่วมกัน

คนเมืองสง

ผมอยากเล่าเรื่องอันน่าหดหู่ในกรุงเทพมหานครเรื่องหนึ่งให้เฉพาะ Mr.No อันนี้เป็นเรื่องจริง
ชื่อโรงเรียน "โรงเรียนมัธยมวัด......." แห่งหนึ่ง ก่อสร้างอยู่บนที่ดินของวัดโดยเฉือนที่ดินวัดออกไปสร้างโรงเรียน ที่ดินวัดนี้ไม่ใช่ที่ดินของรัฐบาลนะครับเป็นที่ที่คุณตาคุณยายในอดีตท่านถวายวัด
วันหนึ่งกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนกลุ่มหนึ่งบังเอิญนับถือศาสนาอื่น ก็ได้เสนอให้ตัดชื่อโรงเรียนเอาคำว่าวัดออกเพื่อให้เป็นชื่อ "โรงเรียนมัธยม....." กับขอเสนอให้ บังคับนักเรียนหญิงแต่งกายตามหลักศาสนาของเขา เรื่องนี้ได้สร้างความปวดร้าวให้กับท่านเจ้าอาวาสซึงมีศักดิ์เป็นถึงเจ้าคณะอำเภอเป็นอย่างมาก ผมไม่ถือโทษกรรมการสถานศึกษาเหล่านั้น เพราะท่านขาดความรู้ความเข้าใจในพุทธศาสนา ผมได้แต่ภาวนาขอให้บรรจุพุทธศาสนาไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อจะได้ให้เขาได้เรียนรู้เมื่อเขาอยู่ในการศึกษาภาคบังคับ จะได้มีพื้นฐานทางความคิดที่เข้าใจเราบ้าง
ไม่ต้องมาถามอีกว่าวัดนี้คือวัดใดไม่ต้องไปค้นหาข่าวไม่ต้องมาทายให้เสียเวลาเพราะชื่อวัดใดไม่ใช่สาระ แต่ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นและมีผมเป็นกรรมการอยู่ด้วยคนหนึ่ง
ผมไม่บอก Mr.No หรอกครับว่าเขาทำสำเร็จหรือไม่ ผมบอกได้เพียงว่าท่านเจ้าอธิการเป็นพระที่มีเมตตาสูง ท่านเป็นพระที่ไม่ยึดติดเป็นพระที่มีวัตรปฏิปทา งดงามรูปหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ที่ผมเห็นมีเพียงท่านถอนหายใจ

Mr.No

อ้างจาก: คนเมืองสง เมื่อ 07:43 น.  30 พ.ย 58
ผมอยากเล่าเรื่องอันน่าหดหู่ในกรุงเทพมหานครเรื่องหนึ่งให้เฉพาะ Mr.No อันนี้เป็นเรื่องจริง
ชื่อโรงเรียน "โรงเรียนมัธยมวัด......." แห่งหนึ่ง ก่อสร้างอยู่บนที่ดินของวัดโดยเฉือนที่ดินวัดออกไปสร้างโรงเรียน ที่ดินวัดนี้ไม่ใช่ที่ดินของรัฐบาลนะครับเป็นที่ที่คุณตาคุณยายในอดีตท่านถวายวัด
วันหนึ่งกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนกลุ่มหนึ่งบังเอิญนับถือศาสนาอื่น ก็ได้เสนอให้ตัดชื่อโรงเรียนเอาคำว่าวัดออกเพื่อให้เป็นชื่อ "โรงเรียนมัธยม....." กับขอเสนอให้ บังคับนักเรียนหญิงแต่งกายตามหลักศาสนาของเขา เรื่องนี้ได้สร้างความปวดร้าวให้กับท่านเจ้าอาวาสซึงมีศักดิ์เป็นถึงเจ้าคณะอำเภอเป็นอย่างมาก ผมไม่ถือโทษกรรมการสถานศึกษาเหล่านั้น เพราะท่านขาดความรู้ความเข้าใจในพุทธศาสนา ผมได้แต่ภาวนาขอให้บรรจุพุทธศาสนาไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อจะได้ให้เขาได้เรียนรู้เมื่อเขาอยู่ในการศึกษาภาคบังคับ จะได้มีพื้นฐานทางความคิดที่เข้าใจเราบ้าง
ไม่ต้องมาถามอีกว่าวัดนี้คือวัดใดไม่ต้องไปค้นหาข่าวไม่ต้องมาทายให้เสียเวลาเพราะชื่อวัดใดไม่ใช่สาระ แต่ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นและมีผมเป็นกรรมการอยู่ด้วยคนหนึ่ง
ผมไม่บอก Mr.No หรอกครับว่าเขาทำสำเร็จหรือไม่ ผมบอกได้เพียงว่าท่านเจ้าอธิการเป็นพระที่มีเมตตาสูง ท่านเป็นพระที่ไม่ยึดติดเป็นพระที่มีวัตรปฏิปทา งดงามรูปหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ที่ผมเห็นมีเพียงท่านถอนหายใจ

โหย..ไม่เกี่ยวมั๊งท่าน 

สงสัยงานนี้ ต้องไปจัดการ โรงเรียนที่อาศัยวัด หรืออย่างโรงเรียนวัดที่มีพระเป็นผู้รับอนุญาตซะแล้วมั๊งที่ไม่ยอมใช้ชื่อ "วัด" นำหน้าโรงเรียน  เทพศิรินทร์,ไตรมิตรวิทยาลัย, ฯลฯ

ไม่ต้องไปไกล  เอาแค่  แจ้งวิทยาสงขลา, สมานคุณวิทยาทาน , ศรีสว่างวงศ์  (นี่ไม่รวม โรงเรียนเทศบาลที่ใช้ทีวัดนะ ต่อไปต้องใช้ชื่อ โรงเรียนวัดคลองเรียนเทศบาล4

ที่ดินตายายไหนก็ตาม ถ้ายกให้วัดแล้วก็เป็นที่วัด เป็นที่ธรณีสงฆ์หรือที่กัลปนา  ตามแต่วัตถุประสงค์การถวายว่ากันไป

ไม่ได้เกี่ยวกับที่ดินรัฐบาลอะไรเลย...

..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

คนเมืองสง


Mr.No

อ้างจาก: คนเมืองสง เมื่อ 16:40 น.  01 ธ.ค 58
หึ..หึ ...นี่หรือ Mr.No

ฝากรูปสัก 3 รูป  ให้ท่านไปใช้ปัญญาไตร่ตรองเอาเอง...    อย่าเป็นพวกพุทธแบบกินเปลือกทุเรียนแบบที่ท่านปัญญาฯ ท่านเคยว่าไว้  ลองเสพเนื้อใน(ธรรมะ) มาก ๆ จะเข้าใจ เพราะถ้าเข้าถึงธรรมแล้ว  ...เรื่องเหล่านี้ จะเห็นว่าไม่ใช่สาระอะไรเลย  ส.สู้ๆ

[attach=1]

[attach=2]

[attach=3]

..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

คนเมืองสง


คนเมืองสง

อ้างจาก: Mr.No เมื่อ 14:45 น.  30 พ.ย 58
โหย..ไม่เกี่ยวมั๊งท่าน 

สงสัยงานนี้ ต้องไปจัดการ โรงเรียนที่อาศัยวัด หรืออย่างโรงเรียนวัดที่มีพระเป็นผู้รับอนุญาตซะแล้วมั๊งที่ไม่ยอมใช้ชื่อ "วัด" นำหน้าโรงเรียน  เทพศิรินทร์,ไตรมิตรวิทยาลัย, ฯลฯ

ไม่ต้องไปไกล  เอาแค่  แจ้งวิทยาสงขลา, สมานคุณวิทยาทาน , ศรีสว่างวงศ์  (นี่ไม่รวม โรงเรียนเทศบาลที่ใช้ทีวัดนะ ต่อไปต้องใช้ชื่อ โรงเรียนวัดคลองเรียนเทศบาล4

ที่ดินตายายไหนก็ตาม ถ้ายกให้วัดแล้วก็เป็นที่วัด เป็นที่ธรณีสงฆ์หรือที่กัลปนา  ตามแต่วัตถุประสงค์การถวายว่ากันไป

ไม่ได้เกี่ยวกับที่ดินรัฐบาลอะไรเลย...
Mr.No ท่านไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจนิทาน ที่ผมนำเสนอเลย  ท่านทั้งหลายที่มีจิตเป็นกลางโปรดเมตตาผมด้วย ช่วยลองอธิบายที

Mr.No

อ้างจาก: คนเมืองสง เมื่อ 20:57 น.  01 ธ.ค 58
แล้วยังไงต่อล่ะครับ


นั่นดิ...แล้วไงต่อ ขนาดแกนนำระดับที่เรียกว่าเจ๋งเป็นถึงเจ้าคุณ ยังถูกทหารเรียกไปถาม  ว่า กำลังคิดหรือทำอะไรกันแน่!!??

เรื่องพวกนี้...อย่ามองแค่เปลือก...เอาที่แก่นเถอะ 



..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

คนเมืองสง

ไม่ค่อยสัมพันธ์กับหัวข้อกระทู้..
แต่ท่านคิดว่าทหารทำถูกหรือครับ

Mr.No

อ้างจาก: คนเมืองสง เมื่อ 07:57 น.  21 ธ.ค 58
ไม่ค่อยสัมพันธ์กับหัวข้อกระทู้..
แต่ท่านคิดว่าทหารทำถูกหรือครับ


ผมมีข่าวดีมาแจ้งท่าน คนเมืองสง ให้ทราบว่า  กรธ เค้าพิจารณาร่างรัฐฯ เลยมาตรานี้แล้วครับ

สรุปก็คือ  ไ่ม่มีการบัญญัติให้ประเทศมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ 

เพียงแต่  เขียนทำนองว่า   รัฐมีหน้าที่ปกป้อง พุทธศาสนา มิให้มีการบิดเบือนหรือบ่อนทำลาย รวมทั้งศาสนาอื่นด้วย

ซึ่งเขียนได้ดี...และ  เป็นมิตรสำหรับคนไทยทุกศาสนิกยิ้มได้   

แจ้งข่าวให้ทราบแล้วนะครับ...
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.