ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ในหลวงคือกำลังใจ...ครอบครัวผู้สูญเสียชายแดนใต้ที่ไม่เคยคิดทิ้งบ้านเกิด

เริ่มโดย ทีมงานบ้านเรา, 10:46 น. 07 ธ.ค 58

ทีมงานบ้านเรา

ที่มา สำนักข่าวอิศรา
เขียนโดยนาซือเราะ เจะฮะ
http://www.isranews.org/south-news/documentary/item/43192-father.html

บ้านไม้ฝาสังกะสียกพื้นไม่สูงนักในหมู่บ้านในเนื้อ หมู่ 2 ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี หลังนี้ เป็นที่อาศัยของ นายเพชรทอง แดงประเทศ วัย 86 ปี กับ นางพยอม ยศศิริ ลูกสาววัย 45 ปี ซึ่งอยู่ดูแลกันและกันตามประสาพ่อลูก

          ก่อนปี 2553 ครอบครัวของนายเพชรทองเดินทางไปถวายพระพรในหลวงเนื่องใน "วันพ่อแห่งชาติ" ในกิจกรรมจุดเทียนชัยที่ทางจังหวัดปัตตานีจัดขึ้นทุกปี แต่หลังจากนั้นมา ร่างกายนายเพชรทองล้มป่วยด้วยโรคชรา และด้วยความเศร้าเสียใจที่ต้องสูญเสียลูกชายไปอีกคนเมื่อปี 2555 ส่งผลให้ร่างกายยิ่งทรุดลง ทำให้ 5 ปีหลังมานี้ นายเพชรทองกับลูกสาว ต้องจัดพิธีถวายพระพรอย่างเรียบง่ายที่บ้าน ด้วยการนั่งพนมมือต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และเปล่งวาจา "ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ"

          ชีวิตของ นายเพชรทอง ต้องเผชิญชะตากรรมไม่ต่างจากครอบครัวคนไทยพุทธอีกหลายๆ ครอบครัวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบมานานกว่า 11 ปี เขามีลูกๆ รวม 13 คน แต่ก็ต้องสูญเสียลูกไปถึง 5 คนจากเหตุรุนแรง ส่วนอีก 2 คนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งร่างกายและจิตใจ

          แม้แต่ นางพยอม ซึ่งเป็นลูกสาว ก็เคยถูกยิงได้รับบาดเจ็บมาแล้ว ยังดีที่รอดชีวิตมาได้...

          ลูกๆ คนอื่นที่ยังเหลือ ก็แต่งงานมีครอบครัว และย้ายออกจากบ้านในเนื้อ เหลือเพียงนายเพชรทองและลูกสาววัยล่วงเลยครึ่งชีวิตที่ต้องอยู่กันลำพัง 2 คน ขณะที่นายเพชรทองก็ตรอมใจจากการที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียซ้ำๆ กับคนในครอบครัว ทำให้สุขภาพของเขาทรุดโทรมลง และตาก็ฝ้าฟาง แต่ทั้งคู่ไม่ยอมย้ายออกจากบ้านเกิด เพราะยึดมั่นในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง

          หลังความสูญเสียซ้ำๆ ทางการได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ โดยให้ นางพยอม ไปทำงานที่ฟาร์มตัวอย่าง ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริ แต่เนื่องด้วยระยะทางที่ไกลและเสี่ยงอันตราย ทำให้สองพ่อลูกตัดสินใจยกที่ดินของครอบครัวจำนวน 35 ไร่ให้กับโครงการในพระราชดำริ

          ปัจจุบันที่ดินได้รับการพัฒนาเป็น "ฟาร์มตัวอย่างบ้านในเนื้อ" มีนางพยอมเป็นผู้ดูแล
ฟาร์มตัวอย่างแห่งนี้ นอกจากจะทำให้นางพยอมมีงานทำ มีรายได้เลี้ยงดูพ่อในวัยชราแล้ว ยังสร้างงานให้กับเพื่อนบ้านทั้งพุทธและมุสลิมในหมู่บ้านในเนื้ออีกด้วย

          "ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ ชีวิตของครอบครัวคงไม่สามารถอยู่ได้ถ้าไม่มีโครงการพระราชดำริบ้านในเนื้อ ซึ่งเป็นที่ดินที่พ่อยกให้ทำฟารม์ตัวอย่าง เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบตลอดสิบกว่าปีมานี้ ฉันเองและคนในครอบครัวต้องอยู่อย่างลำบาก ญาติพี่น้องและคนอื่นๆ ต้องพาครอบครัวย้ายออกไปอยู่นอกพื้นที่ปะนาเระ แต่ฉันขออยู่ที่นี้เพื่อพ่อ เพราะรักพ่อ พ่อไม่สามารถไปอยู่ที่อื่นได้นอกจากบ้านของตัวเอง" นางพยอม เล่าทั้งน้ำตา

          เธอบอกอีกว่า ตอนนี้พ่อแก่มากแล้ว ตาก็มองไม่เห็น ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ แม้กระทั่งอาบน้ำ

          "ฉันต้องตักน้ำใส่ในโอ่งบนบ้านทุกวัน เพื่อให้พ่อขยับไปอาบน้ำ เช้าๆ ตื่นตี 4 ลุกขั้นมาต้มน้ำ ชงไมโล และเอาขนมปังให้พ่อกิน จากนั้นก็จะไปทำงานที่ฟาร์มตัวอย่าง เที่ยงๆ ก็จะกลับมาตักน้ำ และเอาข้าวให้พ่อกิน วันไหนพ่อปวดเมื่อยก็จะนั่งเฝ้าและบีบนวดให้พ่อ ไม่ได้ไปไหนเลย รักพ่อที่สุด อยากให้พ่ออยู่กับเรานานๆ" นางพยอม กล่าว

          เธอบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้พ่อยังเดินไปไหนมาไหนได้ปกติ แต่พอน้องชายถูกยิงที่ร้านน้ำชาเมื่อปี 2555 พ่อช็อค และเดินไม่ได้ตั้งแต่นั้น ตอนนี้จึงต้องดูแลทุกอย่าง

          "พ่อมีในหลวงเป็นกำลังใจ ไม่เคยมีวันไหนที่พ่อไม่คิดถึงในหลวง ในบ้านเราจึงมีภาพในหลวงติดที่ฝาบ้านทุกมุม และทุกๆ วันพ่อจะเงยหน้า และยกมือถวายพระพร แม้ตามองไม่เห็น"

          ขณะที่ นายเพชรทอง บอกว่า วันพ่อแห่งชาติไม่ต้องการอะไรมาก นอกจากขอให้ในหลวงทรงมีสุขภาพกายที่แข็งแรง อยู่เป็นเป็นมิ่งขวัญ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงชนชาวไทยไปนานๆ

          "ผมเองก็ไม่ขออะไร ชีวิตพอแล้ว ลูกหลานมีงานทำที่ดีตามความปรารถนาของพวกเขา ห่วงแต่พะยอมที่ยังต้องมาอยู่กับพ่อที่นี่ ไม่ยอมไปทำงานที่อื่น ทั้งที่ปัจจุบัน ที่บ้านเนื้อในก็เหลือไม่กี่ครอบครัวแล้ว"

          ไม่ได้มีแต่ครอบครัวไทยพุทธอย่างนายเพชรทองเท่านั้น ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้ แต่ครอบครัวของมุสลิมอย่าง นายจิม มีซา วัย 85 ปี ก็ต้องพบเจอกับความสูญเสียไม่ต่างกัน

          "ผมมีลูกทั้งหมด 7 คน เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไป 2 คน เป็น อส.(อาสารักษาดินแดน) ทั้งคู่ ยังเหลืออีก 5 คนก็คอยดูแลเป็นอย่างดี ส่วนรุ่นหลานก็เสียชีวิตไปอีกคน เป็น อส.เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คนที่ตายก็คิดว่าถึงเวลาของเขา ส่วนคนที่ยังอยู่ก็ดูแลกันไป มีแค่นี้ก็สุขใจแล้ว"

          นายจิม ซึ่งเป็นชาวบ้านจางา หมู่ 2 ต.ปะกาฮะรัง อ.เมือง จ.ปัตตานี บอกว่า ทุกวันนี้ในหลวงเป็นกำลังใจ และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ หากขอพรอะไรได้สักอย่างในวันพ่อแห่งชาติ ก็อยากขอให้ในหลวงทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง อยากเห็นภาพพระองค์ทรงออกทีวี และเยี่ยมเยียนประชาชนเหมือนเดิม

          เป็นความอิ่มเอิบใจของผู้คนที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งแม้ต้องผจญกับภัยร้ายจากสถานการณ์ความไม่สงบ แต่พวกเขาก็ไม่ทิ้งแผ่นดินเกิด เพราะพวกเขาคือประชาชนของในหลวง...

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บรรยายภาพ :

1-2 นายเพชรทอง กับนางพยอม สองพ่อลูกที่ปะนาเระ

3 นายจิม มีซา กับลูกสาว
สนับสนุนการขับเคลื่อนโดย
- ฮอนด้าพิธานพาณิชย์-อริยะมอเตอร์ www.phithan.co.th/hondaphithan
- ปาล์มสปริงส์ & ซิตี้รีสอร์ท บ้านและคอนโดคุณภาพจากเครืองศุภาลัย www.hatyainakarin.com
- ธีระการช่าง หาดใหญ่ (เยื้องบิ๊กซีคลองแห) โทร 086-4910345 www.facebook.com/teerakarnchanghy
- เอนกการช่าง ผู้นำการพัฒนาเครื่องจักรกลเกษตร โทร 081-7382622 www.an-anek.com/contact.php
รีวิวธุรกิจ เกาะติดบ้านเมือง ร้อยเรื่องท้องถิ่น TLP 0897384215

ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ชื่อ:
การยืนยัน:
กรุณาเว้นช่องนี้ว่างไว้:
พยัญชนะไทยตัวสุดท้าย:
shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง