ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เจ้าของกิจการร้านคอมฯเรียกร้องตำรวจเร่งจับเเก๊ง 18 มงกุฎหลอกยืมเงินร่วมทำธุรกิจ

เริ่มโดย JaY_SoniC, 12:18 น. 19 ม.ค 59

JaY_SoniC

วันที่ 18 ม.ค. 59 นายชรินทร์  คงคาสุริยฉาย อายุ 46 ปี อดีตนักธุรกิจเจ้าของกิจการร้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์ ชื่อร้านมายมิ้ลด์คอม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หอบหลักฐานทั้งใบแจ้งความและหมายจับของศาล จ.สงขลา รวมทั้งเอกสารการโอนเงินของธนาคาร เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนใน จ.สงขลา

และเรียกร้องไปยังตำรวจให้เร่งติดตามจับกุม น.ส.สุพิศ ชัยทอง อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.สงขลา ในคดีฉ้อโกง ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นแก๊ง 18 มงกุฎ ที่หลอกให้ร่วมทำธุรกิจ แล้วเชิดเงินหนีไปจำนวน 1.7 ล้านบาท จนตัวเองถึงขั้นหมดตัว และต้องปิดกิจการ รวมทั้งขายบ้าน นอกจากนี้ยังหลอกคนอื่นๆอีกหลายรายในลักษณะเดียวกันกับตน รวมเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท แต่ยังหนีลอยนวล ซึ่งอาจจะมีคนตกเป็นเหยื่ออีกเป็นจำนวนมาก

นายชรินทร์ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า  ก่อนหน้านี้ตนเปิดกิจการร้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์อยู่ใน อ.หาดใหญ่ และ น.ส.สุพิศ  ซึ่งมีชื่อเล่นว่า พิศ หรือ นุ้ย  ได้เข้ามาที่ร้าน และตีสนิทกับภรรยาของตนเอง โดยจะมาที่ร้านเป็นประจำนานนับปี จนมีความสนิทชิดเชื้อไว้ใจกันเหมือนญาติคนหนึ่ง กระทั่งเมื่อเดือน มี.ค. 56 น.ส.สุพิศ เริ่มออกอุบายขอยืมเงิน เพื่อนำไปทำธุรกิจขายส่งเหล้าต่างประเทศ โดยบอกว่ามีกำไรดี จึงได้โอนเงินผ่านธนาคารงวดแรกเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 56 จำนวน 1 แสนบาท และ น.ส.สุพิศ ได้คืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย 10 เปอร์เซ็น ตามที่ตกลง รวมเป็นเงิน 110,000 บาท

จากนั้นจึงได้ยืมเรื่อยมา แต่จะคืนให้เฉพาะดอกเบี้ยร้อยละ 10 และงวดสุดท้ายเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 56 ได้ขอยืมเงินไปอีก 150,000 บาท จากนั้นจึงหายตัวไป และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย รวมเงินทั้งหมดที่ยืมไปทั้งสิ้น 1.7 ล้านบาท โดยเมื่อไปตามหาที่บ้าน และที่ร้านขายดอกไม้ที่อ้างว่าพักอาศัยอยู่นั้น กลับได้รับคำตอบว่าไม่ใช่บ้านและร้านของ น.ส.สุพิศ แต่อย่างใด จึงเชื่อว่าตนทั้งคู่ถูกหลอกแล้ว และเมื่อสอบถามพฤติกรรมของ น.ส.สุพิศ ก็พบว่า มีหลายคนที่ถูกหลอกในลักษณะนี้ และสูญเงินไปรวมๆกันไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท โดยเฉพาะตน ซึ่งถึงกับหมดตัว เพราะ ไม่มีเงินหมุนเวียนในบริษัท และต้องขายตึก และปิดกิจการร้านคอมพิวเตอร์ เพื่อนำเงินลงทุนทำกิจการใหม่

นายชรินทร์ กล่าวว่า ในช่วงเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา ตนพยายามตามหาตัว น.ส.สุพิศ รวมทั้งแจ้งความกับตำรวจ แต่เรื่องก็ยังเงียบไร้วี่แวว และพยายามเดินเรื่อง จนศาล จ.สงขลา ออกหมายจับเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยทราบเบาะแสล่าสุดว่า น.ส.สุพิศ อยู่ในพื้นที่ จ.พัทลุง จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมมาดำเนินคดี เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุหลอกลวงใครอีก แม้ว่าเงินจำนวน 1.7 ล้านบาท ของตัวเอง จะไม่ได้คืนแล้วก็ตาม
/////

ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ชื่อ:
การยืนยัน:
กรุณาเว้นช่องนี้ว่างไว้:
พยัญชนะไทยตัวแรก:
shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง