ออมเงินเพื่อลูกจำเป็นต้องพ่วงประกันชีวิตเด็กด้วยมั้ย

[dasaopda]

คุณแม่หลายคนอาจมีคำถามที่สงสัยเกี่ยวกับประกันสุขภาพ จะทำประกันสุขภาพ ที่ไหนดี อยากทําประกันสุขภาพให้ลูก จำเป็นต้องพ่วงประกันชีวิตเด็ก ด้วยมั้ย อยากออมเงินเพื่อลูก เป็นทุนประกันการศึกษาบุตร ประกันครอบครัว ประกันอุบัติเหตุ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันชีวิต ประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี ประกันออมทรัพย์ ประกันเงินออม ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ ประกันสะสมทรัพย์ อยากวางแผนเกษียณให้คุณพ่อ มองหาประกันเกษียณอายุที่ได้บำนาญกินยาวไปเรื่อยๆจนเสียชีวิต ประกันเยอะแยะไปหมด แต่ก็สำคัญทั้งนั้น เชื่อว่าหลายคนอยากทราบรายละเอียดกันใช่มั้ยคะ

วันนี้ คุณแม่มีประสบการณ์การทำประกันชีวิตเด็ก และจากการได้เรียนรู้ตอนอบรมประกันชีวิตมาแบ่งปันให้ฟังค่ะ เอาล่ะ เริ่มกันเลยนะคะ ประกันชีวิตของเด็ก จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

1. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
2. ประกันสุขภาพ

ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เด็ก ก็คือการออมเงินให้ลูกเราเพื่อให้ลูกเรามีเงินก้อนในอนาคต หรือ เพื่อไว้เป็นทุนการศึกษาให้บุตรในอนาคต คุณพ่อคุณแม่คงจะบอกว่าแบบนี้ไม่ต้องทำประกันก็ได้ฝากเงินกับทางธนาคารก็ได้เหมือนกัน จริงที่ว่ารูปแบบการฝากเงินเหมือนกันแต่ความต่างของการสะสมทรัพย์กับประกันชีวิต คือ การมีความคุ้มครองเข้ามาเกี่ยวข้อง ในกรณีที่ผู้จ่ายค่าเบี้ยประกัน (ในที่นี้ก็คือคุณพ่อ หรือคุณแม่ นั่นแหล่ะ) มีอันต้องจากไปก่อน บริษัทประกันจะเป็นผู้เข้ารับผิดชอบในก้อนเงิน (จำนวนงวดที่เหลือ) ที่ต้องส่งทั้งหมดให้กับลูกของเราแทนจนครบกำหนดอีกด้วย ทำให้แม้ว่าเราจะตายจากไป ลูกไม่ต้องวิ่งหาเบี้ยประกันมาจ่าย แต่ลูกก็ยังคงได้รับการคุ้มครองต่อไปค่ะ ดีไหมล่ะคะ

อีกสิ่งที่ต่างกับการฝากเงินก็คือ การทำประกันสะสมทรัพย์จะมีทั้งผลตอบแทน และความคุมครองเข้าเกี่ยวด้วย (ปัจจุบันทางอย่าง พรูเด็นเชียล (prudential) ก็มีโครงการทำประกันสะสมทรัพย์ให้บุตร พ่อแม่ที่เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันก็จะได้รับความคุ้มครองด้วย เช่น ในกรณีที่แม่เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันในบุตร แล้วแม่เกิดมีเหตุต้องจากไป ลูกก็จะได้ผลตอบแทนตามแบบประกันโดยที่พ่อไม่ต้องชำระเบี้ยต่อ แต่ทางบริษัทประกันจะเป็นผู้ชำระเบี้ยต่อให้กับบุตรของท่านเอง)

หากมีกำลัง การทำประกันไว้เป็นสิ่งที่ดีนะคะ
การประกันสุขภาพเด็ก ก็คือในการณีที่ลูกไม่สบายต้อง admit ที่โรงพยาบาล ถ้าเราได้ทำประกันสุขภาพไว้ให้กับลูก ค่าใช้จ่ายของการรักษาที่เกิดขึ้น บริษัทประกันจะป็นผู้รับผิดชอบกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามรูปแบบประกันที่เราได้เลือกไว้  ให้คุณพ่อคุณแม่คิดง่ายๆว่า เราจะสามารถมีเงิน support ในกรณีที่ลูกต้องนอน ร.พ ได้มั้ย ซึ่งใน ร.พ เอกชนทั่วไปกรณีไม่ต้องผ่าตัด ค่ายา ค่าห้อง ค่าหมอ ต่างๆก็เป็นหลักหมื่น แต่ถ้าเรามีประกันให้ลูกเรา เราจ่ายเบี้ยประกันปีละหมื่นถึงสองหมื่นบาทแต่มีการคุ้มครอง 365 วัน จะช่วยคุณพ่อคุณแม่เบาแรงได้เยอะ เพราะมีทีบริษัทประกันเข้ามารับช่วยรับภาระแทน

ลูกกี่ขวบถึงทำประกันได้???
ในการทำประกันสุขภาพเด็ก อย่าง พรูเด็นเชียล (prudential) จะรับน้องที่มีอายุตั้งแต่1 เดือนขึ้นไป ทำได้ทันที เพียงแต่ต้องมีการแถลงข้อเท็จจริง เช่น คลอดปกติมั้ย น้ำหนัก-ส่วนสูงเป็นอย่างไร ได้ตามเกณฑ์ไหม

"เกร็ดเล็กน้อยของการทำประกันให้ลูก"

อย่าทำประกันสุขภาพพ่วงกับสะสมทรัพย์ เพราะ เมื่อประกันสะสมทรัพย์ครบปีที่กำหนดแล้ว ประกันสุขภาพจะหมดลงพร้อมกัน ทำให้ถ้าอยากได้รับความคุมครองด้านสุขภาพต่อ จะต้องทำกรมธรรม์ฉบับใหม่ สิ่งที่ตามมาคือเบี้ยประกันในอนาคตแพงขึ้น ต้องแถลงข้อมูลด้านสุขภาพใหม่หมด (เพราะเด็กมีอายุที่มากขึ้น) ค่ะอย่าลืมว่า "การทำประกันภัยควรทำตั้งแต่แรกเกิด โดยเริ่มต้น พ่อแม่ ทำประกันสุขภาพให้ลูก พอถึงวัยทำงานลูกทำประกันภัยประเภทต่างๆ ให้ตนเองและตอบแทนให้กับพ่อแม่ โดยสรุปแล้วอายุที่ทำประกันภัยคือควรเริ่มตั้งแต่แรกเกิด ส่วนวัยเริ่มต้นทำประกันภัย คือ วัยที่พร้อม ซึ่งความพร้อมก็มีสองความหมายคือพร้อมให้ตัวเองกับพร้อมให้คนที่เรารัก"

https://www.prudential.co.th/corp/prudential-th/th/our-products/savings-plan/?Category=savings