ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

จะเจริญด้วยความมายาหรือวัฒนาด้วยสัจจะ

เริ่มโดย คุณหลวง, 11:36 น. 09 พ.ย 54

คุณหลวง

    สะบายดี...

    สืบต่อมาจากกระทู้ของท่านผู้สงสัยว่า เพราะประเทศไทยนับถือพระพุทธศาสนาจึงไม่เจริญ และข้อที่ว่าพระพุทธเจ้าสอนให้หนีโลก ซึ่งได้ตอบไปแล้วในกระทู้เรื่องการบวชของพระพุทธเจ้า

    ความจริงเรื่องที่ว่าประเทศไทยไม่เจริญเพราะนับถือพระพุทธศาสนานั้น ไม่ใช่เรื่องที่คุณสงสัยคนเดียวที่พูด แม้กระทั่งอดีตอธิบดีกรมการศาสนาสมัยหนึ่งยังพูด และกำหนดหัวข้อการสอนพระพุทธศาสนากันเลยทีเดียว และห้ามพระสงฆ์สอนในเรื่องที่เขาเห็นว่าขัดต่อการทำความเจริญแก่บ้านเมือง

    หรือแม้กระทั่งท่านชายอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย อย่าง(ขออนุญาตเอ่ยนาม)ท่านคึกฤทธิ์ ปราโมช ยังมีความเห็นเช่นนั้น ทั้งที่ท่านก็เป็นผู้ที่มีความรู้ทางด้านพระพุทธศษสนาอย่างกว้างขวางที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย มิเช่นนั้นคงไม่เกิดวิวาทะระหว่างท่านกับท่านพุทธทาสอย่างแน่นอน ซึ่งคนที่ได้อ่านเรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้ว่าคนเช่นไรที่จะมองเห็นว่าพระพุทธศาสนาเป็นตัวถ่วงความเจริญ

    พระพุทธศาสนาสอนให้คนมีและมุ่งสู่ความเจริญอย่างสูงสุด เพียงแต่มิได้เน้นเรื่องวัตถุเท่านั้น ท่านเน้นเอาจิตใจที่หยั่งเห็นความจริงของธรรมชาติ สามารถพัฒนาและใช้ชีวิตอย่างเข้าใจธรรมชาติ และสอดคล้องกับธรรมชาติ พูดง่ายๆก็คือ เน้นความสุขในการมีชีวิตและใช้ชีวิตนั่นเอง

    ส่วนวัตถุนั้นก็สร้างเอาเพียงสมควรแก่การดำรงชีวิต มิให้ใช้อย่างพร่ำเพรื่อสนองตัณหารมณ์จนกลายเป็นการทำลาย หรือบิดเบือน หรือไม่ยอมรับความเป็นจริงของธรรมชาติ เพราะสรรพสิ่งล้วนเป็นเหตุปัจจัยซึ่งกันและกัน การที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งถูกบิดให้ผิดไปจากหน้าที่ของมันมันก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งอื่นๆต่อไปเป็นลูกโซ่ อย่างที่วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ใช้คำว่า เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว นั่นคือ เขาเองก็มาเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีผลสืบเนื่องกัน

    เพราะเหตุนี้ พระพุทธศาสนาจึงสอนให้ใช้ชีวิตอย่างพอดี ไม่ฟุ้งเฟ้อให้ธรรมชาติเสียสมดุล

    การที่โลกทุกวันนี้ มุ่งแข่งขันกันด้วยวัตถุ การกิน การอยู่ การดำรงชีวิต จึงเป็นไปอย่างขัดขืนธรรมชาติ และวัดความเจริญกันที่วัตถุเงินตรา มากกว่าจะวัดความเจริญกันที่ความสุขของมนุษย์และสัตว์ทุกหมู่เหล่า การกระทำใดๆจึงเป็นการช่วงชิง กีดกัน ทำลายกันอย่างไม่ปราณีปราศรัย การทำดีทำบุญก็เป็นไปเพื่อฐานะหน้าตาทางสังคมมากกว่าความสุขที่จะได้รับจากการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

    แม้พระธรรมของพระพุทธศาสนาหลายข้อ หลายประการก็ถูกสาวกที่หลงวัตถุนิยมบิดเบือนมาเพื่อผลประโยชน์ทางด้านเกียรติ กาม กิน เสียมาก แม้สวรรค์ นิพพานก็ถูกแปรมาเป็นสินค้าเพื่อขายให้แก่คนผู้นิยมความง่ายแบบที่สามารถซื้อหา มิต้องลงทุนลงแรงทำให้ลำบากกาย ใจ

    ความจริงหากเราพัฒนาประเทศด้วยแนวทางพระพุทธศาสนา ทุกวันนี้ เราคงไม่มีความขัดแย้ง แบ่งสี แบ่งพวก เราคงไม่ถูกน้ำท่วมเสียหายมากขนาดนี้ เราคงไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของนักการเมืองที่ทำเพื่อประชาชนเพื่อกูได้มีอำนาจวาสนายิ่งกว่าใครในประเทศ จนกระทั่งใช้ทุกกลวิธีเพื่ออำนาจแห่งตน แม้กระทั่งการโกหกรายวัน รัฐบาลก็คงมิต้องตกเป็นเบี้ยล่างของท่านผู้ยึดถือสัจจะนิยม ที่ไม่เคยพูดอะไรแล้วยึดถืออย่างลูกผู้ชาย(ชะรอยจะเห็นว่า ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนกระมัง) อันนี้ขอเหน็บการเมืองเล็กๆนะครับ

    เพราะพระพุทธศาสนาสอนให้เราทำอะไรด้วยความพอดี สามารถยืนอยู่บนขาของตนได้อย่างไม่ต้องยืนพิงผู้อื่น อย่างที่ฐานะประเทศของเราเป็นอยู่ทุกวันนี้ พระพุทธศาสนาสอนให้เราให้ความสำคัญแก่ชีวิตของผู้คนและสรรพสิ่งในโลกมากกว่าความสุขส่วนตัว สอนให้เราขยันเพื่อเลี้ยงตัว และซื่อสัตย์ที่แม้ตายก็ไม่คดโกงใครกิน ไม่รับอามิสสินจ้างเพื่อเบียดเบียนผู้อื่น สอนให้เรามีสุขมีทุกข์ร่วมกันในสังคมแห่งความสามัคคี

    ยกตัวอย่าง ธรรมะข้อ สันโดษ ซึ่งเป็นข้อแรกที่ถูกยกมาเพื่อกล่าวหาว่าพระพุทธศาสนาเป็นตัวถ่วงความเจริญ แท้จริงแล้ว หากคนเรายึดถือธรรมะข้อนี้ นี่แหละจะทำให้ประเทศชาติเจริญได้อย่างมั่นคง หลักง่ายๆของสันโดษ ก็คือ การเรียนรู้จนรู้จักตัวเองอย่างแจ่มชัด สามารถใช้ชีวิตอย่างพอดี ไม่ทะเยอทะยานจนเกินไป มีความสุขในการดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์ ไม่ถือเอาสิ่งที่ตนไม่ควรได้รับ

    เพราะการทะเยอทะยานจนเกินไปมิใช่หรือ ที่เราต้องการเป็นเสือ จนเราบุกบั่นขุดค้น ทำลายทรัพยากรเข้ามาป้อนอุตสาหกรรมจนเกิดปัญหามลพิษอยู่ทุกวันนี้ เพราะเราไม่ภูมิใจในความเป็นไทยมิใช่หรือ เราจึงไปลอกแนวทางของผู้อื่นมาทำตามอย่างไม่รู้จักตัวเองจนเป็นปัญหาทางด้านสังคมอยู่ทุกวันนี้ เพราะเราลอกเลียนแบบการพัฒนาของเขามาโดยไม่คำนึงถึงตัวเองมิใช่หรือจึงทำให้ประเทศเราขัดขาไขว้จนเดินลำบากในทุกวันนี้ แม้กระทั่งเมกะโปรเจ็คท์ที่จะสร้างนิวไทยแลนด์ก็เป็นแปลนจากต่างชาติที่เสนอเข้ามาจะทำให้

    แล้วพวกเขาเหล่านั้นรู้จักประเทศไทยดีแค่ไหนครับท่าน แต่เพราะเรานิยมนับถือเขาหัวปักหัวปำ เราจึงพร้อมที่จะให้เขากดหัวเรามิให้เงยขึ้นมาได้

    พระพุทธศาสนาสอนให้เราพัฒนาประเทศโดยยึดฐานความสุขของประชากร มากกว่ารายได้ของประเทศนะครับ

    เพราะเราตกเป็นทาสวัตถุนิยมมิใช่หรือจึงทำให้เราต้องวิ่งตามกระแสหลักอย่างลืมความเหน็ดเหนื่อย ลืมเป็นลืมตาย ลืมความสุขที่ได้รับจากความรักความเข้าใจในครอบครัว เราวิ่งตามสังคมจนลืมความสำคัญคนในครอบครัว ลูกเรา พ่อแม่เรา ผัวเรา เมียเรา ไม่ได้ต้องการความร่ำรวยมากกว่าความรัก ความอบอุ่น ความสุขในครอบครัว

    สังเกตุบ้านใดที่พ่อแม่บ้าวัตถุ บ้าเงิน บ้ายศ บ้าอำนาจ ครอบครัวนั้นมักมีปัญหาเสมอ

    พระพุทธศาสนาสอนให้เราเรียนรู้ตัวเอง ให้รู้จักตัวเองเพื่อที่จะสามารถวางแนวทางพัฒนาที่สอดคล้องกับตัวเองได้ เป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนมั่นคง แต่เราอยากตามกระแสวัตถุนิยมมิใช่หรือ เราจึงเป็นอย่างนี้

    ลองไตร่ตรองดูใหม่ครับ ว่าเราต้องการเจริญอย่างมายา ที่ต้องวิ่งตามโลกอย่างหยุดไม่ได้ แม้ต้องทำลายตัวเองเท่าไหร่ เดือดร้อนเท่าไหร่ก็เอา หรือว่าอยากเจริญอย่างมั่นคง มีความสุข แม้ไม่มีหน้าตาในสังคมมากเท่าไหร่ก็ตาม

    พระพุทธศาสนาเป็นอย่างนั้นหรือไม่ อยู่ที่ว่าคุณต้องการความเจริญแบบใดต่างหาก มิใช่ปัญหาของพระพุทธศาสนา แต่เป็นปัญหาที่การคิดของคุณเอง
   
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป