ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ฝาก บุญญศักดิ์ ไปถึง fergal Keane นักข่าว BBC ผู้อาภัพ!

เริ่มโดย Mr.No, 14:54 น. 10 พ.ย 54

Mr.No

อ่านที่คุณ หอยโข่งแมน เขียน ...

อ่านแล้วดูเหมือนจะเข้าใจ แต่ว่า  งง???


แต่สรุปก็คือ  1. คุณกำลังคิดว่ามันก็เป็นวิวัฒนาการของการพัฒนาระบอบการเมืองไทย ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่ประเด็นที่ผมตั้งกระทู้ มันเป็นเรื่องของ ส่วนหนึ่งของกระบวนการวิวัฒนาการของการต่อสู้ในแนวความคิดทางการเมือง เพราะมันเกิดจากกระบวนการที่มีกลุ่มพยายาม ล้างความเชื่อคนไทย ให้มองสถาบันกษัตริย์ เป็นเรื่องของความเลวร้าย และเป็นเรื่องของการเมืองที่มี hidden agenda เพียงแค่การ ล้างแค้น,อิจฉา ริษยา และใช้ทุกทางเพียงเพื่อการทวงคืนอำนาจ.....
               2. คุณยกตัวอย่าง กรณี 6 ตุลา ก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการโฆษณาชวนเชื่อ ให้คนไทยเชื่อว่า นิสิต นักศึกษา คือพวกหัวรุนแรง คือ คอมมิวนิสต์ คือกลุ่มคนที่พยายามล้มล้างสถาบัน จนสุดท้าย คือการยุยงให้คนไทย ฆ่าคนไทยด้วยกันเอง.... นี่คือ ผลพวงของความชั่วร้ายของ การโฆษณาชั่วร้าย ที่รัฐบาลพยายามสร้างให้เกิด

                  แต่วันนี้ ...คุณก็เห็นแล้วว่า กระบวนการเสื้อแดง ก็ใช้ยุทธวิธีเดียวกัน กล่าวคือ ใส่ร้ายป้ายสี ให้เห็นว่า ทหารนั้น เป็นความเลวร้าย และพยายามโฆษณาชวนเชื่อให้คนเห็นว่า ระบบกษัตริย์ นั้นไม่ดีอย่างนั้้น อย่างนี้ เพราะเค้าเห็นว่า ทหาร+สถาบัน นั้น คือสิ่งทีคู่กับประเทศมาตลอดระยะเวลานาน ดังนั้นถ้าจะทำให้ได้อำนาจ ต้องทำลายสิ่งที่ทหารยึดถือลง..นั่นคือ สถาบัน  และเมือสถาบันอ่อนแอ ทุกอย่างก็เป็นเรืองง่ายที่สุดในการกลับคืนสู่อำนาจ
   
   ทุกสิ่งมันกลับขั้วได้เสมอ.... ในยุคที่เราผ่าน เผด็จการทหารนั้น เรามองทหารคือสิ่งชั่วร้าย ที่บั่นทอนสิทธิ เสรีภาพของประชาชน และด้วยความมืดบอดของคนไทย ที่ชอบมองอะไรแค่เปลือก ก็มองไม่เห็นว่า เมื่อวิวัฒนาการมันเปลี่ยน ความเป็นเผด็จการที่ฝรั่งเรียก Dictatorship นั้น มันไม่ผูกไว้เฉพาะ กลุ่มทหารเท่านั้น

   เผด็จการมันเกิดขึ้นได้ กับ นักการเมือง โดยเฉพาะนักการเมืองที่มีเงินทุน... และรวมกันได้ เป็น 3 สามายน์ คือ ข้าราชการเลว,นายทุนเลว และ นักการเมืองเลว เมื่อสามสิ่งนี้ประสานกันลงตัวเมื่อใด..... มันยิ่งกว่ามีเผด็จการทหารพม่าเสียร้อยเท่า

    เพราะ สิ่งที่ชาติจะเสียนั้น... เสียได้ตั้งแต่ อากาศ,คลื่นวิทยุ,ทรัพยากรในทะเล,ใต้ดิน หรือแม้กระทั่ง แผ่นดิน...

ผมคิดว่า .... ผมอาจโชคดี่ที่เกิดในยุค ตุลา 16 ผ่านมาจน ตุลา 19 และผ่านร้อนหนาวสันดานมนุษย์และนักการเมืองมาพอสมควร...

ผมจำได้ว่า ....วันที่ผมไปร่วมเดินขบวนขับไล่ 3 ทรราชย์ เมื่อ ยุค ตุลาคม 16 นั้น แม้ผมยังเป็นแค่เด็วัยรุ่น แต่ก็ซึมซาบและเข้าใจในความหมายของ "เผด็จการ" ได้....

ผมผ่านร้อนหนาว จนวิเคราะห์ออกว่า .... วันนี้ เมืองไทยมันกำลังเผชิญวิฤกตที่น่ากลัวที่สุด แต่คนไทยกลับไม่รับรู้....

ความก้าวหน้าของ ไอที และเทคโนโลยี มันทำให้ หลายประเทศกำลังกลายเป็น แหล่งล่าอาณานิคมทรัพยากร กันแบบที่คนไทยไม่เคยรู้ว่า วันหนึ่งประเทศมันจะหมดทุกสิ่งทุกอย่าง... ถ้าไม่เข้าใจและยังหลง และถูกหลอกให้เชื่อแต่เรื่อง "ประชาธิปไตย"

พม่า... เขมร...มีทรัพยากรธรรมชาติมหาศาล..... เอาไปขายให้เชพรอน ให้ฝรั่ง ...มีแต่ นักการเมือง และผู้นำประเทศ รวย..ส่วนประชาชน ยังไม่มีจะกิน และยากจน...

ไทยก็เหมือนกัน.... จะเสื้อแดงกี่คน ที่รู้บ้างไหมว่า  น้ำมัน,ก๊าซ,คลื่นในอากาศ,แผ่นดิน,สิทธิประโยชน์ ที่นักการเมืองที่เค้าคลั่งจะเป็นจะตายนั้น กำลังจะขายทรัพยากรให้ฝรั่งเพื่อให้เงินในกระเป๋าพวกมันมีเพิ่มอีก นับล้าน ๆๆ ๆๆๆๆ

คนโง่ที่ยอมตกเป็นเหยื่อของ(นักการเมือง)คนฉลาด .... ส่วนใหญ่ จะรู้ตัวก็เมื่อ สายแล้วทุกคน......

แต่สำหรับผม.... ประชาธิปไตย นั้น ก็คือ  สิทธิของประชาชนที่มีความเสมอภาค....  และโอกาสที่เข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน
แต่ตราบเท่าที่.... คนที่ผมเลือกเข้าไป  ดันมุบมิบกับต่างชาติดัน ขายทรัพยากรของประเทศจนหมด...แต่ประชาชนยังโง่งมโข่งอยู่.... แบบนี้  ใครจะศรัทธา ก็ว่ากันไป...ส่วนผม   พอแล้วกับ   "ประชาธิปไตยใต้อุ้งตีนนักการเมือง"
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

destiny_X

ในช่วงแรกผมเห็นด้วยกับ Mr.No เกือบร้อย % แต่ผมไม่เห็นด้วย กับประโยคสุดท้าย (ระบบสาธารณะรัฐ)ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ถ้าผิดขออภัยด้วย
ส่วนตัวผมคิดว่า ไม่ว่าประเทศจะปกครองระบบไหน ถ้าผู้นำไม่ใช่คนดีระบบไหนมันก็แย่หมด วันนี้ผมยังยืนยันการปกคองประเทศ ประชาธิปไตยที่มีนายกอยู่ ผมไม่เอาระบบประธานาธปดีของประชาธิปไตยและไม่เอาระบบประธานาธปดีของระบบสาธารณะรัฐ

ส่วนความเห็นของคุณหอยโข่งแมน
ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ทำให้บ้านเมืองเราอ่อนแอ การบริหารราชการที่ล้มเหลว เอาแต่พวกพ้องของตนเองเป็นใหญ่  ไม่มีสิทธิ์แม้แต่วิพากษ์วิจารณ์

ขออนุญาตตัดนะครับ
ก็เหมือนกับยุคของทักษิน นามสกุลของนายกปัจจุบัน นายกสมชาย ผู้บัญชาการ ตำรวจ ทหาร ข้าราชประจำ ล้วนแต่ญาติและพวกพ้องของทักษิณทั้งนั้น สื่อหรือประชาชนที่แสดงความคิดเห็นต่างก็โดนปองร้าย ซึ่งผมมองว่าต่างกันอย่างไร
   ส่วนการเมืองหลัง2475  ผมมองว่ามันต่างกับยุค 14 ตุลาที่ประชาชนมีมีส่วนร่วม แต่ยุคปัจปัจจุบันประชาชนโดนหลอกมามีส่วนร่วม

  ในวันนี้ประชาชนเป็นเครื่องมือของนักการเมืองและผู้ที่ต้องการไต่เต้าเป็นนักการเมืองเพื่อหาผลระโยชน์จากการเมืองไม่ว่าเงินหรืออำนาจ(ก็เอาไว้หาเงิน)อุดมการณ์ขายได้ กินได้

ปล.ผมขอแทรกแค่นี้ ผมขออ่านอย่างเดียวก่อนดีกว่าเพราะผมคงด้อยวัยวุฒิกว่ามาก Mr.No ทันยุค ตุลา 16 อายุคงมากกว่าผมไม่น้อยกว่า 15-20 กว่าปี ส่วนความรู้ด้านการเมืองและประวัติศาสตร์การเมืองก็คงต้องศึกษาอีกมาก

Mr.No

อ้างจาก: ธวัฒน์ชัย เมื่อ 22:14 น.  20 พ.ย 54
ในช่วงแรกผมเห็นด้วยกับ Mr.No เกือบร้อย % แต่ผมไม่เห็นด้วย กับประโยคสุดท้าย (ระบบสาธารณะรัฐ)ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ถ้าผิดขออภัยด้วย
ส่วนตัวผมคิดว่า ไม่ว่าประเทศจะปกครองระบบไหน ถ้าผู้นำไม่ใช่คนดีระบบไหนมันก็แย่หมด วันนี้ผมยังยืนยันการปกคองประเทศ ประชาธิปไตยที่มีนายกอยู่ ผมไม่เอาระบบประธานาธปดีของประชาธิปไตยและไม่เอาระบบประธานาธปดีของระบบสาธารณะรัฐ

ส่วนความเห็นของคุณหอยโข่งแมน
ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ทำให้บ้านเมืองเราอ่อนแอ การบริหารราชการที่ล้มเหลว เอาแต่พวกพ้องของตนเองเป็นใหญ่  ไม่มีสิทธิ์แม้แต่วิพากษ์วิจารณ์

ขออนุญาตตัดนะครับ
ก็เหมือนกับยุคของทักษิน นามสกุลของนายกปัจจุบัน นายกสมชาย ผู้บัญชาการ ตำรวจ ทหาร ข้าราชประจำ ล้วนแต่ญาติและพวกพ้องของทักษิณทั้งนั้น สื่อหรือประชาชนที่แสดงความคิดเห็นต่างก็โดนปองร้าย ซึ่งผมมองว่าต่างกันอย่างไร
   ส่วนการเมืองหลัง2475  ผมมองว่ามันต่างกับยุค 14 ตุลาที่ประชาชนมีมีส่วนร่วม แต่ยุคปัจปัจจุบันประชาชนโดนหลอกมามีส่วนร่วม

  ในวันนี้ประชาชนเป็นเครื่องมือของนักการเมืองและผู้ที่ต้องการไต่เต้าเป็นนักการเมืองเพื่อหาผลระโยชน์จากการเมืองไม่ว่าเงินหรืออำนาจ(ก็เอาไว้หาเงิน)อุดมการณ์ขายได้ กินได้

ปล.ผมขอแทรกแค่นี้ ผมขออ่านอย่างเดียวก่อนดีกว่าเพราะผมคงด้อยวัยวุฒิกว่ามาก Mr.No ทันยุค ตุลา 16 อายุคงมากกว่าผมไม่น้อยกว่า 15-20 กว่าปี ส่วนความรู้ด้านการเมืองและประวัติศาสตร์การเมืองก็คงต้องศึกษาอีกมาก



สวัสดีครับ คุณธวัฒนชัย.

ผมคิดว่า.... การได้มาซึ่ง การปกครองในระบอบประชาธิปไตย นั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือ หลักสิทธิ เสรีภาพ,ความเสมอภาค และภราดรภาพ
ในยุค 14 ตุลาคม 2516 เราต่อสู้กับ สิ่งที่เรียกว่า "เผด็จการ" เนื่องจากเราเล็งเห็นว่า รัฐบาลที่ปกครองด้วยเหล่าบรรดาทหารนั้น เค้าใช้การปกครองโดยไม่ฟังเสียงของประชาชน และมีการทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวง รวมทั้งการใช้กฎหมายเถื่อนในการเข้าจับกุม หรือเข่นฆ่า,อุ้มฆ่าคนได้อย่างที่ กฎหมาย เข้าไปไม่ถึง และอีกหลายอย่างที่สรุปได้ว่า  ประเทศไทยห้วงเวลานั้น...เราขาดทั้งสามสิ่งที่เป็นองค์ประกอบของระบอบประชาธิปไตย  (ถ้าอยากเห็นบรรยากาศ ยุคนั้น ก็คือ ประเทศ พม่าในเวลานี้)

ตอนที่เราขับไล่ ถนอม ประภาส และต้องมีการเสียเลือดเนื้อจากการเข้าล้อมปราบจากรัฐฯในเวลานั้น สุดท้ายเราก็พบว่า เราได้เพียงแค่ "เปลือก" ประชาธิปไตย เพราะจากนั้นไม่นาน...วิญญานร้ายเผด็จการก็ยังไม่หมดไปสายเลือด... มันยังคงวนเวียน กลับมาหลอกหลอนซ้ำแล้วซ้ำอีก...
ท้ายที่สุด...เราตระหนักดีว่า การได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่สมบูรณ์นั้น จะต้องได้มา ทั้งเปลือก และ แก่น ของมันด้วย... และนี่คือสิ่งที่ทุกคนที่เป็นนักประชาธิปไตย ได้พยายามเรียกร้องมาตลอด (รวมทั้งผมด้วย)
และสิ่งที่จะทำให้ พัฒนาการในการสร้างระบอบประชาธิปไตยให้สามารถดำรงอยู่อย่างมั่นคงนั้น จำเป็นที่สุดคือจะต้องสร้างจิตสำนึกให้คนเห็นค่าถึง สิทธิเสรีภาพ ของประชาชน  และที่สำคัญต้องขจัด "ต้นเหตุ" ที่เป็นเสมือน เชื้อโรคร้ายให้ทหารใช้ช่องโหว่นี้ในการเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมเข้าย่ำยีประชาธิปไตย

แต่เอาเข้าจริง...เราละเลย... เพิกเฉย
และ การเมืองไทย ก็ยังคงสร้างกระบวนการปิดตาประชาชน.. การปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน  ..ที่สำคัญคือ นักการเมืองพวกนี้มักเมินเฉยต่อปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาในการสร้างกระบวนการให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในกรณีต่าง ๆ รวมทั้งการตรวจสอบความเป็นไปและความโปร่งใสในการบริหารงาน ฯลฯ

แต่เมื่อครั้งใดที่มีการทำปฏิวัติ รัฐประหาร นักการเมืองที่เสียประโยชน์ ก็จะดาหน้ากันออกมา แล้วอ้าง ความสำคัญของระบอบ "ประชาธิปไตย"  และมักใช้ประชาชนในการเป็นเครื่องมือเพื่อเรียกคืนอำนาจให้กับพวกเค้าเองเสียทุกครั้งไป....วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำอีกมาหลายทศวรรษ


ในปัจจุบันนี้ก็เช่นกัน การที่กลุ่มเสื้อแดง พยายามสร้างภาพ หรือโฆษณาชวนเชื่อ รวมทั้งจัดตั้งมวลชนขึ้นมาเพื่อเอา สิ่งที่เรียกว่า "ประชาธิปไตย" เป็นหน้ากากนั้น แท้จริง มันก็แค่  "ยุทธวิธี" ในการช่วงชิงอำนาจกลับคืนให้กลับก๊วนการเมือง และทักษิณ เท่านั้น... หาใช่เพื่อ อุดมการณ์ ไม่

เพราะจะสังเกตว่า กลุ่มคนเหล่านี้ ไม่ได้นำเอา "เหตุ" แห่งการก่อให้เกิดปัญหาที่เป็นชนวนให้ ทหารใช้เป็นโอกาสเข้ายึดอำนาจนั้น มาตีแผ่หรือวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อนำไปสู่การทำลายล้าง ทั้ง เหตุ และ ผล ให้หมดสิ้นไปแต่ประการใด   แต่กลับมุ่งตรงไปที่ "ทหาร"  ว่าเป็นต้นเหตุ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าตลกมาก
ทั้งที่ผ่านมา...เราจะเห็นได้ว่า  ในหลาย ๆ คนของ กลุ่มแกนนำเสื้อแดงวันนี้ ก็คือ หนึ่งในกระบวนการสร้าง "เหตุ"  ในวันนั้นแทบทั้งสิ้น

ผมกล้าพูดได้ว่า... ผมเป็นคนหนึ่งที่ศรัทธาในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อย่างที่สุด โดยเฉพาะ ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย มีแต่จะทำหน้าที่ปกป้องให้ธำรงอยู่)

ผมถึงได้พยายามชี้แจงให้ เห็นว่า  การได้มาของ ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ จะต้องพยายามไม่สร้าง เหตุ และต้องมุ่งเน้นไปที่กระบวนการกำจัด "เหตุ" กันจนเป็นวัฒนธรรม เป็นประเพณี ซึมลึกเข้าไปในลักษณะนิสัยของประชาชนทุกคน จนกระทั่งก่อให้เกิดเป็น จิตสำนึก แห่งสาธารณชน ได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้น... คือการสิ้นสุดของกระบวนทำปฏิวัติ รัฐประหาร

ถ้าลองมองให้ดี เราจะเห็นว่า.... แม้รัฐบาลที่เราคิดว่า มาจากระบอบประชาธิปไตย..มาจากกระบวนการเลือกตั้ง แต่หากเมื่อได้อำนาจแล้ว ใช้อำนาจไปในทางที่ผิด ลุแก่อำนาจ และทุจริต คอรับชั่น มันจะต่างอะไรหรือกับการปกครองโดยทหารที่เข้ามาโดยการปฏิวัติรัฐประหาร
กรณี การตายที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส คือปมแค้นที่วันนี้สามจังหวัดชายแดนใต้อันสงบสุขของเรา ไม่ได้เป็นเมืองที่มีความสุขอีกต่อไป ก็เพราะเหตุที่เกิดจากชายใส่สูทสั่งการ (แต่พฤติกรรมกลับเหี้ยมโหด ไม่ได้ต่างจาก ทหารเลย)
กรณี 2000 ศพ ที่ใช้กำปั้นเหล็ก แบบเผด็จการ ภายใต้รัฐบาลทักษิณ (อุ้ม ฆ่า) มันจะต่างอะไรกับ ยุคของฮิตเล่อร์
สิ่งเหล่านี้ ถ้าเราสามารถตกผลึกในมุมมองด้านการปกครอง เราก็จะเห็นว่า....แท้จริงแล้ว คนเหล่านี้ ก็คือ เผด็จการดีๆ นี่เอง เพียงแต่ต่างจากทหารเพียงแค่ มาใส่สูทผูกไท เท่านั้นเอง...

แต่คนผูกไทเหล่านี้กลับจะยิ่งน่ากลัวกว่า... เพราะหากวันใดวันหนึ่ง เค้าสามารถควบคุมทหารได้ สุดท้าย อะไรจะเกิดขึ้นกับสังคมไทย.....

เพราะประเทศไทย.... เรามีการปกครองที่สามารถสร้างชาติ ค้ำแผ่นดินมาได้ ต้องไม่ลืมว่า เราดำรงไว้ซึ่งสถาบันกษัตริย์ และมีสถาบันทหาร เป็นเครื่องมือในการค้ำจุนสถาบัน
ทหาร....จะสู้อย่ามีเกียรติ และมีชีวิตอย่างมีสมชายชาติทหาร ยอมตายได้ก็เพราะเค้าถือ "ศรัทธา" เป็นที่ตั้ง
"ศรัทธา" คือส่วนรวมแห่งความเข้มแข็ง... และนี่ทำให้สถาบันกษัตริย์ คือศูนย์รวมที่ทำให้ ไทย ยังคงเป็นไทย  อย่างทุกวันนี้...

ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่า...ถ้าปราศจากสถาบันกษัตริย์ เมื่อครั้ง 14 ตุลา 6 ตุลา หรือแม้นแต่ พฤษภาทมิฬ คนไทยจะต้องตายกันเบือจากน้ำมือของคนไทยด้วยกัน...ที่ขาดเมตตาต่อกันเพียงใด

แต่ด้วยพระเมตตาของในหลวง... ความรักและเทิดทูนพระองค์ท่านที่มีอยุ่ในหัวใจของทุกฝ่าย ทำให้ แม้ทหารที่มีสรรพอาวุธพร้อมทุกอย่าง ก็ต้องยอมแพ้..  เพราะ "เคารพและเทิดทูน"

นี่คือความสำคัญของการมีศูนย์รวมแห่งความรัก ความสามัคคี ที่ชัดเจนที่สุด

แต่เสื้อแดงบางคน...กลับคิดว่า ถ้าไม่มีสถาบัน ประเทศจะก้าวหน้ากว่านี้.... ซึ่งข้อนี้ มันเป็นเรื่องอันตรายมาก
ตัวอย่าง การไร้ ศูนย์รวมความเป็นหนึ่งเดียว อาจทำให้เราไปได้ไม่ไกลกว่า ฟิลิปปินส์ ที่มีคอรับชั่นและรัฐประหาร(ก็ยังคงอยู่) การลอบสังหารผู้นำ และคนยากไร้ยังคงเต็มบ้านเมือง...
เราอาจเป็นได้แค่...ประเทศที่ไม่มีทรัพยากรหลงเหลือ เพราะถูกนักการเมืองเอาไปขายและแบ่งเงินใช้กับนายทหารใหญ่อย่าง หลายประเทศในอเมริกาใต้ หรือในอเมริกากลาง...

คุณธนวัฒน์ คงพอนึกภาพออกนะครับ.... ว่า ผมทำไม่ ผมถึงต้องรักชาติ และปกป้องสถาบัน อย่างถึงที่สุด


..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

หอยโข่งแมน

อันนี้ตั้งใจตอบคุณ Mr no โดยเฉพาะ
ที่คุณบอกว่าอ่านของผมแล้วงง ก็ขอโทษด้วยผมพยายามอธิบายให้ง่ายแล้วนะ
ส่วนผมอ่านกระทู้คุณแล้ว ผมก็ไม่แน่ใจว่าคุณเข้าใจประเด็นของผมครบถ้วนรึเปล่า ส่วนผมมีทั้งส่วนที่ผมเห็นด้วยกับคุณและส่วนที่เห็นต่าง
1. เห็นด้วยว่ามันมีกระบวนการที่มุ่งทำลายสถาบันกษัตริย์โดยเอาข้อมูลที่ไม่จริงมาโยง จับแพะชนแกะ เพื่อให้คนเห็นว่าสถาบันกษัตริย์เลวร้าย แต่ในอีกมุมก็มีคนอีกพวกเอาสถาบันกษัตริย์มาเป็นข้ออ้าง เพื่อไปเที่ยวใส่ร้ายคนนั้นคนนี้ว่าล้มเจ้าทั้งๆที่บ้างคนเค้าก็ แสดงความคิดเห็นโดยบริสุทธิ์ใจ ประเภท ติเพื่อก่อ ก็มีเยอะ จะไม่ฟังเค้าบ้างหรือ
ส่วนตัวผมถ้าจะพูดถึงเรื่องนี้ผมอยากให้มองตัวระบบมากกว่าตัวบุคคล และเปรียบเทียบกับสภาพความเป็นจริงในสมัยนี้ ผมว่าสถาบันกษัตริย์ในยุคสมัยนี้มันก็มีทั้งสิ่งที่เป็นจุดอ่อนและจุดแข็งของระบบนี้อยู่ในตัวของมันเอง และอาจจะมีบางเรื่องที่ต้องปรับสภาพไปตามการเปลี่ยนแปลง จะให้เหมือนเมื่อก่อน เป็นเทพเจ้า เจ้าชีวิตแตะต้องไม่ได้นั้นคงไม่ได้แล้ว  เพราะฉะนั้นผมว่าถ้าจะพูดเรื่องสถาบัน แล้วพูดกันแค่เอา ไม่เอา ใครล้มเจ้าใครเชียร์เจ้า ผมว่ามันหยาบไป ควรมีการถกกันในรายละเอียดด้วยว่าบทบาทในปัจจุบันของสถาบัน ที่มันเหมาะสมควรเป็นยังไง สำหรับผมเห็นด้วยกับ อ. ศ.ศิวรักษ์ คือยืนยันว่ายังไงก็ต้องรักษาสถาบันกษัตริย์ไว้ เพราะนักการเมืองเวลามันเลวมันก็เลวได้น่ากลัวเหมือนกัน (อันนี้เป็นอีกจุดที่ผมเห็นด้วยกับคุณนะครับ) แต่การรักษาไว้ก็ต้องให้เหมาะกับสภาพปัจจุบันด้วย ผมจึงมองว่าการวิพากษ์วิจารณ์แบบสร้างสรรสมควรกระทำได้ และถือเป็นการปกป้องสถาบันด้วยซ้ำ 
2. ที่คุณพูดเรื่อง 6 ตุลา ว่ามันมีขบวนการใส่ร้ายป้ายสีอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ใครล่ะครับอยู่เบื้องหลัง รัฐบาลตอนนั้นมันใครล่ะ แล้วหลังจากนั้นเป็นใครล่ะ แล้วสุดท้ายไอ้พวกคนที่อยู่เบื้องหลังพวกนั้น ได้รับผลยังไงล่ะครับ คำตอบคือได้ดีกันทั่วหน้าครับ มีชีวิตที่สงบสุขอยู่จนวาระสุดท้าย ครับ ส่วนเรื่องเสื้อแดงก็เหมือนๆกัน การปลุกระดมคนออกมาแบบนี้มันก็มีทั้งข้อมูลที่จริงบ้าง เสริมแต่งบ้าง ให้เรื่องราวมันดูรุนแรงเกินจริงไปบ้าง เป็นธรรมดา เหลืองเองก็มีครับ ผมก็เคยอยู่กับพันธมิตรมาผมรู้ดี แล้วมันก็มีคนที่เดินเกมอยู่เบื้องหลัง ที่เค้าไม่ได้ให้เรารับรู้เรื่องราวอะไรทั้งหมด อยู่ด้วยกันทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ
3. ที่พูดเรื่องเผด็จการ ว่าไม่จำเป็นต้องเป็นทหารนั้น เห็นด้วย เพราะอย่าง มาร์กอส ของฟิลิปินส์นี่ก็เป็นพลเรือน และก็จริงที่นักการเมืองบางคนใช้คำว่าประชาธิปไตยบังหน้า แต่เนื้อแท้แล้วเป็นเผด็จการ หรืออย่างฮิตเลอร์ นี่มาตามระบอบประชาธิปไตยเลย ชนะเลือกตั้งมาอย่างท่วมท้นเลย ดังนั้นผมว่าประชาธิปไตยหรือเผด็จการต้องดูที่สาระที่มันเป็นในความเป็นจริง ไม่ใช่ คำแค่พูดว่า ประชาธิปไตย แน่นอนว่าคนที่เลือกตั้งเข้ามาไม่จำเป็นต้องเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่ไอ้ประเภทที่เอารถถังมายึดอำนาจกันตรงๆเลยนี่มันไม่มีทางเป็นประชาธิปไตยแน่อยู่แล้ว
4. เรื่องที่บอกว่านักการเมืองเลวรวมหัวกับนายทุนเลว(โดยเฉพาะธุรกิจข้ามชาติ) แล้วก็ข้าราชการเลว อันนี้ก็เห็นด้วยว่ามันมีจริงครับ และมันเลวร้ายครับ แต่ในความเป็นจริงเราจะหนีออกจากความสามานย์นี้อย่างไรล่ะครับ การเอาทหารเข้ามาหรือการกลับไปใช้ระบอบกษัตริย์จะหลีกเลี่ยงความสามานย์นี้ได้จริงหรือ ตัวอย่างมันก็มีอยู่หลายที่ในโลกนะครับ
5. ที่ผมร่ายยาวมาแต่ละยุคแต่ละสมัย ที่จริงอยากให้มองว่าทุกห้วงของการเปลี่ยนแปลงมันมีเหตุผลครับที่มันต้องเป็นอย่างนั้น แล้วมันก็เปลี่ยนมาเรื่อยจนถึงวันนี้ สิ่งใดเกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นดีที่สุดเสมอ มันไม่แน่หรอกครับว่าคุณย้อนเวลากลับไปบอกคณะราษฎร์ว่าอย่าเพิ่งปฏิวัติ แล้วบ้านเมืองทุกวันนี้มันจะดีกว่านี้ ดังนั้นตั้งต้นมองจากปัจจุบันดีกว่า จนถึงตอนนี้ผมว่าคนเค้ายอมรับกันทั่วไปแล้วครับว่าประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุด (บางคนบอกว่าเลวน้อยที่สุด) แต่เราก็ยอมรับว่าบ้านเมืองเราวันนี้มันยังไม่เป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง หรือห่างไกลจากประชาธิปไตยในอุดมคติพอสมควร แต่เราสามารถทำให้มันใกล้เคียงกับสิ่งนั้นได้ อย่างน้อยอุดมการณ์ประชาธิปไตยก็เป็นตัวบอกเราว่าเราจะเดินต่อไปในทิศทางไหน เช่น เรารู้ว่าระบบการเลือกตั้งในปัจจุบันมันมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงซึ่งมันไม่ดี แต่เราก็ยังยืนยันว่าเราจะต้องมีการเลือกตั้งนะเพราะมันเป็นกระบวนการของประชาธิปไตย แล้วเรามาคิดหาวิธีสิว่าเราจะออกแบบการเลือกตั้งยังไงให้มันซื้อเสียงกันน้อยๆ หน่อย (ไม่มีเลยคงเป็นไปไม่ได้) ซึ่งผมยืนยันว่ามันมีวิธีครับ แต่ถ้าเราไม่ยืนบนอุดมการณ์นี้พอมันมีการซื้อเสียงเราก็ว่าถ้าอย่างนั้นอย่าเลือกตั้งมันเลย หาคนดีๆซักคนมาให้มันตัดสินใจทุกอย่างไปเลย ดีกว่า ซึ่งผมว่าคิดแบบนี้มันไม่ถูกต้องครับ

สรุปของสรุปเพื่อให้ข้าใจจุดยืนของผมชัดขึ้น ผมยืนยันในความภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ ผมปฏิเสธระบอบทักษิณ รวมถึงนักธุรกิจการเมืองอื่นๆด้วย ผมคิดว่าประเทศเราก้าวหน้าในความเป็นประชาธิปไตย แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่ไม่น้อย แต่ผมคิดว่าการจะแก้ไขเรื่องเหล่านี้ เราต้องคิดไปข้างหน้า โดยเอาอุดมคติของประชาธิปไตยเป็นธงนำ ไม่ใช่พอเจอสิ่งที่มันเป็นปัญหาของระบบก็โทษว่าระบบมันไม่ดีแล้วไปเอาระบบเก่าที่เค้าเลิกกันไปแล้วมาใช้ (เพราะจริงๆมันแย่ยิ่งกว่า แต่เราเกิดไม่ทันตอนที่เค้าใช้มันอยู่แค่นั้นเอง )     

Mr.No

ขอบคุณครับ คุณหอยโข่งแมน.... ผมอ่านแล้วเข้าใจ เพราะมีมุมมองเหมือนผม....

แต่ทุกสรรพสิ่ง...ควรให้มันขับเคลื่อนไปอย่าง มีเหตุ และ ผล

"ระบอบการปกครองใดที่ไร้ธรรม ย่อมไม่สามารถธำรงอยู่ได้"อันนี้ คุณหอยโข่งแมน คงเข้าใจผม....

อนาคต...ก็คือ อนาคต    วันนี้ ก็คือวันนี้....  ใช่มั้ยครับ

..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

หอยโข่งแมน