24ปี พุ่มพวง ดวงจันทร์ ราชินีเพลงลูกทุ่งขวัญใจมหาชนตัวจริง

[ทีมงานบ้านเรา]

วันนี้ในอดีตเมื่อ 24 ปีที่แล้ว ตรงกับวันที่ 13 มิถุนายน 2535 วันถึงแก่กรรม พุ่มพวง ดวงจันทร์ "ราชินีเพลงลูกทุ่ง"นักร้องขวัญใจมหาชน

"พุ่มพวง ดวงจันทร์" เป็นชื่อการแสดงที่ครูเพลงลูกทุ่ง "มนต์ เมืองเหนือ" ตั้งให้ ชื่อจริงของเธอคือ "รำพึง จิตรหาญ" ชื่อเล่นว่าผึ้ง เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2504 ที่บ้านดอนตำลึง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรนายสำราญ นางเล็ก จิตรหาญ ครอบครัวนี้มีบุตรทั้งสิ้น 12 คน พุ่มพวง หรือ รำพึงเป็นบุตรคนที่ 5

ครอบครัวของพุ่มพวง ฐานะยากจน มีอาชีพเกษตรกรรมและรับจ้างตัดอ้อยเป็นรายได้จุนเจือ เมื่อครอบครัวมีบุตรหลายคน รายได้ก็น้อย ทำให้เด็กหญิงรำพึงต้องออกจากโรงเรียนบ้านดอนตำลึง ในขณะที่กำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เมื่อปี 2513 พุ่มพวงต้องไปช่วยครอบครัวหารายได้เลี้ยงตัวเลี้ยงพี่เลี้ยงน้อง เป็นผลให้เธออ่านหนังสือไม่ค่อยออก

ในความโชคร้ายของชะตาชีวิต พุ่มพวงยังมีความโชคดีที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ในการร้องเพลง เมื่ออ่านหนังสือไม่ออกก็ต้องอาศัยการจำ และพุ่มพวงก็จำได้ดีจึงได้หัดร้องเพลง และเริ่มเข้าประกวดในงานต่างๆ ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ โดยใช้ชื่อว่า "น้ำผึ้ง ณ ไร่อ้อย" เมื่อเริ่มประสบความสำเร็จในการประกวดใกล้บ้านก็ออกล่ารางวัล ไปทั่วจนชนะการประกวด ตั้งแต่ อ.ศรีประจันต์ อ.บางปลาม้า แล้วข้ามจังหวัดไปถึง อ.เสนา อ.ผักไห่ อ.มหาราช อ.วิเศษชัยชาญ อ.บ้านแพรก อ.หนองโดน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี

ในปี 2518 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ นักร้องราชาเพลงแหล่ผู้โด่งดัง นำวงดนตรีมาแสดงที่วัดทับกระดาน น้ำผึ้ง ณ ไร่อ้อยได้มีโอกาสขึ้นร้องเพลงแสดงความสามารถกับวงดนตรีที่มาแสดง ไวพจน์ เพชรสุพรรณ เห็นความสามารถเกิดความเมตตา จึงรับเป็นบุตรบุญธรรม และพาไปอยู่กรุงเทพฯ

พุ่มพวง ได้เริ่มงานศิลปินด้วยการเป็นหางเครื่องและบางครั้งวันไหนนักร้องขาดก็ได้เป็นนักร้องแก้ขัด จนกระทั่งได้บันทึกแผ่นเสียงครั้งแรกที่ห้องอัดเสียงกมลในเพลง "แก้วรอพี่" ซึ่งเป็นผลงานของไวพจน์ เพชรสุพรรณ ที่แต่งแก้กับเพลง "แก้วจ๋า" ของ คมเพชร แก้วเมืองกาญจน์ และใช้ชื่อในการการร้องเพลงนี้ว่า "น้ำผึ้ง เมืองสุพรรณ"

ชื่อ "พุ่มพวง ดวงจันทร์" ถือกำเนิดขึ้น เมื่อปี 2519 โดยครูเพลงลูกทุ่งชื่อดัง "มนต์ เมืองเหนือ" รับเป็นลูกศิษย์ เปลี่ยนชื่อ น้ำผึ้ง เมืองสุพรรณ เป็น พุ่มพวง ดวงจันทร์ เริ่มงานด้วยการร้องเพลงแก้กับ ขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด จนเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นจึงได้ตั้งวงดนตรี "พุ่มพวง ดวงจันทร์" และได้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องในบริษัทเสกสรรเทปของประจวบ จำปาทอง นับเป็นนักร้องหญิงคนแรกของบริษัท หลังจากที่มีนักร้องชายเสียงดีชาวสุพรรณคือเสรีย์ รุ่งสว่าง เซ็นสัญญามาก่อน

ผลงานเพลงลูกทุ่งของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ได้ทยอยออกมาอย่างมากมาย ปี 2525 นับเป็นปีทองของพุ่มพวง ที่ส่งผลให้พุ่มพวงได้รับทั้งชื่อเสียงและรายได้มหาศาลที่ตามมา เนื่องจากเธอได้ร่วมงานกับครูเพลงลพ บุรีรัตน์ ครูลพได้แต่งเพลงหลายเพลงที่กลายเป็นเพลงยอดนิยมมาจนถึงปัจจุบัน เช่น เพลงสาวนาสั่งแฟน นัดพบหน้าอำเภอ อื้อฮือหล่อจัง กระแซะเข้ามาซิ ฯลฯ

นอกจากเนื้อหาสาระและทำนองเพลงที่เร้าใจ สนุกสนานแล้ว เอกลักษณ์เฉพาะตัวในการร้องการเต้นที่กลมกลืนสอดรับกับเนื้อเพลง อารมณ์เพลง เธอจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีความสามารถในการร้องเพลงยอดเยี่ยม และมอบฉายา "ราชินีลูกทุ่ง" สืบต่อจาก ราชินีลูกทุ่งคนก่อน คือผ่องศรี วรนุช

วันที่ 13 มีนาคม 2535 พุ่มพวง ป่วยเป็นโรคไต อาการอยู่ในขั้นรุนแรงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตากสิน จ.จันทบุรี ต่อมาย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช แพทย์ตรวจพบว่า พุ่มพวงมีอาการภูมิแพ้ตัวเองหรือโรค เอส แอล อี (Syatemic Lupus Erythematosus - SLE) อาการอยู่ในขั้นอันตรายลุกลามถึงไต

วันที่ 13 มิถุนายน 2535 หลังจากออกจากโรงพยาบาลศิริราช พุ่มพวงเดินทางไปจังหวัดพิษณุโลก เพื่อกราบพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เวลาประมาณ 13.00 น. พุ่มพวงช็อกและหมดสติ ญาติจึงนำส่งโรงพยาบาลพุทธชินราช และในวันนั้นเองพุ่มพวงก็ได้ถึงแก่กรรมอย่างสงบในเวลา 20.45 น. ขณะมีอายุได้เพียง 30 ปี

ผลงานเกียรติยศ ของ พุ่มพวง ดวงจันทร์ 1. ได้รับรางวัลนักร้องดีเด่น เสาอากาศทองคำพระราชทาน ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2521 จากเพลง"อกสาวเหนือสะอื้น" 2. ได้รับคัดเลือกเพลงลูกทุ่งดีเด่น ตามโครงการส่งเสริมศิลปิน โดยการจัดของคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ในการจัด "กึ่งศตวรรษลูกทุ่งไทย" ครั้งที่ 1 จากการขับร้องเพลง "สาวนาสั่งแฟน" และครั้งที่ 2 กึ่งศตวรรษลูกทุ่งไทย ภาค 2 จากการขับร้องเพลง "สยามเมืองยิ้ม"

นอกจากนั้นยังได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้เป็นผู้ขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ "ส้มตำ" ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในงาน "กึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย"ภาค 2 ครั้งที่ 2 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรด้วย เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2534

[attach=1]

ขอบคุณข้อมูลจาก
Facebook.com/KasemNEWS : Kasemnews@hotmail.com