ขานรับเซฟตี้ไทยแลนด์ เล็งเข้า ครม.เพิ่มความปลอดภัยทุกมิติเป็นวาระแห่งชาติ

[ทีมงานบ้านเรา]

รัฐ-รัฐวิสาหกิจ ขานรับเซฟตี้ไทยแลนด์ เล็งเข้า ครม.เพิ่มความปลอดภัยทุกมิติเป็นวาระแห่งชาติ

คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ขานรับนโยบาย Safety Thailand เพิ่มมาตรการความปลอดภัยในทุกมิติ ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ กสร.เตรียมเสนอเรื่องเข้าครม.พิจารณาลงนามความร่วมมือ 6 กระทรวงหลัก กพร.ร่างหลักสูตรด้านความปลอดภัยอบรมลูกจ้างเกี่ยวข้องบริการสาธารณะ

พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวในโอกาสเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน ว่า คาดหวังให้ทุกหน่วยงานเห็นความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยในการทำงานโดยการสร้างจิตสำนึก รวมทั้งการดำเนินการตามมาตรการโดยเร็ว ทั้งนี้ประเทศในแถบยุโรปมีการปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยจนเป็นระเบียบปฏิบัติที่ชัดเจนประจำอยู่แล้ว ขณะเดียวกันประเทศไทยจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องไปถึงจุดนั้นให้ได้

หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการขับเคลื่อนความปลอดภัยในภาพรวมของประเทศโดยจับมือกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในงานด้านความปลอดภัยเพื่อร่วมลงนามความร่วมมือในเบื้องต้นมีอยู่ 6 กระทรวง อาทิ กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น สำหรับขั้นตอนการดำเนินการนั้นกระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) จะนำเรื่องความปลอดภัย หรือ Safety Thailand เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติและส่งเสริมทศวรรษแห่งความปลอดภัยในระยะที่ 2 โดยเรียนเชิญ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและสักขีพยาน เบื้องต้นกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กำลังจัดทำร่างหลักสูตรเพื่ออบรมด้านความปลอดภัยให้แก่ลูกจ้างที่เกี่ยวข้องกับบริการสาธารณะ เพื่อให้ตระหนักถึงความปลอดภัยในการให้บริการ จึงขอเชิญชวนหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมรณรงค์เรื่องความปลอดภัยไปพร้อมกันเพื่อเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากทุกองค์กรมีมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มข้นอยู่แล้วตามความแตกต่างของลักษณะงานแต่ละแห่ง

ด้าน นางสาวพรรณี ศรียุทธศักดิ์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวว่า ที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริการสาธารณะ ทั้งนี้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญและความห่วงใยถึงความปลอดภัยแก่ประชาชนที่ใช้บริการสาธารณะ ซึ่งหลายครั้งส่งผลต่อนักท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศ ประกอบกับที่ผ่านมาประเทศไทย โดยกระทรวงแรงงานได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 187 ว่าด้วยกรอบเชิงส่งเสริมการดำเนินงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ค.ศ. 2006 แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยได้ยกระดับการดำเนินงานด้านความปลอดภัยสู่ระดับสากล ทั้งนี้ปัจจุบันมีหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจำนวน 64 แห่ง ที่จะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 และความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย

[attach=1]

ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์