ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ธรรมะบางส่วนจากหลวงปู่พุทธะอิสระ

เริ่มโดย คุณหลวง, 13:09 น. 22 พ.ย 54

คุณหลวง

    สะบายดี...

    อันนี้ ผมคัดลอกมาจากประวัติ ของหลวงปู่พุทธอิสระ วัดอ้อน้อยครับ อยากให้หลายๆท่านที่สนใจสมาธิได้อ่าน และส่งความตั้งใจนี้ไปยังพี่ "คนค้าแก้ว" ด้วย เพราะเมื่อพี่ตั้งใจจะรู้ เห็น สัมผัสจิตของตนแล้วก็เท่ากับว่ากำลังก้าวสู่เส้นทางอันประเสริฐ

     
    "คนเรา จงทำตัวเองให้มีศรัทธาเถิดอย่าเที่ยวไปวิ่งหาศรัทธาจากที่อื่นเลย จงอย่าเอาใจไปผูกกับคนอื่นเลยจงผูกใจไว้กับตัวเองเถิด การที่คนเราทำดีจนสามารถกราบไหว้ตัวเองได้อย่างสนิทใจนั่นแหละคือสิ่งที่วิเศษสุด"

อีกเรื่องหนึ่งที่ "หลวงปู่" มักจะเตือนเสมอก็คือ

    ครั้งหนึ่งมีเณรรูปหนึ่งจิตใจฟุ้งซ่านเปลี่ยนอาจารย์มาหลายสำนักแล้วก็ไม่ ก้าวหน้าขึ้นเลยเผอิญ ได้ยินกิตติศัพท์หลวงปู่จึงมุ่งมาที่นี่แต่ทนอยู่กับหลวงปู่ได้สองวันก็มาลาหลวงปู่ไปต่อ หลวงปู่ทำตาเหลือกใส่ "หา จะไปต่ออีกหรือนี่ เธอยังเร่ร่อนไม่พออีกหรือจ๊ะ"

เณรพูดว่า "ที่นี่ไม่สงบเงียบครับ เณรอยากจะหาที่เงียบ ๆ พิจารณาธรรมไปเรื่อย ๆ "

หลวงปู่จึงเทศนากัณฑ์ใหญ่มีใจความว่า

    "ไม่มี ที่ไหนจะเหมาะกับตัวเราหรอกเพราะเราทำตัวไม่เหมาะสมกับทุกที่เณรเข้าใจคำว่าสมาธิแค่ไหนสมาธินั่งตัวแข็งทื่อหลับตาปี๋หรือ นั่นมันสมาธิตอไม้จ๊ะเพราะสมาธิที่ถูกต้องหมายถึงความแข็งแกร่งของจิตที่พร้อมที่จะทำหน้าที่การงานที่สร้างสรรค์ตลอดเวลาต่างหาก"

ในคืนหนึ่ง ที่ลานหินโค้ง บริเวณถ้ำไก่หล่น "หลวงปู่"ได้นั่งสนทนาธรรมกับลูกหลานตอนหนึ่งหลวงปู่ได้อธิบายถึงกระบวนการทำงานของจิตโดยสมมติเลข 6 ขึ้นมาแล้วถามว่า

    "ก่อนถึงเลข 6 จะต้องผ่านเลขหนึ่งมาก่อน 1...2...3...4...5...ก่อนใช่ไหม ? อารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดจากผัสสะก็เช่นกันต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนกว่าจะ มาถึงจุดนี้ผู้ ที่รู้ไม่เท่าทันอารมณ์จะไม่รู้ถึงข้อนี้ ทันทีที่ตาเห็นรูปหูได้ยินเสียงจมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส เขาจะเกิดเวทนาทันที ทันใด ยับยั้งอารมณ์ต่าง ๆไม่ได้ผู้ที่มีสติปัญญาเท่านั้นถึงจะรู้ทันมันสามารถยับยั้งอารมณ์ต่าง ๆให้เกิดขึ้นช้าลงน้อยลงและในที่สุดไม่เกิดอารมณ์ปรุง แต่งใด ๆ เลยขึ้น อยู่กับการฝึกฝนสติปัญญาของแต่ละคน......"

    "อยากเป็นคนเก่ง ต้องหมั่นฝึกอบรมสติปัญญาต้องสั่งสมเรื่อยมา
อยากเป็นคนพูดจาไพเราะน่าฟังต้องพูดแต่สิ่งดีมีประโยชน์
อยากสวยต้องรักษาศีล อยากมีบริวารต้องรู้จักศรัทธาฟังผู้ อื่น
อยากมีวาสนาต้องเป็นผู้ให้ ทำดีต้องได้ดีจะเป็นชั่วไปไม่ได้"



    เวลาหลวงปู่สวดมนต์ เสียงของท่านไพเราะจับใจมากท่านเคยสอนว่าการจะสวดมนต์ให้ได้ ผลดีเราจะต้องเตรียมตัวดังนี้

    หนึ่งกาย สะอาด หมายถึง การวางภาระทางโลกต่าง ๆ ลงเสียฝึกระเบียบทางกาย ที่เรียกว่ามี กายศักดิ์สิทธิ์

    สองวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ คือ การฝึกใจให้สะอาดบริสุทธิ์ สงบปราศจากความโลภ โกรธ หลง เรียกว่า มีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์    เมื่อมีสองศักดิ์สิทธิ์แล้ว

    สามธรรมศักดิ์สิทธิ์ก็จะเกิดขึ้นด้วย และการสาธยายมนต์จะดีไปโดยปริยายมีผู้ถามหลวงปู่ว่า ทำอย่างไรเราถึงจะไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ ? หลวงปู่ตอบว่า

    "อารมณ์ทั้งหลายเป็นเพียงอาการของจิต มันเป็นเพียงมายาของจิต เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป โดยธรรมชาติแล้ว จิตของคนเราจะไม่มีว่างถ้าว่างก็เป็นเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่า นั้นอารมณ์ ทั้งหลายที่เกิดขึ้นจึงเปรียบเสมือนแขกที่มาเยือนเราเป็นครั้งคราวเราเป็นเจ้าของบ้าน เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกต้อนรับแขกในเมื่อเรารู้อยู่ว่าถ้าเราออกไปรับอารมณ์ภายนอกก็เท่ากับ เราไปยืนอยู่นอกบ้าน รับพายุฝนทั้ง เปียก ทั้งหนาว จะเอาไหม เราก็ไม่เอา เราต้องสลัดทิ้งแล้วอะไรล่ะที่จะเป็นตัวควบคุมให้ เกิดการรู้เท่าทันอารมณ์ ก็สติอย่างไรล่ะสติเป็นส่วนหนึ่งของจิต แต่เป็นฝ่ายกุศล......"

    หากกุศลใดเกิดขึ้นจากการเผยแพร่คำสอนของหลวงปู่ในครั้งนี้บ้าง แม้เพียงเล็กน้อย ขอน้อมถวายหลวงปู่ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพล อดุลยเดช เทอญ

สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

คนค้าแก้ว

ขอบตุณครับคุณหลวง ผมได้ประโยชน์มากเลย จะค่อยๆละเมียดคำสอนนี้ จะค่อยๆฝึกไปเรื่อยๆคงจะเห็นแสงแห่งธรรมเข้าสักวัน ตอนนี้ขอแต่สงบจิตได้วันละห้านาทีคิดว่าดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย สวดชินบัญชรสักหนึ่งจบ แล้วพยายามทำอย่างที่พี่เคยบอกคือให้รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ตอนนี้ฝึกอยู่ขั้นนี้อยู่ครับ จะติดตามข้อแนะนำของพี่ไปเรื่อยๆ ถ้ามีข้อสงสัยไม่เข้าใจจะแวะเวียนมาถามนะครับ ขอบคุณครับ
ไม่ต้องบินสูงอย่างใครเขา จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร แต่บินไปให้ถึงฝันเท่านั้นพอ