ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

50 ปีหลังกึ่งพุทธกาล

เริ่มโดย ปั่น ปั่น, 08:57 น. 01 ม.ค 55

ปั่น ปั่น

คนชั่วจะมีอำนาจ

คนดีจะเป็นใบ้

อยากพูดจริงต้องเงียบไว้

คนจัญไรจะเีสียงดัง
----------------


ท่าจะจริง

ปั่น ปั่น

ทำไมท่านบอกได้ล่วงหน้าถึง 2500 ปี ราวเห็นด้วยตาตนเอง

ทำไมคนส่วนใหญ่มัวไปกราบไหว้ หมาประหลาด หน่อไม้ประหลาด ฯลฯ



ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย คนพูดความจริงมักจะตาย

คนโกหกแต่ให้เงิน = คนพูดความจริง น่านับถือกระนั้นหรือ


เราจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง

คุณหลวง

อ้างถึงข้อความโดย: ปั่น ปั่น « เมื่อ: 08:59 น. วันที่ 01 ม.ค.55 »

เราจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง

    เปลี่ยนแปลงตัวเองครับ เราไม่สามารถเปลี่ยนโลกได้ แต่เมื่อเราเปลี่ยนตัวเอง โลกก็เปลี่ยนไปเช่นกัน อย่างน้อยที่สุดเมื่อรู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดเลว เราก็สามารถเลือกที่จะทำ ที่จะเป็นได้แล้วครับ

    เห็นตัวอย่างจากคนเลว แล้วคุณเข้มแข็งพอที่จะเป็นคนดีไหม หรือ คุณต้องเลวตามเค้าไป
    เห็นคนดีแล้ว คุณกล้าสนับสนุน กล้าเคียงข้างเขาไหม กล้ายกย่องเขาไหม


    เมื่อเรามั่นคงแล้ว คนที่เขาอิงเราอยู่ก็จะพยายาม หรือ เป็นคนเข้มแข็งอย่างเรา นั่นเท่ากับว่าเรากำลังสร้างสิ่งดีงามแก่โลกและสังคมนี้

    คนที่รู้จักกิเลสในใจตนเท่ากับรู้จักกิเลสทั้งมวล แม้ไร้ญาณวิเศษก็บอกได้ครับว่า กิเลสจะนำพาไปทางใด


สะบายดี...(๒)๕๕๕
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

ปั่น ปั่น

อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 11:46 น.  02 ม.ค 55
    เปลี่ยนแปลงตัวเองครับ เราไม่สามารถเปลี่ยนโลกได้ แต่เมื่อเราเปลี่ยนตัวเอง โลกก็เปลี่ยนไปเช่นกัน อย่างน้อยที่สุดเมื่อรู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดเลว เราก็สามารถเลือกที่จะทำ ที่จะเป็นได้แล้วครับ

    เห็นตัวอย่างจากคนเลว แล้วคุณเข้มแข็งพอที่จะเป็นคนดีไหม หรือ คุณต้องเลวตามเค้าไป
    เห็นคนดีแล้ว คุณกล้าสนับสนุน กล้าเคียงข้างเขาไหม กล้ายกย่องเขาไหม


    เมื่อเรามั่นคงแล้ว คนที่เขาอิงเราอยู่ก็จะพยายาม หรือ เป็นคนเข้มแข็งอย่างเรา นั่นเท่ากับว่าเรากำลังสร้างสิ่งดีงามแก่โลกและสังคมนี้

    คนที่รู้จักกิเลสในใจตนเท่ากับรู้จักกิเลสทั้งมวล แม้ไร้ญาณวิเศษก็บอกได้ครับว่า กิเลสจะนำพาไปทางใด


สะบายดี...(๒)๕๕๕

ขอบคุณครับคุณหลวง ท้อนิดหน่อยกับความวุ่นวายทั้งภายนอก และภายใน

จำได้ว่าเคยฟังวิทยุเมื่อครั้งบวช มีหลวงพ่อเทศน์ผ่านวิทยุว่า "ไปนิพพานยังไม่ใช่ที่สุด โปรดสัตว์สิจึงที่สุดจริง"

คนเลวไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นสัตว์ที่เราต้องไปโปรดเขา แต่ท่าจะยากน่าดู

โลภะ

โลกวุ่นวายเกิดจากความโลภ ความอยาก  ของมนุษย์ทั้งสิ้น

คุณหลวง

ท้อมั่งไรมั่ง ธรรมดาครับท่าน ไม่ท้อเลยสิ แปลก แต่ท้อคนอ่อนแอ ท้อแล้วเลิก ท้อคนเข้มแข็ง ท้อแล้วคิดว่าทำอย่างไรต่อไป ไม่ทิ้งจุดหมาย แต่ผมมาข้องใจคำนี้ครับ



    "ไปนิพพานยังไม่ใช่ที่สุด โปรดสัตว์สิจึงที่สุดจริง"

คือ ฟังดูเป็นอุดมคติ และเป็นสิ่งที่ดี เพียงแต่ว่ามองในแง่วัตถุมากไปหน่อยเท่านั้นเอง เมื่อก่อนอ่านเรื่องของลูกศิษย์ท่านพุทธทาสคนหนึ่ง มาขอบวชกับท่าน โดยให้เหตุผลว่า

    "บวชแล้วผมจะได้ทำประโยชน์แก่โลกมากขึ้นครับ" เพราะเคยขอบวชหลายครั้ง ท่านพุทธทาสก็เฉยเสีย มาคราวนี้เลยอ้างเหตุผลที่คิดว่าท่านต้องไม่ปฏิเสธ แต่ท่านพุทธทาสตอบว่า

    "โอ้ย..ถ้าคุณทำตัวเองให้ดีได้แล้ว อยู่เฉยๆก็เป็นประโยชน์กับโลกแล้ว"
ผมเคยสงสัยประโยคนี้ครับ เพราะคิดเหมือนกันว่า ต้องทำอะไรๆสิ จึงจะเป็นประโยชน์กับโลก แต่เมื่อได้อ่านเรื่องราวของพระอัสสชิ ศิษย์รุ่นแรกของพระพุทธเจ้า เทศน์ไม่เป็น พูดได้สั้นๆ ที่พูดกับท่านสารีบุตรนั้นเรียกว่ายาวแล้วครับ แต่พระสารีบุตรศรัทธาท่านอัสสชิเพราะกิริยาของท่านต่างหาก

    เมื่อคนที่มีจิตสงบเย็น อาการกายก็จะเย็น คนพบเห็นสัมผัสก็จะเย็นตามไปด้วย แม้ไม่ต้องทำหรือพูดอะไรๆกันเลย

    เมื่อคลื่นแห่งความเย็นกระจายออกมา คลื่นความสงบ ความสุขกระจายออกมา นั่นเท่ากับชะลอความร้อน หรือชะลอความหมุนไปทางทรามของโลกแล้วครับ เป็นการทำประโยชน์ที่ตาเนื้อมองไม่เห็น ดังนั้น คนที่นั่งสงบใจอยู่คนเดียวในห้องจึงเป็นการทำประโยชน์แก่โลกไปในตัวแล้วครับ

    (กระแสจิตนำพาโลก เมื่่อกระแสใดแรงก็จะนำพาโลกไปทางนั้น อย่างเช่น เมื่อเราเข้าไปในที่ที่มีแต่คนเครียด คุมแค้น เราจะอึดอัด หรือเกิดความเครียดตามไปด้วย แม้ไม่ต้องพูดหรือทำอะไรเลย แต่เมื่อเราเข้าไปในที่ที่คนสงบเย็น เราก็จะรู้สึกเย็นกาย เย็นใจไปด้วย สังเกตุดูครับ ผู้หญิงอ่อนไหวหลายคนจึงพบพิรุธได้จากคนรักแม้ไม่มีอาการกายพิรุธให้เห็น ระวังนะครับ จิตมันรับกระแสจิตได้ครับ)

    แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องช่วยเหลือกันทางกายหรือวัตถุนะครับ เราต้องช่วย เพราะการช่วยเหลือภายนอกก็ส่งกระแสความรัก ความหวังดี ความมีคุณค่าต่อกันถึงใจ ยิ่งคนช่วยมีจิตเมตตา มีกระแสความรัก ความอ่อนโยนมากเท่าไหร่ ยิ่งสื่อถึงใจมากขึ้นเท่านั้น แม้คนเย็นชามากยังสัมผัสกระแสนี้ได้ แต่ต้องใช้เวลาแห่งการยอมรับ แม้สัตว์ก็เป็นเช่นนี้ (ผมว่าคุณฝน(for get me not) น่าจะมีประสบการณ์เรื่องนี้ เพราะเธอช่วยเหลือสัตว์ถูกทิ้ง เล่าให้ฟังบ้างก็ดีครับ ขออนุโมทนา)

    อย่ามองภายนอกให้มากไปครับ เพราะจะทำให้เราท้อ ท้อไปหน้าจนไม่อยากทำอะไร อย่าหวังผลเลิศเกินไปในเร็ววัน ทำเำพื่อดีในตน อย่าเพื่อคนเยินยอ เพราะทำดีดีแล้วเป็นพร ( ส.ใส่แว่นกันแดด) เป็นกำลังใจให้ครับท่าน

    พูดซะยาว รู้สึกว่ายังไม่เข้าเรื่องเลย เฮ้อ...สะบายดี...ครับผ้ม

สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป