ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ท่านมีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไรบ้างครับ

เริ่มโดย คุณหลวง, 10:28 น. 06 ม.ค 55

คุณหลวง

ก็เห็นพูดกันจังว่าพุทธศาสนาเป็นประชาธิปไตย ไม่บังคับใครมานับถือ ใครอยากเข้าถึงความจริงต้องลงมือปฏิบัติ แต่ทำไมต้องไปลบหลู่ความเชื่อ ดูถูกความชอบของคนอื่นด้วย ก็คนเหล่านั้นเขาพอใจและเชื่อศรัทธาในพระเครื่อง เขามีความสุขที่ได้ห้อยพระเครื่อง เป็นสิทธิของเขาไม่ใช่หรอ ทำไมต้องไปว่าด้วย


เก็บมาจากเว็บลานธรรมจักรครับ เลยนำมาเพื่อพิจารณากันในกิมหยงครับ
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

ชอบคิด

ใช่แล้วครับ ใครชอบอะไรก็ไม่เกี่ยวกับใคร พระเครื่องก็เป็นสิ่งที่ระลึกถึงพุทธคุณ เป็นพุทธานุสสติครับ

คุณหลวง

ขอขมาที่ต้องลบข้อความบางส่วนออกครับ

กันกระทบถึงบุคคลอื่นโดยไม่จำเป็นครับ ผมยกมาเพื่อพิจารณษเรื่องพุทธศาสนาเป็นประชาธิปไตยอย่างไรไหมเท่านั้น

ขอขมาท่านชอบคิดด้วยครับ ขอบคุณที่แสดงความเห็นครับ และหวังว่าจะมีกระทู้ธรรมต่อไปเรื่อยๆ

  สะบายดี...
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

ฅนเกาะเสือ

อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 10:28 น.  06 ม.ค 55
ก็เห็นพูดกันจังว่าพุทธศาสนาเป็นประชาธิปไตย ไม่บังคับใครมานับถือ ใครอยากเข้าถึงความจริงต้องลงมือปฏิบัติ แต่ทำไมต้องไปลบหลู่ความเชื่อ ดูถูกความชอบของคนอื่นด้วย ก็คนเหล่านั้นเขาพอใจและเชื่อศรัทธาในพระเครื่อง เขามีความสุขที่ได้ห้อยพระเครื่อง เป็นสิทธิของเขาไม่ใช่หรอ ทำไมต้องไปว่าด้วย


เก็บมาจากเว็บลานธรรมจักรครับ เลยนำมาเพื่อพิจารณากันในกิมหยงครับ


ถูกต้องที่สุดครับ พระเครื่องก็คือสิ่งที่ไว้สำหรับยึดเหนี่ยวทางใจ คนเราหากไม่มีอะไรสักอย่างไว้ยึดเหนี่ยวแล้ว อาจจะเคว้งดว้าง เลื่อนลอย ก็ได้ มันอยู่ที่ใจ..ศรัทธา..ครับว่ากันไม่ได้หรอก ..เคยฟังพ่อเล่าว่าสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑มีคนไทยโดนเกณฑ์ทหารไปรบ พ่อของแกให้พระเครื่องไปหนึ่งองค์ บอกให้อมไว้ยามออกสนาม แกก็ทำตาม ขณะที่กำลังลาดตระเวณอยู่นั้น เกิดปะทะฝ่ายตรงข้าม ระดมยิงอย่างหนัก แกมีกำลังใจมากมายรุกคืบหน้าไม่ถอย ท่ามกลางห่ากระสุนแก บังเอิญอ้าปาก พระหลุดออกมา ด้วยความรีบเร่งแกคว้าเอา ลูกเขียดใส่ปาก โดยคิดว่าเป็นพระองค์เดิม ..รุกคืบเช่นเดิม เขียดในปากขาดอากาศดิ้นใหญ่เลย..แกคิดว่าพระขึ้น..ของขึ้น ยิ่งรุกใหญ่ จนไล่ข้าศึกหนีหมด หลังจากเครียร์พื้นที่เรียบร้อย กะว่าจะคายพระมาเก็บ..คายออกมาที่ไหนได้ พระ..กลายเป็น..เขียดน้อย.. นี่คือตัวอย่างของกำลังใจครับ(ผิดพลาดขออภัยขอรับ)
แม้ ความรู้อันน้อยนิด อาจช่วยชีวิต คนเป็น ร้อย

wallop

ผมเป็นเด็กยากจนเคยอยู่กับเกจิอาจารย์สายเขาอ้อท่านหนึ่ง ท่านเสียชีวิตไปแล้ว และมีศิษย์อยู่ร่วมกันหลายคน บางคนอาจารย์สอนธรรมะให้ เท่าไหร่ก็ไม่ค่อยสนใจ และบางคนสนใจแต่ก็ไม่ค่อยปฏิบัติ  พออาจารย์มอบวัตถุมงคลให้ไปบอกว่าจะต้องบูชาด้วยคาถานี้ก่อนนำขึ้นแขวนก่อนออกจากบ้าน และต้องรักษาศีลปฏิบัติดีประกอบด้วยพระท่านจึงจะคุ้มครอง ศิษย์ที่เชื่อเช่นนี้ และปฏิบัติตามก็เป็นคนดีได้เช่นกัน ผมก็มีวัตถุมงคลอยู่มากมายเพราะคนที่เขารักศรัทธามอบให้ผมก็ไม่เคยปฏิเสธนำมาเก็บไว้ด้วยความเคารพ เพราะถือว่าคนที่ให้เขามีความตั้งใจดี แต่ก็ไม่ค่อยได้นำขึ้นคอเนื่องจากมีมากเหลือเกิน และบางครั้งผมเองก็เลือกหามาเพราะมีความสวยงามทางศิลปะด้วย  ส่วนที่มีอายุนาน ๆ มักมีคนมาขอซื้อแต่ผมไม่เคยขายมักให้เปล่า อีกประการหนึ่งก่อนนอนนอกจากจะสวดมนต์ในใจแล้ว ผมยังชอบนอนท่องคาถากำกับพระแต่ละองค์ที่มีอยู่เท่าที่จำได้ ท่องไปทีละองค์ เช่น คาถาหลวงพ่อทวด หลวงพ่อคล้าย หลวงพ่อสง หลวงพ่อ........ไปจนหลับ
ยืนด้วยขาตนเอง

คุณหลวง

 ส.อืม

พระพุทธศาสนา ที่จริงไม่ได้เป็นประชาธิปไตยหรอกครับ เป็นธรรมาธิปไตย ยึดธรรมเป็นหลัก ธรรมซึ่งพระพุทธองค์กล่าวว่า พระองค์มีสิ่งเคารพเพียงสิ่งเดียว คือ ธรรม

แม้สัจธรรมสูงสุดมิได้มีวัตถุ หรือ ความเชื่อใดๆเป็นเครื่องยึดถือ แต่การเดินทางเข้าสู่สัจธรรมสูงสุดของคนธรรมดาๆนั้น มันจำเป็นที่จะต้องมีที่ยึดเหนี่ยวไปเรื่อยๆ จนถึงที่สุดก็จะวางได้เอง

พระพุทธองค์จึงมิได้ตำหนิการยึดถือสิ่งที่เป็นไปเพื่อการเข้าสู่สัจธรรม แต่ตำหนิหากผู้นั้นยึดถือ หรือ นำไปใช้อย่างผิดๆ เพราะหากพระพุทธองค์จะตำหนิความยึดถือทุกสิ่งแล้ว การที่พระใหม่ๆพระที่ยังเป็นเสกขบุคคลยึดถือพระวินัยอยู่ พระวินัยนั้นก็ต้องถูกตำหนิด้วย ทั้งๆที่พระองค์บัญญัติมาเอง

เมื่อมองในแง่นี้ พระพุทธองค์บัญญัติพระวินัยขึ้นมาเพื่อยึดถือปฏิบัติ พระองค์ไม่ตำหนิผู้ยึดถือพระวินัยในการประพฤติตนเพื่อการเข้าสู่ธรรม แต่ตำหนิเฉพาะผู้ยึดถืออย่างผิดๆเท่านั้น เช่น ยึดถือว่าตนดีกว่าผู้อื่นเพราะวินัยมากกว่า เคร่งกว่า ยึดถือว่าตนวิเศษเพราะการยึดถือตามวินัยแล้วข่มผู้อื่น เป็นต้น ซึ่งการยึดถือประเภทนั้นเท่ากับเพิ่มกิเลสแก่ตนมิใช่ละ

ดังนั้น การยึดถือในพระเครื่องจะผิดหรือถูกอยู่ที่แต่ละคนว่ามีความยึดถือในพระเครื่องนั้นอย่างไร มิใช่เป็นความผิดของพระเครื่อง พระเกจิที่สร้างพระเครื่องเพื่อเกื้อกูลประชาชนในแง่ต่างๆก็เป็นสิ่งที่ดีระดับหนึ่ง แต่ผู้ที่สร้างเพื่อให้งมงาย เพื่อพาณิชย์นี่ก็ควรค่าแก่การตำหนิครับ

การอยู่ร่วมสังคม มีทั้งเห็นด้วย เห็นต่าง อย่าทุกข์เพราะคำคนเลยครับ ขอให้รู้ใจตัวเองก็พอ

แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงความเห็นของผมเท่านั้นครับ

                                                                                    สะบายดี...
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

คนค้าแก้ว

นั่นสิครับทุกอย่างอยู่ที่ศรัทธาแต่ถ้าเราเอาความศรัทธามาตีเป็นค่าเงินมันไม่ถูกต้อง พระเครื่องของเกจิอาจารย์ที่ท่านตั้งจิตปลุกเสกขึ้นมาไม่ว่ารุ่นไหนๆของท่านถ้าเราศรัทธาผมเชื่อว่ามีความขลังมีความศักดิ์สิทธิ์เหมือนๆกัน คงไม่ใช่รุ่นแรกดีกว่ารุ่นที่สามอะไรยังงั้น ยิ่งถ้าได้รับจากมือของท่านแล้วนำมากราบไหว้บูชาระลึกถึงคำสอนของท่านผมว่าน่าจะยิ่งดีนะครับ
ไม่ต้องบินสูงอย่างใครเขา จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร แต่บินไปให้ถึงฝันเท่านั้นพอ

แป้ง2

ใครจะรักใครชอบใคร นับถือใคร ก็อย่าทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนก็เป็นพอนะจ๊ะ  ส่วนตัวข้าพเจ้าเองไม่รู้ทำไมชอบพระเครื่องหรืออะไรที่เป็นมงคลกับตัวเองชอบจริง ๆใครให้มารับหมด ชอบคับ สุขหรือทุกขอยู่ที่ใจ  ไม่ต้องไปว่าใครหรอก  แต่ละวันให้สำรวจตัวเองให้บ่อย ๆ

คุณหลวง

อ้างถึงผมยังชอบนอนท่องคาถากำกับพระแต่ละองค์ที่มีอยู่เท่าที่จำได้ ท่องไปทีละองค์ เช่น คาถาหลวงพ่อทวด หลวงพ่อคล้าย หลวงพ่อสง หลวงพ่อ........ไปจนหลับ


   ผมชอบวิธีการของพี่ wallop ครับ ผมเองก็มักทำบ่อยๆ แต่มักใช้การท่องนามของพระแต่ละรูปมากกว่า ตั้งแต่พระพุทธเจ้าเรื่อยมา คิดออกพระรูปใดก็เอ่ยนามรูปนั้น องค์นั้น แต่ในมโนภาพนั้นจะสร้างไว้รูปเดียวคือรูปรอยยิ้มของพระที่อิ่ม เย็น สงบ ทรงไว้ซึ่งความงามบริสุทธิ์

    เคยอ่านหนังสือของหลวงปู่ฤาษีลิงดำ ท่านว่า การทำอย่างนี้เป็นการสงบจิต ทำให้หลับเป็นสุข แม้นตายระหว่างนั้นก็ไปสู่สุคติก่อน

    แต่บางทีก็ลืมครับ เหนื่อยหนักๆเข้าตั้งหลังก็หลับ บางทีนึกถึงรอยยิ้ม หรือท่าทางเซ็กส์ซี่ของสาวๆจากนิตยสารดารา-นางแบบ เอฟเอ็ชเอ็ม ที่เห็นมาจากร้านหนังสือตอนกลางวัน ก็...เฮ้อ..หลับฝันดีไปอีกแบบนึงครับ  ส.ฉันเอง ส.ฉันเอง ส.ฉันเอง ส.ฉันเอง

    สะบายดี...กันทุกคนนะครับ
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

noy99

 ส-ดีใจ ส.โอ้โหฝาก www.yantip.com  ชื่อ แม่คุณ คนเดียวกับnoy99 นะคะ เขียนกระทู้ไว้อ่านมากมาย ส.หลกจริง ส.ยักคิ้ว

wareerant

ผมไม่แขวนพระ ไม่ใส่แหวน ไม่ใส่สร้อย ไม่ชอบใส่หมวก นาฬิกา ไม่ชอบเอาอะไรมาใส่ มาแขวนตามร่างกาย เพราะรู้สึกไม่เป็นอิสระ

puiey

เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ ไม่ชอบก็ไม่มีสิทธิไปดูถูกคนอื่นว่างมงาย เพราะมันอาจจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเค้าได้ดีกว่าสิ่งอื่นครับ
โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ

Arsenal

    พระเครื่องเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ  แต่ถ้าผู้ที่เเขวนไม่รักษาศีลบ้าง  ต่อให้พระดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถช่วยได้ครับ  (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว  สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมครับ  หมั่นทำดีเข้าไว้ ไม่เบียดเบียนใคร  จะมีแต่สิ่งดีๆ  เข้ามาในชีวิตครับผม)

ม้าเหล็ก