คิดยังไงกับเด็กอนุบาล ที่ต้องเรียนระบบสองภาษา

[หวาน เย็น]

ช่วยกันแชร์ความคิดเห็นหน่อยค่ะ
เรื่องเด็กที่จะเข้าเรียนชั้นอนุบาล
- จำเป็นหรือไม่ที่ต้องเรียนเป็นระบบสองภาษา Bi-lingual
- ถ้าเรียนแล้วจะดีกับเด็กอย่างไร (เด็กจะจำได้หรือ)
- ถ้าเรียนระบบธรรมดา (มีสอนภาษาอังกฤษ)บ้าง แล้วค่อยไปเริ่มเรียนป.1 จะช้าเกินไปสำหรับเด็กมั๊ยคะ

อยากรู้ เพราะมีลูกหลานจะเข้าอ.1 แต่ยังไม่ค่อยเห็นความสำคัญกับ Bi-lingual ซักเท่าไหร่ 

[mam16]

ส่วนตัวคิดว่าภาษาอังกฤษมีความสำคัญเพราะถ้ามีความชำนาญโอกาสทางการศึกษาและการทำงานจะมีมากขึ้น
เรื่องการเรียนในหลักสูตรสองภาษาหากผู้ปกครองมีกำลังและสามารถให้เรียนต่อเนื่่องได้ก็เป็นสิ่งดี...
แต่หากเรียนแค่ในระดับอนุบาล-ประถมพอเข้ามัธยมได้ก็ทิ้งไปคงจะน่าเสียดายเวลาค่ะ

[donrakna]

อืม...     ก็น่าคิดเหมือนกันเน๊าะ
ผมว่าเรียนก็ดี  ไม่ได้เรียนก็ไม่เห็นจะเป็นไรอาน่ะ 
ถ้าโรงเรียนชูนโยบายเน้นคุณธรรมและจริยธรรมตั้งแต่เด็กผมแนะนำขาดใจเลย 

[ขุนศึก]

ลองศึกษาจากลิงค์นี้ดูครับ เข้าใจง่ายดี Click ที่นี่

ส่วนตัวคิดว่าหากตั้งใจจะให้ลูกเรียนระบบสองภาษาแล้ว ก็ควรให้เรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปเลยครับ ขึ้นป.1ไปจะได้ไม่หนักเกินไปสำหรับลูก เพราะถ้าต้องเรียนไล่คนอื่นแล้วกลัวลูกจะท้อซะก่อนน่ะครับ

[ยางใหญ่]

มีคนจำนวนมากที่กลัวลูกไม่เก่ง กลัวไม่เท่าทัน ลูกเพื่อนบ้านคนรู้จักกัน พ่อแม่กลัวจะเสียหน้ามาก ทั้งๆที่พ่อแม่เองก็ไม่รู้ว่ามีอะไรที่ปลายอุโมง ขอแนะนำอย่างนี้น่ะครับ ฟังไว้อีกแง่มุมหนึ่งน่ะครับ.
โรงเรียน 2 ภาษา หรือ ครูสอนภาษาที่ดี ครูต้องไม่ใช่คนไทย ถ้าเป็นคนไทย ต้องได้สำเนียงภาษาใกล้เคียงเจ้าของภาษา นึกไม่ออกให้ นึกถึงโจนัส คริสตี้ ร้องเพลงไทย หรือ คนไทยที่ร้องเพลงนอกเก่งๆหน่อย. เพราะโรงเรียน 2 ภาษาในเมืองไทยหาดีๆยาก ที่ดีก็แพงครับ สรุปถ้ามีเงินจ่ายแล้วคิดว่าเรียนยาวจนจบป.ตรีเลย อันนี้คุ้มแสนคุ้มครับ แต่ถ้าไม่มั่นคงอย่าเสียเงินเลยครับ เก็บเงินใว้ส่งเรียนตอนเข้ามหาลัยดีกว่า หรือออกรถยนต์ไว้ส่งลูกที่โรงเรียนธรรมดายังคุ้มกว่า
เรียนภาษาให้ได้ดีจริงๆต้องเรียนทุกวันต่อเนื่อง 10 ปี ขึ้นไปครับ

[somjot]

เรียนภาษาอะไรก็ได้ครับ ขอให้เรียนแล้วคุยกับพ่อแม่ญาติพี่น้องรู้เรื่องก็ใช้ได้ ไม่ใช่ไปเรียนแล้วกลับมาดื้อ หัวรั้น ไม่ยอมฟังใคร พูดไม่รู้เรื่อง/พูดไม่รู้ฟัง

[เรียนเข้าไปพูดไม่ได้สักที]

มีคนมาบอกผมว่า "เรียนภาษาอังกฤษ ไม่ต้องไปสนใจไวยากรณ์ ให้เรียนแบบครูเคท คือ เปิดหนัง DVD soundtrack ให้ดู เป็นเวลาสามเดือน ก็จะเก่งเหมือนครูเคท"

ผมฟังแล้วไม่เห็นด้วยเลย ปัจจัยต่าง ๆ ของครูเคทกับของคนทั่วไป ไม่เหมือนกันเลย ทั้งปัจจัยภายใน คือ เซ้นต์ของแต่ละคนไม่เท่ากัน การรับรู้ช้าเร็วไม่เท่ากัน

ปัจจัยภายนอก คือ ครูเคท ฟังแล้วจำ แล้วนำเอาไปพูดได้ทันที เพราะขณะนั้นครูเคทอยู่เมืองนอก เช้าขึ้นมาครูเคท นำภาษาอังกฤษไปฝึกได้ทันที

เราได้ข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้บ้าง สรุปได้ว่า "การฝึกภาษาอังกฤษ จะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าผู้ฝึก ไม่สามารถสนทนา พูดคุยภาษาอังกฤษได้เป็นส่วนใหญ่ของเวลาในชีวิตประจำวัน  ต่อให้เจนจบในเรื่องไวยากรณ์หรือดูsoundtrack dvd สักกี่เรื่อง ถ้าเราไม่ได้ใช้ส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวัน เรียนไปก็เท่านั้น

[ลูกที่แย่ แม่ที่ดี]

เห็นด้วยค่ะ  ถ้าพ่อแม่มีโอกาสสนับสนุนลูก (เงินค่าเทอม) ให้ลูกเรียน สองภาษาไปเลยค่ะ
ตัวเองยังอยากให้ลุกเรียนเลยค่ะ แต่ไม่มีปัจจัย (เงิน) เอื้อน่ะค่ะ เลยให้เรียนแค่ อนุบาลธรรมดา
คอยพูดเป็นภาษาอังกฤษเสริมลูกเองที่บ้านค่ะ

เด็กจะเกิดความเคยชินกับภาษาที่ สองค่ะ

[ถูกใจ]

มีคนมาบอกผมว่า "เรียนภาษาอังกฤษ ไม่ต้องไปสนใจไวยากรณ์ ให้เรียนแบบครูเคท คือ เปิดหนัง DVD soundtrack ให้ดู เป็นเวลาสามเดือน ก็จะเก่งเหมือนครูเคท"

ผมฟังแล้วไม่เห็นด้วยเลย ปัจจัยต่าง ๆ ของครูเคทกับของคนทั่วไป ไม่เหมือนกันเลย ทั้งปัจจัยภายใน คือ เซ้นต์ของแต่ละคนไม่เท่ากัน การรับรู้ช้าเร็วไม่เท่ากัน

ปัจจัยภายนอก คือ ครูเคท ฟังแล้วจำ แล้วนำเอาไปพูดได้ทันที เพราะขณะนั้นครูเคทอยู่เมืองนอก เช้าขึ้นมาครูเคท นำภาษาอังกฤษไปฝึกได้ทันที

เราได้ข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้บ้าง สรุปได้ว่า "การฝึกภาษาอังกฤษ จะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าผู้ฝึก ไม่สามารถสนทนา พูดคุยภาษาอังกฤษได้เป็นส่วนใหญ่ของเวลาในชีวิตประจำวัน  ต่อให้เจนจบในเรื่องไวยากรณ์หรือดูsoundtrack dvd สักกี่เรื่อง ถ้าเราไม่ได้ใช้ส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวัน เรียนไปก็เท่านั้น

ถูกต้องครับถ้าเรียนแล้วไม่ได้พูดอย่างต่อเนื่องก็จะได้ไม่ดี ผมเองได้ทำการค้ากับฝรั่งในช่วงหนึ่ง โดยที่ไม่เคยพูดภาษาอังกฤษเลย ก็เอาจากที่เคยเรียนนำมาพูดครับก็ติด ๆ ขัด ๆในช่วงแรกแต่ก็ได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ด้วยเนื่องจากต้องใช้ทุกวัน เพราะจะต้องคุยเป็นอังกฤษเท่านั้นก็เลยทำให้พูดได้ครับ ถึงขั้นเคยทะเลาะเป็นภาษาอังกฤษเลย อยู่ได้ช่วงเวลาหนึ่ง4 ปี แต่ภาษาที่ได้ก็ไม่ค่อยได้พัฒนาสักเท่าไหร่เนื่องจากมีเด็กรับงานแทนก็เลยมีการพูดน้อยลง และก็เลิกรากับงานนี้ไปสัก 4 ปี ตอนนี้ก็กลับไปอีกครั้งปรากฎว่าสนิมเกาะบานเลย ลิ้นไม่กระดกอีกแล้วเหมือนต้องเริ่มใหม่อีกเลยพูดแล้วเสียดายจัง


ส่วนที่จะส่งลูกเรียน 2 ภาษา ก็อย่างหลายท่านพูดมาครับเรียนแต่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน และถ้าคูรไม่ใช่เจ้าจองภาษาด้วยก็จะได้ไม่ดี มีตัวอย่างลูกของเพื่อนผมส่งไปเรียนอินเตอร์ ตั้งแต่ชั้นอนุบาล เขาจึงติดครุที่สอนและจะเรียกคุรพ่อคุณแม่ตามครูว่า  ขุนพ๋อ...ขุนแม๋  สรุปคือเด็กก็พูดไทยไม่ชัดไปด้วย เรียนได้สัก 2-3 เดือนก็ออกมาเรียนปกติ แล้วจะเอาไงดี   

[2Lt. Yurijung]

เห็นด้วย และถ้าจะส่งเสริมให้ลูกเรียน ก็ควรเริ่มตั้งแต่อนุบาล 1 คือ 3 ขวบไปเลย เพราะช่วงวัยนี้ สมองกำลังพัฒนา พร้อมที่จะเรียนรู้และจดจำได้ดี  เด็กจะเรียนและพัฒนาได้ดีในช่วงวัยนี้ ไปเรียนภาษาอังกฤษเหมือนเราเมื่อก่อน คือตอน ป.5 เพิ่งจะเริ่มท่อง a b c  อายุ11 ปี แล้ว ไม่ได้เรื่องได้ราว จบ ป.ตรีมาก็ยังสนทนาไม่ได้  ตอนนี้ลูกเราเรียนระบบ 3 ภาษา คือ จีน อังกฤษ และไทย  เค้าก็พัฒนาไปได้ดี  อย่าดูถูกศักยภาพเด็กเล็กๆเลยค่ะ  ถ้าเรื่องภาษา สามารถให้เค้าได้เรียนรู้ไปได้เลย อย่างน้อย ฝึกความคุ้นชินไปก่อน แล้วเค้าจะค่อยๆซึมซับไปเอง 

[จริงจริง]

ลูกเรียนจบป.6จากระบบสองภาษา สมัยทีี่เรียนก็ไม่คิดว่าจะได้ประโยชน์อะไรจากการส่งเสริมให้เรียนโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เพราะจะทำให้เรียนวิชาภาษาไทยน้อยลง เมื่อสอบแข่งขันจึงจำเป็นต้องเรียนกวดวิชาเพิ่มขึ้น แต่โชคดีเมื่อเรียนจบ ป.6 สามารถสอบเข้าเรียนต่อโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในหาดใหญ่ได้ (รวมทั้งเพื่อนอีกหลายคน)
ตอนนี้เรียนอยู่ ม.1 วิชาภาษาอังกฤษที่เรียนกับครูต่างชาติ ลูกจะมีความสุขในการเรียนมากกว่าเพื่อนคนอื่น อาจจะเป็นเพราะความเคยชินรึเปล่าก็ไม่ทราบ อยากจะบอกว่าถ้าคิดจะให้เรียนระบบสองภาษา คุณพ่อและคุณแม่ต้องสอนวิชาภาษาไทยให้มากๆ เพื่อเตรียมสอบแข่งขันในอนาคต

[ยางใหญ่]

คนไทยที่มีครูเป็นคนชาติอะไร เด็กก็จะได้สำเนียงภาษาอังกฤษของชาตินั้นด้วย ถ้าครูสอนเป็นคนไทย เราก็ได้ภาษาThaigist แบบไทยๆชัดเจน  ถ้าเป็นคนอินเดีย ก็จะได้แบบIngist  ถ้าเป็นสิงดโปร์ก็จะได้Singist.คร๊าบ

[เรียนเข้าไปพูดไม่ได้สักที]

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เริ่มเรียนเมื่อไหร่ แต่อยู่ที่ ได้ใช้ตลอดเวลาหรือไม่ สมัยก่อนที่โรงเรียนให้เด็กเรียนภาษาอังกฤษตอน ป 5 ป 6 นั้นเพราะสมัยนั้นได้มีงานวิจัยออกมาหลายเล่ม ว่าเด็กอายุ 11-12 ปี เป็นวัยที่สามารถเรียนภาษาอังกฤษได้ดีที่สุด แต่ก็อย่างที่เรารู้กัน เรียนแล้วไม่ได้พูด ไม่ได้ใช้ ก็ไม่มีประโยชน์ ครูสมัยก่อน ยังไม่มีครูฝรั่ง เป็นครูคนไทย พูดเองยังไม่ชัดเลย และไม่ได้จบเอกอังกฤษด้วย จบอะไรมาก็ได้ สมัยผมเรียน มีครูคนนึงแกหายไปไหนไม่รู้ ให้เพื่อนมาสอนแทน เพื่อนคนนั้นก็ไม่ใช่ครู เป็นชาวสวนผัก มาสอนแทน ครูตัวจริงไม่กลับมา ชาวสวนผักเลยสอนแทน จนปัจจุบันเกษียณอายุแล้ว (บรรจุเป็นข้าราชการด้วยนะ ขอบอก)

มาถึงสมัยนี้ ด้วยการแข่งขันของสถานศึกษาต่าง ๆ พยายามให้เด็กเรียนภาษาอังกฤษและคอมพิวเตอร์ ให้เร็วที่สุด เพื่อดึงดูดลูกค้า อ๊ะ ไม่ใช่สิ เพื่อดึงดูดนักเรียนและผู้ปกครอง ผมเคยได้ยินคนพูดว่า "ดูนั่นสิ เด็กคนนั้น อยู่แค่อนุบาล 1 พูดภาษาอังกฤษได้แล้ว ดูเด็กคนนั้นสิ อายุ 4 ขวบ ใช้คอมพิวเตอร์ได้แล้ว" คิดว่าหลายคนคงเคยได้ยินมาบ้าง จริง ๆ แล้ว วัยขนาดนั้น เป็นวัย "เล่น" ครับ เขาต้องเล่นเพื่อเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ คอมฯ ภาษาอังกฤษ เขายังไม่พร้อม ทำไม เพราะไม่รู้จะเรียนไปเพื่ออะไร ถ้าบอกว่าต้องการส่งเสริมพัฒนาการ มันก็ไม่ใช่ มันไม่ใช่แบบนี้ การส่งเสริมพัฒนาการต้องส่งเสริมในเรื่องการเล่น การนอน การทำกิจกรรม การอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่น มากกว่า อย่างหลังนี่สำคัญมาก ถ้าส่งเสริมด้านคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม ศาสนา ก็จะดีที่สุด
ผมทำงานด้านคอมพิวเตอร์ มักมีคนมาถามเสมอว่า จะซื้อคอมพิวเตอร์ให้ลูกดีมั้ย และผมก็มักแนะนำเสมอ ว่า ซื้อมาลูกคุณก็เล่นแต่เกมส์ แล้วคุณก็ไปบังคับเขาไม่ได้ว่า ต้องเล่นเกมส์ไหน เกมส์ไหนควรเล่น เกมส์ไหนไม่ควรเล่น มีตัวอย่างหลายรายแล้ว เด็กเล่นเกมส์จนติด เริ่มจากพ่อแม่ซื้อคอมพ์ให้ เล่นไป จากนั้นก็เริ่มออกไปเล่นกับเพื่อนที่ร้านเกมส์ ทำไม ก็เล่นที่บ้านพ่อบ่น แม่ด่า เปลืองไฟ เล่นที่ร้านเกมส์ไม่มีใครมานั่งว่า เกมส์ที่ร้านก็เป็นเกมส์รุนแรงทั้งนั้น เหมาะสำหรับเด็กวัยรุ่น
ถามต่อว่า แล้วจะซื้อคอมพ์ให้เมื่อไหร่ดี ผมมักตอบว่า ตอนที่จำเป็นต้องทำงานส่ง อาจเป็น ม ปลาย หรือ มหาลัย
ภาษาอังกฤษล่ะ ต้องเริ่มเรียนเมื่อไหร่ ก็ลองวิเคราะห์ดูว่า จะมีโอกาสได้ใช้รึเปล่า ถ้าตั้งใจจะให้เรียนเมืองนอก ก็ส่งเสริมกันไป แต่เด็กที่ได้ทุนไปเรียนเมืองนอก เขาเรียนแค่สามเดือนเองนะ สามเดือนติวเข้มเลย เรียนตัวต่อตัวกับฝรั่งเลย เดือนละ 5000 สามเดือน 15000 ไม่แพง ได้ผลด้วย
ขอจบแค่นี้ อยากเขียนมากกว่านี้ แต่เดี๋ยวจะโดนคนหมั่นไส้เอา

[ยางใหญ่]

ต้องถือว่าเป็น อัฉริยะของประเทศไทยที่มีเด็กไทยเก่งๆ  เรียนพิเศษอังกฤษเพียง3เดือนพูดได้เลย ช่วยบอกสถานทีสอนด้วยครับจะไปเรียนด้วย

[เรียนเข้าไปพูดไม่ได้สักที]

ต้องถือว่าเป็น อัฉริยะของประเทศไทยที่มีเด็กไทยเก่งๆ  เรียนพิเศษอังกฤษเพียง3เดือนพูดได้เลย ช่วยบอกสถานทีสอนด้วยครับจะไปเรียนด้วย

ทำไมล่ะครับ 3 เดือนพูดได้เลย แปลกเหรอ เข้าใจคำว่าพูดได้รึเปล่าล่ะครับ เด็กไปเรียนครับ ไม่ได้ไปสอน

ที่ไหน ที่ ELC ก็มีสอนครับ หมู่บ้านหาดใหญ่ ถนนพลพิชัย เขามีสอนตัวต่อตัวครับ ที่อื่นก็มี เยอะแยะ ลองไปดู เปิดหูเปิดตาบ้างก็ดี

[เรียนเข้าไปพูดไม่ได้สักที]

ขอจบแค่นี้ อยากเขียนมากกว่านี้ แต่เดี๋ยวจะโดนคนหมั่นไส้เอา

ว่าแล้ว ไม่น่าเลย

[เรียนเข้าไปพูดไม่ได้สักที]

ขออภัย เรียนตัวต่อตัวอาจจะถึง 7000 บาทแล้ว

[อ้น544]

ตอนนี้ลูกเรียนที่โรงเรียน3ภาษา สรุปว่าไม่ได้ดีสักภาษาเลยคิดจะย้ายลูกแต่กำลังคิดว่าจะเข้าที่ไหน ปีนี้จะขึ้น ป.4 กลัวเรียนไม่ทันเพื่อนค่ะ แต่ตอนนี้พาไปสมัครคุมองแล้ว แต่รอทางคุมองประชุมผู้ปกครองก่อนถึงจะสมัครได้
โรงเรียนที่คิดไว้ว่าจะย้ายเข้า
1.โรงเรียนพล สอนเด็กแล้วมีคุณภาพ
2.โรงเรียนสวัสดิ์บวร ใกล้บ้าน
3.โรงเรียนคุณธรรม มีเพื่อนแนะนำแต่ไม่ทราบว่าดีอย่างไง
เมื่อก่อนก็คิดถึงเรื่องค่าเทอมค่ะว่ากลัวส่งลูกไม่ไหว เลยพาลูกไปเรียนโรงเรียนนี้ ค่าเทอม3200บาท แต่ตอนนี้กลับคิดว่าการเรียนของเขา และอนาคตของเขาต้องมาก่อน

[ยางใหญ่]

ใจเย็นๆครับ ที่บอกมารู้จักบ้างแล้ว แต่คิดว่ามีที่ดีกว่าจึงถามครับ.  กลัวแล้วครับคราวหน้า ไม่กล้าถามแล้วครับ.!!!
ลูกใครที่มันเก่งพรึด? ล้อเล่น

[เรียนฯ]

ใจเย็นๆครับ ที่บอกมารู้จักบ้างแล้ว แต่คิดว่ามีที่ดีกว่าจึงถามครับ.  กลัวแล้วครับคราวหน้า ไม่กล้าถามแล้วครับ.!!!
ลูกใครที่มันเก่งพรึด? ล้อเล่น

ไม่เป็นไรครับ ไม่มีเคืองกัน ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วย

3.โรงเรียนคุณธรรม มีเพื่อนแนะนำแต่ไม่ทราบว่าดีอย่างไง

โรงเรียนคุณธรรม เป็นโรงเรียนลักษณะเดียวกับโรงเรียนศรีนคร แต่ศรีนครค่าใช้จ่ายน้อยกว่า มีประสบการณ์มานานกว่า สถานที่กว้างขวางกว่า มีทุน มีการสนับสนุนนักเรียนมากกว่า

[เรียนฯ]

และอนาคตของเขาต้องมาก่อน

คิดว่า อนาคตของผู้ปกครองต้องมาก่อน ไม่งั้นส่งไปส่งไป อาจจอดกลางทาง