ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ฝากใบตองแห้ง ถึง เนติบริกร 112

เริ่มโดย Mr.No, 23:21 น. 01 ก.พ 55

Mr.No

[attach=1]

อ้างถึงกระทู้ที่มีผู้นำมาโพสตาม http://gimyong.com/talung/index.php/topic,55478.0.html


"ผมอยากให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในฐานะเป็นที่เคารพสักการะ อยู่เหนือความรักและความชังของบุคคล  ผมคิดว่านี่คือความพยายามของคณะผู้ก่อการ  2475  ให้พระองค์ทรงอยู่เหนือการเมือง โดยประสงค์ไม่ให้พระมหากษัตริย์ลงมาวินิจฉัยปัญหาทางการเมือง  เพราะชี้ไปทางไหนมันมีคนได้และมีคนเสีย  มีคนชอบและมีคนชัง  เราไม่ต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอย่างนั้น เราต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีแต่คนรักคนเทิดทูน  และเมื่อมีวิกฤติของประเทศอย่างรุนแรงเกิดขึ้น   ประเทศเรายังมีสถาบันอีกสถาบันหนึ่ง  ซึ่งประเทศอื่นไม่มี  มาคอยปัดเป่าและคลี่คลายวิกฤตการณ์แบบนี้  แต่ในช่วงที่ยังไปไม่ถึงจุดนั้น  ถ้ามันยังไม่ไปถึงแล้วเราดึงพระองค์ลงมาชี้  ในที่สุดแทนที่จะเป็นเทิดทูนสถาบัน  ผมว่าระยะยาวไม่เป็นผลดีกับสถาบันพระมหากษัตริย์"


ข้างต้นเป็น คำให้สัมภาษณ์ของ อ.วรเจตน์ ผู้ที่ให้สัมภาษณ์ว่า ตนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงชุบเลี้ยงส่งเสียให้เรียนมาจนเป็นด๊อกเตอร์  ด้วยการแสดงความเห็นว่า ในฐานะหนึ่งแกนนำของ นิติราษร์  การร่างกฎหมายทดแทนพระมหากรุณาธิคุณ โดยการกำหนดให้พระมหากษัตริย์ที่ตนอ้างว่าเคารพนั้น มีสิทธิเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่งใครก็สามารถที่วิพากษ์ วิจารณ์ได้รวมถึงการแสดงความเห็นในการห้ามมิให้พระมหากษัติรย์ ห้ามแสดงพระราชดำรัสสด  ๆ ต่อสาธารณะ แต่ให้มีการร่างและมีการตรวจสอบก่อนจะนำมาแสดง ฯลฯ คือส่วนหนึ่งที่ อาจารย์คนนี้ บอกว่า นี่คือการปกป้องและการแสดงออกถึงการความจงรักภักดี และเป็นการปกป้องเพื่อมิให้สถาบันต้องกระทบกระเทือน..


แค่นี้..ผมคงคิดไม่ออกเลยว่า ..มีแต่พวกสมองฝ่อ และเพี้ยนเท่านั้น  ที่คิดและจะกระทำต่อผู้มีพระคุณแบบนี้....

เพราะแค่เด็กอ่านก็เข้าใจได้ว่า.... การลดสถานะแห่งพระบารมี ให้กลายเป็นคนธรรมดา โดยโยนความหมายของคำว่า "ประมุขแห่งประเทศ" ในทางพฤตินัยให้กลายเป็น  นักการเมือง ในนาม นายกรัฐมนตรี หรือ ประธานาธิบดี แทน นับเป็นการแทนความกตัญญูรู้คุณอย่างสุดซึ้ง


สิ่งที่อยากบอก ใบตองแห้ง ผ่านไปยังอาจารย์คนเก่งของคุณ ก็คือ.....ความเคารพในบุคคลที่ควรเคารพนั้น นอกจากจะสอดคล้องกับหลักทางพุทธและบรรทัดฐานสังคม ที่แสดงออกถึงการแสดงความเคารพต่อบุคคลที่สังคมให้ความเคารพนั้น ย่อมแตกต่างกันในแต่ละบริบทของสังคมที่หลากหลายและแตกต่างกันในโลกใบนี้..... 

การยอมรับความหลากหลายและแตกต่าง ของแต่ละชาติภาษา ย่อมบ่งบอกถึง ความเป็นชาตินั้น ๆ และความมีรากเหง้าของตน อันเป็นความภาคภูมิใจของมนุษย์


ความพยายามในการที่เข้าไปยุ่มย่ามกับ ม.112 ที่สร้างขึ้นด้วย norm ของสังคมไทย เราสร้างเพื่อเป็นหลักประกันในความเป็นชาติไทย และเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นอัตลักษณ์ของการยอมรับของสังคมไทยส่วนใหญ่
ความพยายามที่จะลดสถานะ....หรี่พระบารมีของสถาบันอันเป็นเคารพของสังคมไทยที่มีรากเหง้าและยึดโยงความรุ้สึกในสายเลือดมายาวนานนับหลายร้อยปี... ด้วยสมองของเด็กเมื่อวานซืนที่ลืมตามาเข้าใจโลกนี้ได้เพียง ไม่กี่สิบปี ก็อหังการ์สรุปความหมายแห่งรากเหง้าชาติกำเนิดว่า ถูกหรือผิด ได้ ??

การเดินทางของสยาม มาจนถึงประเทศไทยวันนี้...ไม่ได้ผ่านวิกฤตมาด้วย  "ระบอบประชาธิปไตย"..
การผ่านผ่านมรสุมสงครามเพื่อนำประเทศให้มีแผ่นดินให้ยืน...ให้เรียน ให้กินอยู่และอ้าปากเห่าของเหล่าสรรพสัตว์ ได้ทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะ นายทุน,นักการเมืองสามานย์ หรือพวกเนติบริกรสาขากฎหมายมหาชน ดอก....

แต่ให้พึงสำเหนียกว่า การผ่านวิกฤตทุกครั้งมาได้นั้น เพราะ พระมหากษัตริย์..และกลุ่มผู้จงรักภักดีเคียงข้างแบบยอมพลีชีพได้แบบไม่ต้องทบทวนมานับพันปี ที่ทุกชาติทุกภาษารู้จัก  นั่นคือ "ทหารรักษาพระองค์"

การที่ บรรพบุรุษไทย ยอมทิ้งลูกเมียไว้เบื้องหลัง.... และกล้าหาญชาญชัย เดินเข้าไปต่อสู้กับข้าศึกศัตรู เขายอมเดินไปแม้จะรู้ว่า เขาจะไม่ได้กลับมาหาลูกเมีย.... เขาไม่ได้ไปเพราะ "โง่" 

แต่เขาไปเพราะสิ่งที่เรียกว่า "ความจงรักภักดี" ที่มีต่อ สถาบัน ..เขาไปเพราะมันเป็นหน้าที่ ...เป็นเกียรติและที่สำคัญ
เขาไปเพราะทดแทน "บุญคุณของแผ่นดิน" ที่ให้โคตรเหง้าเหล่าตระกูล ได้อยู่ ได้กิน ได้อาศัย

สิ่งที่เป็นสามัญสำนึกของบรรพบุรุษไทยก็คือ  การเป็นหนี่งในการมีชีวิตเพื่อการปกป้องให้ ความมั่นคงของชาติ ซึ่งหมายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์  เพื่อสถาบันจะเป็นหลักชัยที่จะสามารถดำรงความเป็นหนึ่งเดียวของชาติ และเป็นเสาหลักร่วมกันทีทำให้คนสยาม ไม่แตกแยกเป็นอื่น....ที่สำคัญ  ให้สำนึกว่า เราคือ พี่น้องร่วมชาติที่มี่พ่อ แม่ และเลือดสีเดียวกัน!

ดังนั้น....ตราบใดก็ตามเมื่อสถาบันแข็งแกร่ง...คนในชาติก็เป็นหนี่งเดียว  สิ่งที่เราว่า "ความสามัคคี" ย่อมดำรงอยู่เป็นเกราะป้องกัน


สมัยที่ อาจารย์ ยังแก้ผ้าเล่นจู๋ตัวเอง...เลยอาจไม่ได้ซึมซับเลยว่า เมื่อ ยุค14 ตุลา 16 นั้น หากไม่เพราะสิ่งที่เรียกว่า "พระบารมี"   ที่ทำให้เหล่าทหารที่พรั่งพร้อมด้วยอาวุธนั้น ลดปืนลง...ยอมแพ้แค่นักศึกษาและประชาชามือเปล่าในวันนั้น.

วันนี้ชื่อของ สารพันอาจารย์ดัง ทั้ง ธีรยุทธ บุญมี,เสกสรร ประเสริฐกุล หรือแม้แต่ชื่อใบตองแห้ง ที่รอดปากเหยี่ยวมากลายเป็นคอลัมนิสต์ตกขอบซ้ายในวันนี้ได้  จริง ๆแล้ววันนั้นคงกลายเป็นเพียงชื่อทีสลักไว้ตามบัวเก็บกระดูกไปแล้วด้วยซ้ำ

กี่ครั้ง...ที่ พระบารมี เข้ามาช่วยผ่อนร้ายให้คลายเย็น ผ่านยุคพฤษภาทมิฬ ที่ พลเอกสุจินดา สำนึกในพระมหากรุณา กราบพระบาทลาออก (ของจริง) นั่นทำให้ทุกอย่างสงบ.... และนั่นทำให้  คนที่ชื่อ ไอ้ตู่ ได้มีโอกาสมาแสดงความโอหังแบบในวันนี้

แม้ยามสงครามมหาเอเชียบุรพา....ความภุมิใจหนักหนาที่ ญี่ปุ่น ไม่ยอมยึดเอาประเทศไทย เพราะญี่ปุ่น ให้ความเคารพในความเป็นสถาบันที่มีประมุขคล้ายกัน และที่สำคัญ  ญี่ปุ่น ชื่นชมในความเป็นประเทศเอกราชหนึ่งเดียวที่รอดมาได้จากฝรั่ง

หลักกฎหมายมหาชนง่าย ๆ ที่เด็กมัธยม ก็ยังพอเดาได้  ก็คือการออกกฎหมายใด ๆ จะต้องไม่ไปขัดต่อเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลธรรมดา .และจะต้องสอดคล้องกับบรรทัดฐานสังคมไทยที่เทิดทูนบูชา ผู้มีพระคุณ ขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงาม 
ดังนั้นถ้าจะหมายถึง... การที่อาจารย์จะสามารถเดินไปตบหัวบิดา มารดา ของ อาจารย์เอง...แล้ว say hi dad ...ถือเป็นหลักสากล..หรือเป็นธรรมดา นั่นมันก็บ้านอาจารย์ แต่คงไม่ใช่บ้านของคนไทยทั้งประเทศ
หรือวันหนึ่ง อาจารย์ บอกบุพการีว่า..ต่อไปนี้ ห้ามพูดอะไรกับใคร ...ถ้าจะพูดอะไร ก็ให้มาขออนุญาตก่อนว่าจะพูด จะคิดอะไร....   แบบนี้ อาจารย์คิดว่า มันขัดต่อหลักเสรีภาพพื้นฐานในฐานะนักกฎหมายมหาชนผู้ยิ่งใหญ่หรือไม่...

ผมจำได้ว่า.... คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยงนั้น มักจะนอนหมอบอยู่ข้างพระองค์ และแสดงออกถึงพฤติกรรมที่มีความนอบน้อมแสดงพฤติกรรมต่อพระองค์ด้วยความเคารพ  แต่ในขณะเดียวกัน สายตาคุณทองแดงนั้น จะมองและสังเกตคนรอบข้างตลอด และสายตาที่มองไปนั้น เป็นการแสดงถึงการยอมตายและพร้อมจะปกป้องผู้มีพระคุณที่ทรงชุบเลี้ยง เพราะตนเข้าใจดีว่าการได้มาถึงที่สุดแห่งชีวิตของความสุนัขของตนนั้น แม้ต้นตระกูลตนเป็นเพียงสุนัขข้างถนน แต่ก็ยังทรงมีพระเมตตา ไม่ทรงแบ่งแยกว่า หมาไทย หรือเทศอย่างใด



ข้อดีของสุนัขไทยนั้น ก็คือ  เลี้ยงแล้วกตัญญูรุ้คุณข้าวแดง แกงร้อน... ไม่แม้จะแง่งเขี้ยวใส่ให้เจ้าของแม้แต่นิด
ต่างกับพวกที่ชอบหมานอก... เชิดชูว่าหมานอกนั้นฉลาด..แสนรู้   เท่ห์และมีสกุลกว่า ..สุดท้ายถูกฟัดตาย แม้กระดูกเจ้าของก็อาจไม่เหลือ!

และถ้าการแสดงถึงความจงรักภักดี และมองว่า การวิพากษ์วิจารณ์หรือการแสดงความเห็นต่อสถาบัน มีตัวอย่างเป็นสิ่งที่ปรากฏผ่านทาง youtube, facebook ฯลฯ กันแบบทุกวันนี้  ทั้งที่ อาจารย์ก็รู้ดีว่า พระองค์นั้น ไม่ทรงอยู่ในฐานะที่ทรงปกป้องพระองค์เอง หรือจะลงมาสู้คดีต่าง ๆ ด้วยพระองค์ได้อยู่แล้ว

......วันที่ อ.เสกสรร ประเสริฐกุล เริ่มรำพันว่าอยากอยู่อย่างสันโดษ  แม้นจะดูว่า อ.เสกสรร เพิ่งตื่น แล้วออกมาประกาศว่าตนไม่ยุ่งกับแก๊งค์นิติราษฏร์นี้ ก็คงพอจะเดาได้ว่า  อย่างน้อย อาจารย์เสกสรร ผู้เคยผ่านร้อนหนาว ผ่านงานเขียนในอดีตที่สารภาพว่า การที่จะสามารถบรรยายถึงความเจ็บปวดใด ๆ ได้อย่างยอดเยี่ยมน้น  บางครั้งก็จำต้องเรียนรู้ถึงความเจ็บปวดนั้นด้วยการประสบมันด้วยตัวเอง..จึงจะรู้ และเข้าใจ

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ คนที่อยากรู้ว่า เวลาที่คนเราเลือดมันกลบปากนั้น มันเจ็บปวดอย่างไร...เจ็บหัวใจแค่ไหน
ของแบบนี้ มันบอกยาก เว้นแต่จะใช้หลักของ อ.เสกสรร มาใช้โดยการทดลองถูกชกดูจึงจะรู้ และจะได้จดจำว่า การอธิบายถึงความเจ็บปวดนั้น

แต่ถ้าถามว่า.... การที่สังคมไทยจะยอมให้ "อาจารย์เมื่อวานซืนแอนด์เดอะแก๊งค์" มาสร้างความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตให้กับประวัติศาสตร์ชาติไทยและคนอีกกว่าหกสิบล้านคน ได้ง่าย ๆ เพียงเพราะ แก๊งค์นี้ไม่เคยเรียนรู้ความเจ็บปวดมาก่อน........

ผมกลัวจริงๆ ว่า มีคนไม่น้อยที่อาจอยากมอบประสบการณ์เจ็บปวดในเบื้องต้นให้ "เดอะแก๊งค์" เป็นบทเรียน เสียก่อนนี่ซิ มันน่ากังวล
ว่าง ๆ ก็อยากฝากให้ "ใบตองแห้ง" ผู้เคยผ่านร้อนหนาวยุคตุลาฯ ...ช่วยแนะนำน้องๆ หน่อยก็ดีนะ. แต่ถ้าสำนึกยังไม่มีจะเอาตัวอย่างรุ่นพี่ใบตองแห้ง อดีตนักเรียนเก่าเตรียมอุดม ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ย้ำว่า "ในพระบรมราชูปถัมถ์") ก็ได้นะ....  เข้าป่าเชียงรายตอนแก่เที่ยวนี้ คงหมดสิทธิ์ออกละมัง. 
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

ซัมเบ้ Note 7 Jr.

เป้าหมายคือทำให้สถาบันเข้มแข็งขึ้นจริงหรือ

ผมคนนึงล่ะ ที่ไม่เชื่อลมปากคน(ควาย)เหล่านี้
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

คุณหลวง

พวกมันอยากมีเสรีภาพเต็มที่สุดๆกระมังครับ

ในฐานะที่อ่านไร้สาระมากกว่าสาระ แต่มีเรื่องหนึ่งข้องใจ

การ์ตูนขายหัวเราะ ประจำพุธที่ 19-25 ตุลาคม 2554 หน้า 110 ต้องออกมาชี้แจงว่าเรื่องการเมืองที่นำเสนอนั้นเป็นไปอย่างปราศจากอคติ เป็นการหยอกล้อ ซึ่งสะท้อนกระแสและความสนใจของสังคมในขณะนั้นๆ ต้องขออภัยผู้อ่านที่อารมณ์ขันนั้นถูกทำให้เข้าใจผิด

หลังจากที่ขายหัวเราะ มหาสนุก นำเสนอการ์ตูน ซึ่งมีแซวการเมืองมาตลอดเกือบสามสิบปี ผมติดตามอ่านมาหลายปี เพิ่งมีนี่แหละที่ขายหัวเราะต้องออกมาประกาศเจตนาของตนต่อสาธารณะ เพราะผู้อ่านเข้าใจผิดว่า......

หลังจากนำเสนอแก๊กการ์ตูนเรื่องน้ำท่วมมาระยะหนึ่ง นี่คือเสรีภาพ แค่การ์ตูนแซวยังทนไม่ได้ ทำไมผ่านมาหลายปีคนอื่นเขาทนกันได้ โดนหนักๆย้ำแล้วย้ำเล่ายิ่งกว่านี้เขาก็ไม่เห็นว่ากระไร และหลังจากนั้นการแซวการเมืองในการ์ตูนเครือนี้ก็หายไปเลย

นี่คือเสรีภาพที่พวกมันเรียกร้องใช่ไหม ขอเพียงกูด่า แซว แขวะ โจมตี ติ ล้อ ฯลฯ คนอื่นเท่าไหร่ก็ได้ จาบจ้วงยังไงก็ได้ แต่คนอื่นอย่ามายุ่งกู อย่างนั้นหรือ

โดยส่วนตัว ใครว่าอคติก็ช่าง ผมว่าคนที่เล่นงานขายหัวเราะไม่ใช่คนอ่านแบบเราๆท่านๆ แต่เป็นพวกมัน คนอื่น รัฐบาลอื่นโดนแซวมากมาย สมัยป๋าเติ้งก็นำมาแซวเยอะ ไม่เห็นขายหัวเราะเดือดร้อนอย่างนี้เลย และคนอื่นก็มีแฟนคลับ มีคนรักมากมายเช่นกัน ไม่เห็นเคยมีเหตุการณ์อย่างนี้

มันเป็นวิกฤตชาตินะครับ
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

คนท่าข้าม

พวกนี้บิดา มารดา ไม่ได้สั่งสอนว่า เขาเกิดในแผ่นดินไหน เลยยกให้พวกที่มีบรรพบุรุษเคยเป็นทาส เป็นโจรที่ถูกเนรเทศแล้วยึดแผ่นดินของคนอื่่นว่าถูกต้องทุกอย่าง

puiey

เหตุผลของพวกมัึนพูดได้คำเดียวว่า นรกเจาะปากมาพูด ปกป้องสถาบันตรงใหนวะ
โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ

รวมมิตร

55 แนวรบอำมาตย์ยิ่งสู้ยิ่งบานปลาย ศัตรูยิ่งมาก และประชาชนเริ่มอิ่ม Enough แล้ว
วันนี้ประชาชนเริ่มจะอ้วก และเบื่อกับระบอบเกาหลีเหนือนี้แล้ว

คนต่างจังหวัด เขายิ่งเบื่อจนแทบจะอ้วกกันแล้ว ไปพูดที่ไหน ก็รับความรู้สึกนี้อย่างชัดเจน ซึ่งจริงๆ พอพูดถึงพวกเราทุกคนก็เข้าใจ คือ มันจุก อิ่มจนแทบจะอ๊วกแล้ว กับระบบนี้ เรียกว่า enough กันแล้ว

มันเหมือนกับคนฝรั่งเศส สมัยปฎิวัติใหญ่ 1789 ที่ก่อนระเบิดมันก็เป็นแบบนี้แหละ ไล่จับ ไล่ฆ่า พยายามรักษาสภาพเดิมไว้ พอประชาชนเริ่มอ๊วก ก็เลยระเบิดกันตูม ผลก็อย่างที่เห็น

วันนี้คนไทยเริ่มรู้สึกว่า จะรับไม่ไหวแล้ว อะไรมันจะมากไปขนาดนี้

วันนี้สงครามของพวกอำมาตย์ ระหว่างทักษิณ นั้นยังไม่จบ แนวรบใหม่ กับนักวิชาการ ปัญญาชนเริ่มขึ้นแล้ว

แนวรบนี้ ไม่ได้มีว่าทักษิณเลว ฉันดี
แต่เป็นแนวรบ เสรีภาพในการแสดงความเห็น ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ กับการพยายามกดให้ความเป็นมนุษย์ลดน้อยลงของพวกอำมาตย์
เป็นแนวรบทางอุดมการณ์กับปัญญาชนไปแล้ว
ในภาวะที่ประชาชนเริ่มจะอ๊วก กับการเปิดแนวรบใหม่ของอำมาตย์ คงเละน่าดูแน่ๆ

ดูตัวอย่างการปลุกกระแสล้มเจ้าของฝ่ายขวา ประชาชนไม่ขยับเลย
เหมือนรู้ทันว่า เอาอีกแล้วหรือพวกเอ็ง ต้องการให้คนมอบ คลานกันไม่จบสิ้นอีกหรือ
วันนี้สงครามขยายแนวรบ บานปลายไปเรื่อยๆ
ผมรู้สึกว่าลูกตุ้มนาฬิกาที่มันแกว่งไปสุดแรงเหวี่ยงมันแล้ว
วันนี้มันกำลังแกว่งกลับแรงพอกัน
ลัทธิสุดกู่อะไร คนเริ่มไม่เอากันแล้ว
รบกันมา 5 ปี หากจะปลุกระดมด้วยระบอบเดิมอีก ไม่คิดว่าจะปลุกขึ้น
คนรากหญ้าที่โดนฆ่าไปเมื่อสองปีที่แล้ว เขาเจ็บ เขารู้ว่าใครสั่ง

งานนี้ปลุกยังไงก็ไม่ขึ้น
จุดเปลี่ยนที่เห็นว่ากระเทือนเข้าไปในจิตวิญญาณของประชาชนทั่วไปคือ วันที่เห็น "ชาวเกาหลีเหนือร้องไห้" กันเป็นวักเป็นเวร
วันนั้นหลายคนตื่นขึ้น อะไรมันจะขนาดนั้น
มองเขาแล้วมองย้อนมาที่ตัวเรา อะไรมันจะขนาดนั้น
หากเราต้องอยู่เกาหลีเหนือ เราจะละอายตนเองขนาดไหน
ผมว่าความละอายมันเกิดขึ้นกับการดูภาพคนเกาหลีเหนือร้องไห้
วันนี้การปลุกกระแสมันจึงไม่ติด ทำอย่างไรมันก็ไม่ติด

ส่วนตัวคิดว่าที่มาถึงจุดนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะแนวคิดแบบ zero sum gameของพวกเขา
เพราะตอนที่รัฐประหารสำเร็จนี่ทักษิณยอมแพ้ไปแล้วนะครับ พวกเขาเองที่บีบให้ทักษิณต้องสู้
จนกลายเป็นประชาชนจะเป็นคู่กรณีโดยตรง

ส่วนตัว นี่ตื่นขึ้นก่อน"งานศพ"นะ ทำนองว่าเห็นในบอร์ดแห่งหนึ่งว่า
"ไม่มีใครเป็นอัจฉริยะในทุกด้านนอกจาก เขาและแฟมิลี่"
เกิดเควสชั่นมาร์คตัวโตๆในหัวเลยครับ

และยิ่งมีสื่อมวลชนกระแสหลักที่ไม่มีจรรยาบรรณ
นำเสนอข่าวแบบเอาใจ ... ด้านเดียว
ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าประชาชน อ๊วกแล้วอ๊วกอีกกันทั่วแผ่นดินแล้ว
ทุกวันนี้  ตั้งคำถามกับคนไปทั่วว่า
พ่อแม่เราส่งเราเรียนหนังสือ ทำให้เรามีหน้าที่การงานที่ดี พ่อแม่เราเลี้ยงเรามาจนเติบใหญ่..ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม
เหตุใด..ต้องทำดี เพื่อ พ่อคนอื่น แม่คนอื่น..
ยืนยัน ทำดีเพื่อพ่อแม่ตัวเอง....พ่อแม่คนอื่น  ไม่เกี่ยวย่ะ

ว่างๆนัดกันไปอ๊วกข้างตึกเหอะ
โฆษณาชวนอ๊วก...
คงต้องขอบคุณการเสนอข่าวด้านเดียวฝ่ายเกาหลีเหนือ
ที่ปล่อยให้สมุนปากหมาออกมาเห่าหอน เล่าเรื่องสุดยอด
จนเกิดข้อสงสัย "มนุษย์อะไรฟะ แม่งเก่งทั้งแฟมิลี่"

ดูแล้วถ้าประชาชนจะอ้วกจริงๆ ก็คงต้องอ้วกเป็นเลือดแล้วล่ะครับ ถ้ามีวิธีที่ทำให้ประชาชนไม่ต้องอ้วกเป็นเลือดก็คงดี
แต่อย่างว่าล่ะครับ สิ่งนี้เรากำหนดเองไม่ได้ ก็หวังว่าผู้มีอำนาจฝ่ายอำมาตย์คงไม่อยากเห็นเราต้องอ้วกเป็นเลือดนะครับ เพราะมันอาจจะไม่ใช่แค่ประชาชนเท่านั้น  แต่อำมาตย์เองก็อาจจะต้องอ้วกเป็นเลือดด้วยเช่นกัน 

wareerant

อ่านแล้วเศร้ามาก เชื่อผมเถอะครับ ไทยกับเกาหลีเหนือ คนละเรื่องกันเลย เกาหลีเหนือ เขาไม่อนุญาตให้ประชาชนใช้สื่ออย่างอิสระ แต่ไทยเราอิสระมาก อิสระเกินไปด้วยซ้ำ

บ้านไหนมีพ่อ แม่ คอยดูแลลูก บ้านนั้นความสงบสุขย่อมบังเกิด บ้านไหน ไม่มีพ่อแม่ บ้านนั้น เดือดร้อนวุ่นวาย

ประเทศไทยเปรียบเหมือนบ้านหลังใหญ่ มีพ่อแม่ที่เรารักคอยดูแลเรา จู่ ๆ มีคนเลวแค่คนหนึ่ง จะไล่พ่อแม่เราออกจากบ้าน คอยจ้าง คอยยุยงคนในบ้านให้เนรคุณพ่อแม่

น่าเวทนาเจ้าของบทความนี้จริง ๆ ผมสงสารคุณมาก ชาติหน้าถ้าได้เกิดมาอีก อย่าได้ตกเป็นเครื่่องมือใครเขาอีกเลย ต่อไปถ้าผมมีโอกาสได้ทำบุญกรวดน้ำ ผมจะแผ่ส่วนกุศลให้คุณด้วย

คนท่าข้าม

อ่านรวมมิตรแล้วเศร้าใจ พ่....,แ่่...ไม่น่าจะส่งให้เรียนมากขนาดนี้ หรือว่าพ่..แ...ลืมอบรมสั่งสอนไปว่าสังคมของเราเป็นอย่างไร มีความเป็นมาอย่างไร

Mr.No

อ้างจาก: คนท่าข้าม เมื่อ 13:45 น.  06 ก.พ 55
อ่านรวมมิตรแล้วเศร้าใจ พ่....,แ่่...ไม่น่าจะส่งให้เรียนมากขนาดนี้ หรือว่าพ่..แ...ลืมอบรมสั่งสอนไปว่าสังคมของเราเป็นอย่างไร มีความเป็นมาอย่างไร

คุณ "คนท่าข้าม" ครับ จริง ๆ แล้ว  ข้อความที่นายรวมมิตรอะไรนี่ เอามาโพส จริง ๆ  มันก็คือกระบวนการ copy เอาจากบอร์ดโน้น บอรด์นี้มาแปะ...ประมาณ แปะแล้วก็เผ่น เพราะตอบโต้ไม่เป็น แต่เป็นยุทธวิธีแบบสร้างกระแสมากกว่า 

ผมเคยลองติดตามและศึกษาดูว่า  แก๊งค์ call center ที่มีบักเหลี่ยมเป็นนายทุนพวกนี้  จริงๆ แล้ว มีขุมกำลังทางด้านไอที มากน้อยเพียงใด ซึ่งก็พบว่าเอาเข้าจริง..มีไม่กี่ตัว เอ๊ย ไม่กี่คน... วนเวียน กันไปโพสพอร์ดโน้น บอร์ดนี้ กันเพื่อให้ดูว่ามีจำนวนกลุ่มก้อนพวกนี้มาก


อย่างเวบไซด์บางแห่งที่เป็นแหล่งขุมกำลังของพวกนี้ ขนาดเปิดมาตั้งแต่ ปี 2008 พบว่ามีผู้บริจาคให้เวบไซด์ (ทั้งช่วยเหลือผู้ที่บาดเจ็บเมื่อครั้งเผาบ้านเมือง) นั้น เบ็ดเสร็จ 6-7 ปีนับแต่ทักษิณสิ้นอำนาจ...รวมจนถึงบัดมีคนบริจาครวมได้เงินเพียง 3 หมื่นกว่าบาท!   ....ดูแล้วน่าอนาถกับความพยายามดิ้นรนจริง ๆ .....

อย่างที่นายรวมมิตรอะไรนี่ เอามาโพส ก็ copy ของเสื้อแดงที่ชื่อ ลูกชาวนาไทย  แดงไม่เอาเจ้าตัวเป้งที่เคยฝังตัวในพันทิพในสมัยทักษิณเรืองอำนาจ ก็รุ่น ๆ พวกนาย บก.ลายจุดอะไรนั่น..(แต่รายหลังนี้ ไปไกลกว่า เพราะข่าวว่ารับเละ)


จริงๆ  จะว่าไป สุดท้ายกระบวนการล้มเจ้าพวกนี้... เป้าหมายจริงๆ ของเค้าก็คือ "การพยายามจุดไฟ"...

ซึ่งพวกเขาเองก็รู้ว่า ถ้าจะให้สำเร็จในวันนี้..วันพรุ่ง เขาไม่มีทางทำได้ แต่พวกเขาเชื่ออย่างที่ นายวรเจตน์ พยายามเขียนบอกว่า "ถ้ามันดับ..เราก็จุดใหม่" 

ดังนั้น... การทำตัวให้เป็นเชื้อไฟเพื่อทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย...คิดในแง่ร้ายก็คือ  มาถึงตอนนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่พร้อมที่จะทำลายเชื้อไฟทุเรศๆ นั่น...และถ้ามันจุดเราก็จะดับ และที่สำคัญ "เราจะไม่แค่ดับไฟ แต่ต้องไปดับไอ้คนที่อยากจุดไฟนั่นแทนด้วย"

กลุ่มเสื้อแดง และคนเหล่านี้...เคยพลาดหวังกับความพยายามในการสร้างสถานการณ์ให้มันลุกโชนแบบ 14 ตุลา 16 ซึ่งตอนนั้นเห็นได้ชัดว่า มีหัวหน้าสุนัขจ่าฝูง คอยเห่ายุแยงอยู่ต่างประเทศประมาณ  "ถ้าเสียงปืนแตกผมจะกลับไปนำพี่น้องเห่าที่เมืองไทย.."

สุดท้าย..แก็งค์หมาขี้เรื้อนที่ชอบเนรคุณข้าวแดงแกงร้อนแผ่นดิน...กินแล้วยัง(เจือก)เผาเรือน(ศาลากลาง)เจ้าของ สุดท้าย เจ้าบ้านเค้าก็เอาไม้ไล่ตี..ไล่กระทืบตายกลางเมือง...หัวหน้าฝูงแอบไปเกาขี้เรื้อนเงียบ ๆ บอก....."ปรองดอง ๆ กันเถอะอำมาตย์!"

จริงๆ  ตอนนี้มันก็เหลือแค่...หมาจรจัด นอกบ้าน(หมา usa,Norway Dubai....ที่เห่าหอน สร้างเสียงรำคาญบ้าง ก็ทนกันหน่อย....แต่ถ้ากล้ากว่านั้น  งานนี้คนไทยต้องออกแรงกันอีกที.... จับแก๊งค์ขี้เรื้อนพวกนี้ใส่กระสอบส่งขายลาว เวียตนามแลกถังกาลามัง ไว้ซักกุงเกงใน ก็น่าจะดีนะ.....

..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

ไม่สน

อ้างจาก: รวมมิตร เมื่อ 01:27 น.  06 ก.พ 55
55 แนวรบอำมาตย์ยิ่งสู้ยิ่งบานปลาย ศัตรูยิ่งมาก และประชาชนเริ่มอิ่ม Enough แล้ว
วันนี้ประชาชนเริ่มจะอ้วก และเบื่อกับระบอบเกาหลีเหนือนี้แล้ว

คนต่างจังหวัด เขายิ่งเบื่อจนแทบจะอ้วกกันแล้ว ไปพูดที่ไหน ก็รับความรู้สึกนี้อย่างชัดเจน ซึ่งจริงๆ พอพูดถึงพวกเราทุกคนก็เข้าใจ คือ มันจุก อิ่มจนแทบจะอ๊วกแล้ว กับระบบนี้ เรียกว่า enough กันแล้ว

มันเหมือนกับคนฝรั่งเศส สมัยปฎิวัติใหญ่ 1789 ที่ก่อนระเบิดมันก็เป็นแบบนี้แหละ ไล่จับ ไล่ฆ่า พยายามรักษาสภาพเดิมไว้ พอประชาชนเริ่มอ๊วก ก็เลยระเบิดกันตูม ผลก็อย่างที่เห็น

วันนี้คนไทยเริ่มรู้สึกว่า จะรับไม่ไหวแล้ว อะไรมันจะมากไปขนาดนี้

วันนี้สงครามของพวกอำมาตย์ ระหว่างทักษิณ นั้นยังไม่จบ แนวรบใหม่ กับนักวิชาการ ปัญญาชนเริ่มขึ้นแล้ว

แนวรบนี้ ไม่ได้มีว่าทักษิณเลว ฉันดี
แต่เป็นแนวรบ เสรีภาพในการแสดงความเห็น ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ กับการพยายามกดให้ความเป็นมนุษย์ลดน้อยลงของพวกอำมาตย์
เป็นแนวรบทางอุดมการณ์กับปัญญาชนไปแล้ว
ในภาวะที่ประชาชนเริ่มจะอ๊วก กับการเปิดแนวรบใหม่ของอำมาตย์ คงเละน่าดูแน่ๆ

ดูตัวอย่างการปลุกกระแสล้มเจ้าของฝ่ายขวา ประชาชนไม่ขยับเลย
เหมือนรู้ทันว่า เอาอีกแล้วหรือพวกเอ็ง ต้องการให้คนมอบ คลานกันไม่จบสิ้นอีกหรือ
วันนี้สงครามขยายแนวรบ บานปลายไปเรื่อยๆ
ผมรู้สึกว่าลูกตุ้มนาฬิกาที่มันแกว่งไปสุดแรงเหวี่ยงมันแล้ว
วันนี้มันกำลังแกว่งกลับแรงพอกัน
ลัทธิสุดกู่อะไร คนเริ่มไม่เอากันแล้ว
รบกันมา 5 ปี หากจะปลุกระดมด้วยระบอบเดิมอีก ไม่คิดว่าจะปลุกขึ้น
คนรากหญ้าที่โดนฆ่าไปเมื่อสองปีที่แล้ว เขาเจ็บ เขารู้ว่าใครสั่ง

งานนี้ปลุกยังไงก็ไม่ขึ้น
จุดเปลี่ยนที่เห็นว่ากระเทือนเข้าไปในจิตวิญญาณของประชาชนทั่วไปคือ วันที่เห็น "ชาวเกาหลีเหนือร้องไห้" กันเป็นวักเป็นเวร
วันนั้นหลายคนตื่นขึ้น อะไรมันจะขนาดนั้น
มองเขาแล้วมองย้อนมาที่ตัวเรา อะไรมันจะขนาดนั้น
หากเราต้องอยู่เกาหลีเหนือ เราจะละอายตนเองขนาดไหน
ผมว่าความละอายมันเกิดขึ้นกับการดูภาพคนเกาหลีเหนือร้องไห้
วันนี้การปลุกกระแสมันจึงไม่ติด ทำอย่างไรมันก็ไม่ติด

ส่วนตัวคิดว่าที่มาถึงจุดนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะแนวคิดแบบ zero sum gameของพวกเขา
เพราะตอนที่รัฐประหารสำเร็จนี่ทักษิณยอมแพ้ไปแล้วนะครับ พวกเขาเองที่บีบให้ทักษิณต้องสู้
จนกลายเป็นประชาชนจะเป็นคู่กรณีโดยตรง

ส่วนตัว นี่ตื่นขึ้นก่อน"งานศพ"นะ ทำนองว่าเห็นในบอร์ดแห่งหนึ่งว่า
"ไม่มีใครเป็นอัจฉริยะในทุกด้านนอกจาก เขาและแฟมิลี่"
เกิดเควสชั่นมาร์คตัวโตๆในหัวเลยครับ

และยิ่งมีสื่อมวลชนกระแสหลักที่ไม่มีจรรยาบรรณ
นำเสนอข่าวแบบเอาใจ ... ด้านเดียว
ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าประชาชน อ๊วกแล้วอ๊วกอีกกันทั่วแผ่นดินแล้ว
ทุกวันนี้  ตั้งคำถามกับคนไปทั่วว่า
พ่อแม่เราส่งเราเรียนหนังสือ ทำให้เรามีหน้าที่การงานที่ดี พ่อแม่เราเลี้ยงเรามาจนเติบใหญ่..ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม
เหตุใด..ต้องทำดี เพื่อ พ่อคนอื่น แม่คนอื่น..
ยืนยัน ทำดีเพื่อพ่อแม่ตัวเอง....พ่อแม่คนอื่น  ไม่เกี่ยวย่ะ

ว่างๆนัดกันไปอ๊วกข้างตึกเหอะ
โฆษณาชวนอ๊วก...
คงต้องขอบคุณการเสนอข่าวด้านเดียวฝ่ายเกาหลีเหนือ
ที่ปล่อยให้สมุนปากหมาออกมาเห่าหอน เล่าเรื่องสุดยอด
จนเกิดข้อสงสัย "มนุษย์อะไรฟะ แม่งเก่งทั้งแฟมิลี่"

ดูแล้วถ้าประชาชนจะอ้วกจริงๆ ก็คงต้องอ้วกเป็นเลือดแล้วล่ะครับ ถ้ามีวิธีที่ทำให้ประชาชนไม่ต้องอ้วกเป็นเลือดก็คงดี
แต่อย่างว่าล่ะครับ สิ่งนี้เรากำหนดเองไม่ได้ ก็หวังว่าผู้มีอำนาจฝ่ายอำมาตย์คงไม่อยากเห็นเราต้องอ้วกเป็นเลือดนะครับ เพราะมันอาจจะไม่ใช่แค่ประชาชนเท่านั้น  แต่อำมาตย์เองก็อาจจะต้องอ้วกเป็นเลือดด้วยเช่นกัน

ผมถูกใจข้อเขีนนของคุณด้วยความจริงใจ