ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

Happy Valentine's day ชาวโลก!

เริ่มโดย Mr.No, 15:09 น. 15 ก.พ 55

Mr.No

[attach=1]

จริง ๆ เขียนเรื่องนี้ว่าจะเขียนลงในวันวาเลนไทน์..แต่เขียนได้ไม่จบก็เลยต้องข้ามมาลงในวันนี้...ก็คิดว่า ยังคงมีกลิ่นอายบรรยากาศวาเลนไทน์อยู่บ้าง..

เมื่อวาน..(14/02/2555) ตรงกับวันหวานแว๋ว วาเลนไทน์ เทศกาลที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่กุหลาบ ....
ขนาดเด็กนักเรียนคอซองบ้านนอกตัวดำปี๋ วันนี้ก็ยังต้องอินเทรนด์ไปกับวัฒนธรรมฝรั่ง ผ่านช่อกุหลาบใหญ่ในมือ....นี่ยังไม่นับการส่งข้อความผ่านทุก social network

ในทีวีก็มีแต่คนรักกัน.... ขนาด ผู้ชายดูดปากผู้ชายอย่างดูดดื่ม ทำสถิติชวนคลื่นเหียนกว่า50 ชั่วโมง ก็คือ สิ่งที่พวกเค้าบอกว่าเป็น "ความรัก" ในวันวาเลนไทน์...

แต่วันแห่งความรัก...สำหรับ บางคน, บางกลุ่ม อาจไร้ความหมาย เพราะได้บ่มเพาะความเคียดแค้น,ชิงชัง ฝังในสายเลือดจนกลายเป็น วัฒนธรรมแห่งการเกลียดชังด้านชนชาติอย่างถาวรมานานแสนนานนับแต่ประวัติศาสตร์...

ลำพัง วันแห่งความรักนั้น  ต่อให้นักบุญวาเลนไทน์ที่ยังไม่ตาย...มายืนโบกดอกกุหลาบเย้วๆด้วยมือเอง..ก็คงไม่อาจเยียวยาให้ "ชิงชัง"...กลายเป็น "ชื่นชม" ไปได้ โดยเฉพาะบางคน บางกลุ่มที่กำลังจะพูดถึง

เหตุการณ์ความชิงชังต่อกัน...ในวันวาเลนไทน์  ..ทำให้ประเทศไทย...โด่งดังไปในพริบตา เมื่อข่าวปรากฏว่า แขกขาวชาวอิหร่านแกเกิดทำระเบิดพลาด บึ้มใส่บ้านตัวเองแถวสุขุมวิท  แต่ไม่ตายก็เลยฟิวส์ขาด วิ่งอาละวาดไล่แจกระเบิดให้คนกรุงเทพฯ จนวุ่นวายเละเทะ ขาขาดกระเด็นกระดอนทั้งคนทำ แถมชาวบ้านระแวกนั้นก็ร่วมรับกรรมหูอื้อ..ตาลายร่วมไปกับรัฐบาลไทยที่เริ่มออกอาการเอ๋อ...เพราะโม้ไว้แยะว่า "เอา(ก่อการร้าย)อยู่แล้ว" ..

ผมเล่าเรื่องนี้ ไม่ได้เพราะจู่ ๆ เกิดอการจิตตก...หรือกังวลจนเกินเหตุกับข่าวที่เกิดขึ้นนี้ เพราะจำได้ว่า เคยเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อน ๆ ในกิมหยงฟังกันแล้วถึง ความกังวลต่อกรณีอิหร่านกับอเมริกา และโดยเฉพาะกลุ่มฮิซบอเลาะห์ ที่นับวันเริ่มจะมีบทบาทในเวทีความขัดแย้งมากขึ้น

ผมเคยเล่าให้ฟังถึงกรณีที่สำนักข่าวกรองของสหรัฐ และอิสราเอล เคยออกมาเตือนรัฐบาลไทยว่า ให้ระวังการก่อการร้ายที่จะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ  ซึ่งก็สอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่ก่อนหน้านี้ ที่ ผู้นำสูงสุดของอิหร่านประกาศจะสู้ตายถ้าหากอิสราเอลจะลองของ โดยเฉพาะข่าวที่อิสราเอลอาจจะโจมตีอิหร่านในราวเดือนเมษายนนี้...

การปล่อยข่าวขู่ไปขู่มา..ระหว่าง ยิว กับ อาหรับ นี่มันไม่ใช่ปล่อยข่าวแบบการเมืองไทย  ที่ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ดูเผินๆ ก็เหมือนจะ แง่งใส่กันไป แง่งใส่กันมา แบบดูราวจะไม่เผาผีกันในชาตินี้แล้ว...แต่สุดท้าย ก็ซูเอี๋ย ...กำเสี่ย ๆ ร่วมรัฐบาลกัน แบบที่เราก็พบเห็นกันมาตลอดเสียเมื่อไหร่

นั่นมันการเมืองไทย...แต่สำหรับพวกนี้... ขู่แล้ว  มันเอาจริง!


เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง ที่นักวิทยาศาสตร์ด้านพลังงานนิวเคลียร์ของอิหร่านเพิ่งจะเด็ดสะมอเร่ เพราะโดนมือดีเอาระเบิดแม่เหล็กไปติดที่รถ..... แล้วกดบึ้มสนั่น!.... ร่างนักวิทยาศาสตร์มือดีของอิหร่านก็กระจุยกระจายในบัดดล

อิหร่านประกาศชัดว่า นี่เป็นการกระทำของพวก mossad (หน่วยข่าวกรองของอิสราเอล)

แน่นอนว่าเรื่องล้างแค้นแบบทันทีทันควัน...สองชาตินี้ ไม่แพ้ใครในโลก ....  เพราะล่าสุด ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุในประเทศไทย 1 วัน ก็มีการใช้ระเบิดชนิดคล้าย ๆ กันคือ ระเบิดแม่เหล็ก ถูกคนร้ายเอาไปปะติดรถยนต์ของนักการทูตอิสราเอลในประเทศอินเดีย แล้วกดชนวน บึ้ม!!...... ผล เจ็บระนาวทั้งนักการทูตและคนติดตาม ต่างถูกหามเข้าโรงพยาบาลเข้าขั้นตรีฑูต!

[attach=2]

เอ็งที...ข้าที.... แบบนี้ อิสราเอลไม่ค่อยชอบ เพราะนิสัยของประเทศนี้ เวลาโมโห มักจะตัวโตกว่าลูกพี่อเมริกา เพราะชอบเล่นอาวุธหนัก อย่างที่เคยถล่มฉนวนกาซาในเขตเวสต์แบงค์ของปาเลสไตน์มาเละเทะ ไม่สนว่า เด็ก คนแก่จะตายกันเท่าไหร่.....
มีคำถามต่อไปว่า...แล้วสำหรับเมืองไทย ที่ฝ่ายความมั่นคง(ประจำ) อย่างคุณเฉลิมที่เคยออกมาประกาศอย่างองอาจว่า คนกรุงฯ นอนตาหลับได้แล้ว เพราะมีการจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวเลบานอนไปได้แล้ว พร้อมหลักฐานเป็นวัสดุตั้งต้นในการผลิตระเบิดได้มหาศาล

แต่เหตุการณ์เมื่อวาน ..ก็คงทำให้เรารู้แล้วว่า  ลำพังการไว้วางใจหรือเชื่อขี้ปากนักการเมืองนั้น...มันน่ากังวลเพียงใด
และพร้อมๆกัน ก็คงพอเห็นภาพได้ชัดเจนแล้วว่า  วันนี้เมืองไทย ไม่ได้ปลอดภัยแบบที่คิด และข้อเท็จจริงก็คือ ประเทศไทยได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความเสี่ยงของการก่อการร้ายไม่แพ้อีกหลายชาติที่เป็นเป้าหมายอย่างจริงจังแล้ว....

อย่างน้อยตอนนี้ประเทศไทย ก็ได้กลายเป็นที่สุมหัว..ที่พัก..และวางแผน โดยมีทุกอย่างพร้อมสรรพ และที่สำคัญก็คือ ต้องมีเส้นสายของกลุ่มนี้อยู่ในไทยเพื่อให้การสนับสนุนอยู่ไม่น้อย

คงเหลือนับแต่นี้ก็คือ สถิติ หรือความรุนแรงจะมากน้อยเพียงใดนั้น ก็เป็นเรื่องทีต้องเฝ้าติดตามกัน


โลกใบนี้ยังอยู่ท่ามกลางความน่ากังวลเพราะยังวนเวียนอยู่ในวังวนของ "ความเกลียดชัง" และ "ความละโมบ" ที่ไม่มีวันหมดสิ้น 
แน่นอนว่า....สองสิ่งคือข้างต้น คือเหตุปัจจัย และเป็นสารตั้งต้นสำหรับทำลายล้างทุกอย่างแม้แต่โลกใบนี้

มุสลิม ชิงชัง พวกยิวและอเมริกา ...  มากพอ ๆ กับที่ คนยิว มองมุสลิม เป็นพวกล้าหลังและไร้ค่า รวมทั้งเป็น "จอมสร้างปัญหา"

ยิวเอง...ก็เคยถูกเกลียดชังจากคนอื่นไม่น้อย และเกือบสูญสิ้นเผ่าพันธุ์เพราะ ฮิตเลอร์
ลักษณะนิสัยของยิว...นั้น ถูกนำเสนอให้เห็น ผ่านบทกวีชื่อก้องของเช็คสเปรียร์ที่ชื่อ "เวนิสวาณิช"

เวลาเราจะเรียก ใครคนหนึ่งที่มีนิสัย เห็นแก่ตัว ขี้เหนียวและเอาเปรียบอย่างร้ายกาจ เรามักเรียกคนนั้นว่า "ไชล๊อก" ซึ่งหมายถึงตัวละครยิว ในบทละครของเช็คสเปรียร์ที่เป็นนายทุนเงินกู้ที่เค็มและร้ายถึงขนาดเชือดเนื้อจริง ๆผู้กู้ แทนดอกเบี้ย

จาก "ความเชื่อ" ที่แตกต่าง นำไปสู่ "ความเกลียดชังซึ่งกันและกัน ระหว่าง ยิว กับ มุสลิม ....
สงครามแย่งพื้นที่..ตามคัมภีร์ ทำให้ ยิว กับ ปาเลสไตน์ กลายเป็นคู่สงคราม...ฆ่ากันเป็นเบือ
เมื่อแรก ๆ คู่ศัตรูของยิว คงมีเพียงแขกปาเลสไตน์... แต่วันนี้ ยิวหรืออิสราเอล กลายเป็นศัตรูตัวเอ้ของ อาหรับแทบจะทั้งโลก!

ยิว...อยู่ได้ เพราะ สายเลือดยิวที่เป็นคนรวยได้ไปฝังตัวอยู่ในประเทศอเมริกาเสียจนเป็นเลือดเดียวกันแล้ว..
สื่อยักษ์ อย่าง นิวยอรก์ไทม์, วอชิงตันโพส ฯลฯ พวกนี้ ล้วนมีเจ้าของเป็นยิว...
พ่อมดการเงินตัวเอ้อย่าง จอรจ์ โซรอส ก็มีเลือดมาจากยิว ฯลฯ

ดังนั้น ยิวและอเมริกา จึงกลายเป็นศัตรูตัวสำคัญที่ กลุ่มมุสลิมผู้เกลียดชัง เหม๋งหัวไว้....

ยิวและอเมริกา...มีเงิน..มีอำนาจ  จึงมีอาวุธดีกว่า  อาศัยบินถล่มเอาๆ  ..แขกปาเลสไตน์ นอนตายเป็นเบือ เพราะพวกปาเลสตีเนี่ยน มีแต่พวกอาก้า หรือแค่หัวปลี ยิงสิบที ด้าน 8 ที... รบ 10 ครั้ง ก็ตายเอง 8ครั้ง..


แต่แขกก็มีสิ่งที่ยิวและอเมริกาไม่ค่อยมีคือ.... ความบ้าบิ่นและกล้าหาญ  สองอย่างนี่คืออาวุธสำคัญที่ทรงพลานุภาพที่สุดของกองกำลังมุสลิมที่ต่อต้านยิวก็คือ  "พลีชีพ"

การที่คน ๆ หนึ่งยอม "พลีชีพ" นั้น...ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ   เพราะหากไม่มีความ "ศรัทธา" อย่างแรงกล้า หรือ "ชิงชัง" แบบสุด ๆ คงทำไม่ได้

ผมจึงคิดว่า... สัญญานไม่ค่อยดีเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบไปถึง ความมั่นคงของโลก และชีวิตความเป็นอยู่ของคนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกง

นับแต่ ราคาน้ำมัน....ที่จะส่งผลกระทบมาถึง "ไข่ดาว"  และ "กระเพราไก่"
การชะลอตัวของภาคธุรกิจ,อุตสาหกรรม หรือปัญหาความไม่ปลอดภัยจากสภาวะสงครามที่อาจเกิดขึ้นในน่านน้ำ โดยเฉพาะอย่างช่องแคบฮอร์มุซ

เพราะแขกเปอร์เซียอย่างอิหร่านนั้น....ไม่ได้เก่งแค่ถอพรมขาย ทว่า ยังผลิตนักพลีชีพได้มากพอที่อิสราเอล,อเมริกา,ฝรั่งเศสและอังกฤษ เริ่มกลัวที่จะเจอพวก "เรือพลีชีพ" ในช่องแคบนี้

และเมื่อสงครามเกิดขึ้นเมื่อใด.. ก็เป็นอันรู้กันว่า  การจะทำให้สงครามสงบจบลงนั้น มีหนทางเดียวก็คือ สูญเสียกันจนหมด นั่นละ คงจะยอมกัน...

เพราะการรบที่ฝ่ายหนึ่งมีอาวุธ..มีอำนาจ  อีกฝ่าย ยอมตาย แบบตายสิบเกิดแสน...ดังนั้น ถ้าจะให้จบต้องฆ่าให้ครบไม่ให้เหลือคนสุดท้ายกันละมัง

เขียนเรื่องนี้...มิใช่เพราะใจเอียงไปทางมุสลิม...หรือ มีอคติรังเกียจ ยิว  แต่เขียนเพื่อจะบอกคนไทย ให้มองเห็นถึง ความสำคัญของ ความหมายที่แท้จริงของคำว่า "ความรัก" นั้น มิใช่หมายถึง กุหลาบในวันวาเลนไทน์ หรือหมายถึงการยอมเป็นครั้งแรกให้กับใครอย่างที่วัยรุ่นไทย ดัดจริตสร้างประเพณีผิด ๆ ในวันนี้..

แต่ความรักในความเป็น "มนุษยชาติ" ที่มีเลือดเนื้อลมหายใจในเผ่าพันธุ์มนุษย์เหมือนกัน คือเครื่องมือสำคัญในการยุติความชิงชังที่มีอยู่ให้ลดน้อยถอยลง...


มีความรักให้แก่กันมากขึ้น....โลกสงบเย็น น่าอยู่
มีความรักให้แก่กันน้อยลง...โลกร้อนเร่า เป็นดังเตาเผา
ไร้ความรักให้แก่กัน............ โลก จะไม่ใช่สถานที่อยู่สำหรับ สัตว์โลกที่เรียกว่า "มนุษย์" อีกต่อไป


สุขสันต์วันวาเลนไทน์ชาวโลก!

..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

คุณหลวง

    สวัสดี...ในวันแดดแจ่มๆแต่ร้อนผ่าวๆครับท่านมิสเตอร์โน

    ท่านกฤษณะมูรติ บอกว่า เราไม่สามารถรู้จักความรักได้ หากเรายังไม่สามารถคัดแยกสิ่งที่มิใช่ความรักออกไปได้ ท่านยกตัวอย่างว่า ความกลัว ความผูกพันเกาะอิงผู้อื่น การอิฉาริษยา หึงหวง การครอบครองเป็นเจ้าของ การวางอำนาจเหนือ ความปวดร้าวหรือการคิดถึง การสวมกอดเกาะกุมมือกันไว้หลังทะเลาะและคืนดีกัน การเศร้าโศกเสียใจ ร้องไห้เมื่อสามี ภรรยา ลูก และหรือคนอื่นๆตาย สิ่งเหล่านี้มิใช่ความรัก

    "การปฏิเสธสิ่งที่มิใช่ความรัก นั่นแหละคือความรัก แล้วความรักที่แท้จริงจะบังเกิดขึ้น นั่นคือความเมตตากรุณา อันเป็นสาระแท้จริงและยิ่งใหญ่ของโลก"


    ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเอเชียอาคเนย์ สะดวกทุกอย่าง รวมถึงการเข้าถึงเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองเพื่ออะไรก็ตาม..ขอเพียงมีเงินมาก็พอ เพราะระบบจัดการความทุจริตของระบบเกิดจากความทุจริต มันเลยสุจริตมิได้ เพราะเรายอมรับบูชาความทุจริต คนทุจริต(ที่มีเงิน มีอำนาจ) มันเลยสุจริตไม่ได้

    อย่้าแปลกใจที่ต่อไปนี้ การก่อการร้ายจะแทรกซึมขยายตัวผ่านประเทศที่สามมากขึ้นเรื่อยๆ และประเทศใดที่มีระบบรัฐอ่อนแอก็ย่อมเป็นทางผ่านได้เป็นอย่างดี ประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น

    เป็นสงครามที่ไม่เย็นหรอกครับ ต่อไปนี้ ระหว่างยิว อเมริกา และประเทศอาหรับ แม้อิหร่านไม่ชอบซัดดัม ฮุสเซ็น แต่ใช่ว่าเขาจะยินดีต่อการเข้าไปเป็นใหญ่ของเมริกานี่ครับ และัเขาก็รู้ว่าประเทศอาหรับที่เหลือจะกลายเป็นเป้าต่อไปๆ แล้วแต่ประเทศใดตกฟากเคราะห์ก่อน

    ผมทำใจว่าสงครามในโลกนี้น่าจะเกิดขึ้นรนอีก ตั้งแต่เห็นผลสำรวจความนิยมของโอบามาตกต่ำลงมาก เพราะนั่นเป็นตัวเร่งให้เกิดสงครามเร็วขึ้น หากโอบามาต้องการเป็นอีกสมัย และแม้โิอบามาไม่สนใจตำแหน่งต่อไป สงครามก็เิกิดขึ้นอยู่ดี แต่ช้าหน่อยเท่านั้น

    สิ่งที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯครั้งนี้ เป็นสัญญาณเตือนที่คนไทยต้องตระหนักอย่างยิ่ง โดยเฉพาะรัฐบาล(ไม่ว่าใครก็ตาม) จะพูดเพียงเพื่อปลอบใจชาวบ้านว่า ไม่เป็นไรๆ ไม่ได้หรอก เพราะโลกแห่งข่าวสารมันกว้างและเร็วมาก เผลอๆจะโดนข่าวลือทำป่วนเอาก็ได้

    ดูอย่างข่าวลือตอนหวัด 2009 สิ เล่นเอาวุ่นวายทั้งประเทศ

    ผมไม่ได้พูดเพื่อให้ตกใจ แต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนตอนสามจังหวัดปะทุขึ้นอีกครั้ง นายกฯเราตอนนั้น พูดเสียงดังว่าเป็นเรื่องโจรกระจอก ไม่มีพวกแบ่งแยกดินแดน เพื่อนผม ซึ่งเป็นมุสลิมนราธิวาสหัวเราะก๊ากเลย มันว่า นายกฯปากเสีย ถ้าอยากรู้ว่ามีหรือไม่ ถามมันดูสิ แม้มันอยากให้เมืองไทยสงบสุข แต่เรื่องนั้นเป็นเรื่องจริงที่มันยอมรับ

    มาครั้งนี้ รัฐบาลก็เสียงดังฟังชัดแบบไม่ต้องถามซ้ำ
    ผมไม่ซ้ำเติมหรอก เพราะรู้ว่าใครเป็นรัฐบาลตอนนี้ล้วนต้องเจองานหนักที่ขยายวงกว้างขึ้นแบบซึมลึก แต่รัฐบาลก็ควรที่จะสร้างความมั่นใจให้ได้ก่อนอวดตัวเอง ในเมื่อไม่ใช่นายของผู้ก่อการเหล่านี้ก็อย่าคิดว่าสั่งหยุดสั่งทำตอนไหนก็ได้

   เฮ้อ พูดมากไปก็วกวนเสียเปล่ากระมัง กลับมาวาเลนไทน์นิดหนึ่ง ผมว่า หากเซนต์วาเลนติโน (ซึ่งได้รับการอุปโลกน์เป็นตัวแทนแห่งความรัก)ได้มาเห็นวัฒนธรรมวาเลนไทน์ทุกวันนี้ ท่านอาจจะอยากเปลี่ยนชื่อเลยก็ได้  ส.หลกจริง
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

Mr.No

สวัสดีขอรับ คุณหลวง...

ผมมองไม่เห็นทางใดที่จะแก้ปัญหาของโลกใบนี้ ได้เท่ากับใช้ "ความรัก" เป็นสารตั้งต้นแห่งความเข้าใจ....

แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องเศร้า...โดยเฉพาะใน "มุนษย์" ทีมักจะถูกอบายและความหลงบังตา มีความโลภเป็นอาภรณ์  มีอคติเป็นอาวุธ .....และสุดท้ายเรา มัก "สูญเสีย" ก่อนที่จะเข้าใจและรู้จักคำว่า "เสียใจ" เสมอ

ผมมองว่า "ยิว" จะเป็นตัวแปรที่สำคัญที่จะก่อให้เกิดชนวนความขัดแย้งครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์สงครามที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

เพราะลักษณะนิสัยของคนยิวนับแต่ในอดีตนั้นจะเห็นว่า... ไม่เฉพาะแค่ฮิตเลอร์เท่านั้น ที่รังเกียจ แต่คนอังกฤษหรือในยุโรปเอง ก็ล้วนรู้จักยิว และคุณลักษณะของยิวได้ในทางที่ไม่ค่อยสวยงามนัก

บทละครอย่าง  เวนิสวาณิช ที่เช็คสเปรียร์ เขียนให้เห็นลักษณะนิสัยของ ยิวอย่างไชล๊อก ก็พอจะมาเห็นภาพได้ว่า การถ่ายทอดลักษณะนิสัยของยิวผ่านความรู้สึกของกวีเอกอย่างเช็คสเปรียร์แบบนี้ แม้คนยิวเองก็ไม่พอใจ แต่ก็คงสะท้อนอะไรให้เห็นได้มากมายในมิติทางประวัติศาสตร์

อย่าง  กรณี ระเบิดครั้งนี้ ผมวิเคราะห์ได้เลยว่า  เป้าหมายที่สำคัญของอิหร่านกลุ่มนี้ก็คือ นักการทูตอิสราเอล ในประเทศไทย!
เพราะปฏิบัติการและรูปแบบ รวมทั้งชนิดของระเบิด ล้วนบ่งชี้ว่า เป็นขบวนการเดียวกัน

ถ้าจะเปรียบ ปฎิบัติการของกลุ่ม ฮิซบอเลาะห์ ก็คงประมาณ..ตัดแข้งขา เจ๊าะแจ๊ะไปเรื่อย
แต่ อิสราเอล....ประเภท มิต้า  คือ เล็ก  ๆ ไม่  ใหญ่ ๆ อิสราเอล ชอบ! ดังนั้น ถ้าจะถล่มแบบตายเป็นเบือ หรือจะสังหารใครเล่นระดับใหญ่ ๆ แบบนี้ อิสราเอลถนัด

แต่ถ้าจะพิจาณาถึงยุทธการล้างแค้น..ของแต่ละฝ่าย โดยพิจารณาถึงเป้าหมายโจมตีนั้น ผมมองว่า อิสราเอล และอเมริกา เสียเปรียบกว่ามาก เพราะเป้าหมายเลือกสำหรับการถูกโจมตี สำหรับสองชาตินี้ มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สถานทูต หน่วยงานราชการ หรือที่ง่ายกว่าก็คือ แหล่งทำมาค้าขายที่มีเจ้าของหรือนายทุนเป็นยิว หรืออเมริกา....

เขียนแล้วก็รุ้สึก เป็นห่วงคุณหลวงตะหงิด ๆ....จะนั่ง จะกิน ที่ไหน เหลียวซ้ายแลขวาสักนิดนะขอรับ  นั่งกินกาแฟในร้านสตาร์บัค   เกิดเห็นแขกนั่งยิ้มเผล่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบเช็คบิลตัวใครตัวมันซะก่อนก็ดีนะครับ....  เดี๋ยวจะหาว่า  "บังไม่เตือน" ...ฮา ส-เหอเหอ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

ปล้นฆ่าทารุณ

>


""" ไบเบิ้ลกล่าวถึงความรักไว้มาก เช่น ..

..รักนั้นก็อดทนนาน ความรักกระทำคุณให้ ความรักไม่อวดตัว ไม่อิจฉา ไม่จองหอง

ไม่เกรี้ยวกราด......


...แต่ฝรั่ง ไม่ว่า อังกิด มริกา เศษฝรั่ง ฮอลแลนด์ สเปญ..

ต่างก็ล่าเมืองขึ้น ฆ่าคนพื้นเมืองไปมากมายหลายล้าน ทารุณ กดขี่

ปล้นเอาสิ่งมีค่าไปมากมาย หากใครไม่เชื่อ ไปดูได้

..ของอีหยิบไปอยู่เศษฝรั่ง ของอินเดียไปอยู่ิอังกิด.... ส.โกรธอย่างแรง ส.โอ้โห ส.โอ้โห ส.สั่งสอน ส.สั่งสอน ส.สั่งสอน

wareerant

แต่ยิวก็มีข้อดีนะ คือ ร้องเพลงเพราะ แต่งเพลงเก่ง ผมชอบฟังมาก และอยากให้เขาออกอัลบั้มใหม่ ๆ มาอีก ใครอยากคุยกับยิว ก็ไปหาเอาในเฟสบุ๊กได้ เขาชื่อ ยิว คนเขียนเพลง

หัวใจปลาตีนก็ทำจากเนื้อนิ่ม ๆ ไม่แยกไม่ยิ้มมีทุกข์โศกเป็นครั้งคราว

Mr.No

อ้างจาก: wareerant เมื่อ 13:40 น.  16 ก.พ 55
แต่ยิวก็มีข้อดีนะ คือ ร้องเพลงเพราะ แต่งเพลงเก่ง ผมชอบฟังมาก และอยากให้เขาออกอัลบั้มใหม่ ๆ มาอีก ใครอยากคุยกับยิว ก็ไปหาเอาในเฟสบุ๊กได้ เขาชื่อ ยิว คนเขียนเพลง

หัวใจปลาตีนก็ทำจากเนื้อนิ่ม ๆ ไม่แยกไม่ยิ้มมีทุกข์โศกเป็นครั้งคราว

..  ยิวนาทวี  บ้านเราน่ารักครับ...

แต่ยิวนักปั่นค่าเงิน อย่าง จอร์จ โซรอส นี่ มีแต่ทักกี้ละครับที่ชอบ ส-เหอเหอ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

คุณหลวง

อ้างถึงเขียนแล้วก็รุ้สึก เป็นห่วงคุณหลวงตะหงิด ๆ....จะนั่ง จะกิน ที่ไหน เหลียวซ้ายแลขวาสักนิดนะขอรับ  นั่งกินกาแฟในร้านสตาร์บัค   เกิดเห็นแขกนั่งยิ้มเผล่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบเช็คบิลตัวใครตัวมันซะก่อนก็ดีนะครับ....  เดี๋ยวจะหาว่า  "บังไม่เตือน" ...ฮา ส-เหอเหอ

    อือฮึ มะเป็งรายดอกท่าน เพราะกระผมเป็นคนที่ใครๆก็รัก เฮ้อ..เหนื่อยใจตัวเอง  ส.ฉันเอง หากแขกจะยิ้มกับผมก็เป็นเพียงประการเดดียวคือ เขาประทับใจในตัวผมเท่านั้นเอง  ส.หลกจริง

สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป