ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ความหมายและลักษณะของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์(Genocide)

เริ่มโดย Giadaexp, 15:08 น. 13 เม.ย 63

Giadaexp

การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) เกิดจากนิยามที่องค์การสหประชาชาติให้การรับรองสนธิสัญญาต่อการป้องกันและลงโทษอาชญากรรมในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในปี 1948 ซึ่ง Raphael Lemkin นักกฎหมายผู้นิยามศัพท์คำว่า Genocide ได้ผลักดันจนบังคับใช้เป็นกฎหมายระหว่างประเทศ การนิยามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของ Lemkin มีรากฐานมากจากคำศัพท์ 2 คำ คือ Barbarity หมายถึง การฆ่าบุคคล และ Vandalism หมายถึงการทำลายวิถีชีวิตหรือการฆ่าล้างวัฒนธรรม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม่ใช่แค่การทำลายเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ด้วยการฆ่าหมู่เป็นจำนวนมากและรวดเร็วเท่านั้น แต่รวมถึงการมีแบบแผนการกระทำต่าง ๆ หลายแบบ ที่มีเป้าหมายในการทำลายกลุ่มนั้น ๆ  ความหมายดังกล่าวจึงผูกโยงกับการฆ่ามวลมหาชนขนานใหญ่ เช่น ชาวอัสซีเรียน(Assyrian) ชาวยิว ชาวบอสเนียเฮอร์เซโกวีน่า ชาวฮูตู และทุตซี ในรวันดา รวมถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ภายใต้ระบอบเขมรแดง
ขณะเดียวกัน Demien Short เสนอว่าการฆ่าล้างวัฒนธรรมคือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างหนึ่ง โดยเสนอข้อมูลเชิงประจักษ์ที่เกิดขึ้นจริงและยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันผ่านการณีศึกษา กรณีปาเลสไตน์ ศรีลังกา ออสเตรเลีย และอัลเบอร์ต้าเหนือในแคนาดา ซึ่งถูกทำให้หายไปโดยการพรากวิถีชีวิตดั้งเดิม โดยรัฐบาลออสเตรเลียไม่อนุญาตให้ชนเผ่าชาวอะบอริจินสร้างความเข้มแข็งของชีวิตตนเอง Short เห็นว่าการทำให้ชนพื้นเมืองกลายเป็นคนแปลกหน้าในวัฒนธรรมของตนเอง เป็นการดำรงอยู่ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การบีบคั้นความสามารถในการดำรงชีวิตผ่านเงื่อนไขทางสิ่งแวดล้อม ในกรณีศรีลังกาซึ่งรัญบาลมีนโยบายให้ชาวสิงหลย้ายถิ่นฐานเข้าไปอยู่ในพื้นที่ดั้งเดิมของชาวทมิฒ จนทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สร้างปัญหาปัจจัยพื้นฐานไม่เพียงพอ เช่นเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ใน GAZA ถูกรัฐบาลอิสราเอลสร้างเงื่อนไขทางสิ่งแวดล้อมจนไม่เหมาะที่จะอยู่อาศัยหรือประสบความยากลำบากในการดำรงชีวิต ดังนั้น Short จึงมองว่า การสร้างเงื่อนไขให้มีความยากลำบากในการดำรงชีวิตจึงเป็นสิ่งหนึ่งในคำนิยามของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และกรณีอัลเบอร์ต้าเหนือใน แคนาดานั้น Short เสนอว่ามีโครงการจำนวนมากซึ่งมีเป้าหมายในการทำลายปัจจัยที่จำเป็นสำหรับการมีชีวิตอยู่ของกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ เนื่องจากรัฐต้องการผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจผ่านการผลิตพลังงาน ประเด็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่   Short เสนอคือ รัฐบาลอนุญาตให้ทำลายปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของชนพื้นเมือง  แต่ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวอาจมีที่มาโดยการอ้างเหตุจำเป็นในเรื่องการพัฒนาคุณภาพชีวิต และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้แนวคิดของ Short อาจยังไม่เห็นความครอบคลุมในการนิยามถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เท่าใดนัก 4 กรณีดังกล่าว จึงยังไม่ถูกให้ความหมายว่าเป็นเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
สนับสนุนบทความโดย 918kiss
งานศึกษาเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม่เป็นที่นิยมนักในประเทศไทย อาจกล่าวได้ว่า ประเทศไทยยังไม่มีเหตุการณ์ใดที่ใกล้เคียงการฆ่ามวลมหาชนขนานใหญ่ จึงทำให้งานศึกษา อยู่เฉพาะกลุ่มผู้ที่สนใจศึกษาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในแต่ละเหตุการณ์ แตกต่างกันไป แม้กระนั้นงานของ ดวงเด่น นาคสีหราช(2551) เรื่องอาชญากรรมทำลายล้างเผ่าพันธุ์กับการเข้าภาคยานุวัติของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและลงโทษอาชญากรรมทำลายล้างเผ่าพันธุ์ ค.ศ. 1948 ชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าประเทศไทย อาชญากรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยังไม่เคยเกิดขึ้น แต่ประเทศไทย ในฐานะรัฐสมาชิกขององค์การสหประชาชาติควรที่จะแสดงจุดยืนในการป้องกันและลงโทษอาชญากรรมทำลายล้างเผ่าพันธุ์ซึ่งมีสถานะเป็นกฎหมายบังคับเด็ดขาด เพื่อให้บทบัญญัติแห่งอนุสัญญาดังกล่าวมีผลบังคับใช้และกำหนดการกระทำดังกล่าวให้เป็นความผิดและกำหนดโทษทางอาญากับผู้กระทำผิด

punza963

น่ากลัวค่ะ มาที่เว็บเราดีกว่า มีอะไร น่าสนใจมากมาย
คลิกเลยจร้า<<หวยไทยรัฐ

สมัครฟรี มีบริการ24ชม.จ่ายไว จ่ายจริง ไวใจได้