ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ความเครียด รู้ทันโรค ดูแลรักษาได้ไม่ยาก

เริ่มโดย เอยู, 14:10 น. 30 ก.ค 63

เอยู


ในความเป็นจริงโรคเครียดหรือความเครียด เป็นสภาวะทางอารมณ์ของคนเราที่กำลังเผชิญหรือต่อสู้กับปัญหาต่าง ๆ แม้กระทั่งสภาวะความไม่ปกติของร่างกายก็ส่งผลทำให้ร่างกายและจิตใจของเราเสียสมดุล  เมื่อหาทางออกไม่ได้เราก็จะเกิดความเครียดขึ้นมา โรคเครียด ส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร เกิดขึ้นแล้วมีวิธีดูแลรักษาหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบครับ

โรคเครียดคืออะไร
ในทางการแพทย์ โรคเครียด คือ ภาวะที่ผู้ป่วยจะต้องเผชิญแรงกดดัน จากเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ไม่สามารถหาทางออกได้ ซึ่งสภาวะดังกล่าวส่งผลให้ร่างกายและภาวะด้านจิตใจ เกิดความเครียด ซึ่ง  ความเครียดนั้นสามารถเกิดได้กับทุกคน ในคนปกติทั่วไปจะสามารถคลายความเครียดได้แต่ในทางตรงกันข้าม  บุคคลที่มีแนวโน้มจะป่วยด้วยโรคเครียดไม่สามารถทำให้อาการเครียดลดน้อยลงได้และอาจเป็นมากขึ้น 



สาเหตุของโรคเครียด
โรคเครียด เป็นสาเหตุลำดับต้นๆของโรคทางด้านจิตเวช ปัจจุบันยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้น ความเครียดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ส่วนสาเหตุหลัก ๆ มีอยู่ 2 ด้าน ดังนี้ 

1. ความเครียดจากภายในร่างกาย
กรรมพันธุ์ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของความเครีดเช่น มารดาที่กำลังตั้งครรภ์มีความเครียดเมื่อคลอกบุตรออกมาสามารถส่งผลให้เด็กได้รับผลกระทบไปด้วย รวมถึงการมีบุคคลในครอบครัว เช่น พ่อแม่ ปู่ ย่าหรือตา ยาย เคยป่วยด้วยโรคเครียด รวมทั้งการเจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัวก็ส่งผลกับความเครียดเช่นกัน

2. ความเครียดจากภายนอกร่างกาย 
ความเครียดจากภายนอก เกิดขึ้นได้จากหลานปัจจัย เช่น 

สภาพแวดล้อมทั่วไป เช่น มลภาวะ อากาศเสีย เสียงดังเกินไป การอยู่กันอย่างเบียดเสียด ยัดเยียด และอื่น ๆ
สภาพเศรษฐกิจ เช่นรายได้น้อยกว่ารายจ่าย
ความรู้สึกตนเองต่ำต้อยกว่าคนอื่น ต้องพยายามต่อสู้เอาชนะ
พฤติกรรมความเป็นอยู่ และการใช้ชีวิต

ภาพโดย Robin Higgins จาก Pixabay

อาการหรือสัญญาณบ่งบอกของความเครียด
สีหน้าหน้าบึ้งตึงไม่แจ่มใส
ไม่สนใจตนเอง ปล่อยเนื้อปล่อยตัว
อาการรุ่นแรงอาจมีความคิดที่จะฆ่าตัวตายหรือพยายามฆ่าตัวตาย และทำร้ายตัวเอง
ปวดศีรษะเป็นประจำ  กินยาไม่หาย
รู้สึกใจสั่นง่ายและ เหงื่อออกตามตัว  และฝ่ามือฝ่าเท้า
รู้สึกขาดกำลังใจไม่มีแรงรู้สึกอ่อนล้า และไม่อยากทำอะไร
ระบบขับถ่ายมีปัญหา  
อารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอย
สมาธิสั้นลง  ไม่สามารถทำในสิ่งเดิม ๆได้
รู้สึกหมดหวัง ซึมเศร้า
รู้สึกหวาดกลัวและวิตกกังวล
ชอบเก็บตัว  อยากอยู่แบบคนเดียวเงียบ ๆ
นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายหรือนอนนาน นอนมากกว่าคนปกติ
เกณฑ์การวินิจฉัยโรคเครียด
การวินิจฉัยโรคเครียดด้วยตนเอง มีเกณฑ์การวินิจฉัย ดังนี้
หมั่นสังเกตอารมณ์ของตนเองเช่น อารมณ์หงุดหงิด แทบทั้งวัน
ขาดความสนใจในกิจกรรมต่าง ๆที่เคยทำหรือเปล่า
สังเกตน้ำหนักของตนเองว่าลดลงหรือเพิ่มขึ้นมาก 
การพักผ่อนนอนหลับเป็นอย่างไร
รู้สึกไม่อย่างพบปะผู้คน หรือไม่
ร่างกายอ่อนเพลีย  ไร้เรี่ยวแรงหรือเปล่า
มีอาการใจลอย หรือลังเลใจ ไม่แน่ใจในทุก ๆ เรื่องหรือไม่
รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า  ไม่น่าเกิดมา
ที่สำคัญเคยคิดเรื่องการตาย หรือคิดอยากตายหรือไม่
การวินิจฉัยโรคเครียดโดยแพทย์ มีเกณฑ์การวินิจฉัย ดังนี้
ในเบื้องต้นแพทย์จะสอบถามอาการทั่ว ๆไปเพื่อให้ทราบการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่มีอาการครั้งแรกไล่มาตามลำดับจนปัจจุบัน
แพทย์อาจตรวจร่างกาย และอาจส่งตรวจแบบพิเศษเท่าที่จำเป็น ในกรณีที่แพทย์สงสัยว่าผู้ป่วยอาจมีโรคทางร่างกายอื่น ๆ เช่น โรคทางจิต 
ในกรณีที่ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต อาจได้รับการตรวจและวินิจฉัยสาเหตุอีกครั้งตามกรรมวิธีของแพทย์ เช่น
สอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่รุนแรงที่ผู้ป่วยเคยประสบ
การใช้สารเสพติด 
กรณีมีโรคประจำตัวอาจเกิดจากผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางอย่าง และปัญหาสุขภาพด้านอื่น ๆ 


การรักษาและขั้นตอนการรักษาโรคเครียด
1.การรักษาโรคโดยวิธีธรรมชาติบำบัด   
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเครียดไม่มากได้แก่การนั่งสมาธิ การฝึกลมหายใจเข้าออก การสวดมนต์ การหากิจกรรมที่ชอบทำให้เพลิดเพลิน การออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน พบปะผู้คนรวมถึงการหาคนที่สามารถรับฟังปัญหาของเราได้

2.การใช้ยา   
แพทย์อาจต้องจ่ายยารักษาโรคเครียดให้กับผู้ป่วยในบางราย เพราะแต่ละรายจะมีอาการแตกต่างกัน เริ่มจากให้ยาเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เช่น ยาที่ช่วยบรรเทาอาการปวดตามส่วนต่าง ๆของร่างกาย รวมถึงปัญหาของการนอนหลับ และอาการซึมเศร้า 

กลุ่มยาที่ใช้รักษาในโรคเครียด ได้แก่ เบต้า บล็อกเกอร์ (Beta-Blocker) บรรเทาอาการเจ็บป่วยทางร่างกายเกิดจากฮอร์โมนความเครียดที่ร่างกายออกมา 
กลุ่มยาที่ช่วยในการระงับอาการทางประสาท ไดอะซีแพม (Diazepam) อยู่ในกลุ่มยาเบนโซไดอะซีปีน (Benzodiapines) เป็นยาระงับประสาท แต่ในทางการแพทย์ไม่นิยมนำมาใช้ เว้นแต่บางกรณีที่จำเป็นจริง ๆ เพราะยาไดอะซีแพมอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการติด 
วิธีป้องกันตนเองให้ห่างไกลโรคเครียด
เป็นที่ทราบว่าโรคเครียดเป็นปัญหาสุขภาพที่ป้องกันได้ยากมาก ดังนั้นแนวทางป้องกันที่ดีที่สุดคือการสังเกตอาการตนเองและรีบทำการรักษาให้เร็วที่สุด แต่เมื่อเรามีอาการแล้วเราควรทำอย่างไรไม่ให้อาการเป็นมากขึ้นดังนั้น ผู้ป่วยที่มีอาการโรคเครียดควรดูแลตนเอง โดยการปฏิบัติ ดังต่อไปนี้

เมื่อเจอสถานการณ์ร้ายแรงที่ไม่อาจควบคุมได้ควรได้รับการรักษาจากแพทย์ เพื่อไม่ให้อาการเครียดเป็นมากขึ้น
หมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอหรือทำกิจกรรมที่ได้พบปะผู้คน  และเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
ฝึกสมาธิ หรือเล่นโยคะ 
ฝึกกำหนดลมหายใจเข้าออก
ไปนวดหรือทำสปา เพื่อให้รางวัลกับร่างกายและเป็นการผ่อนคลายที่ดี 
หางานอดิเรกที่ชอบทำในยามที่ว่าง เช่น การเล่นกีฬา  ดูหนัง ฟังเพลงหรืออ่านหนังสือ 
ออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆหรือหมู่ญาติ เพื่อจะได้พดคุยแลกเปลี่ยนความคิด ฯลฯ
ความเครียดหรือโรคเครียด เป็นสาเหตุที่นำไปสู่โรคร้ายแรงอื่น ๆ ดังนั้นการหมั่นสังเกตตนเองและคนรอบข้างถือเป็นเรื่องที่ควรกระทำอย่างยิ่ง เพราะอย่างน้อยโรคเครียดนี้ก็ยังสามารถรักษาได้ถ้าเราทราบตั้งแต่เริ่มต้น  เริ่มที่ตัวเราก่อนและต่อไปคือคนที่คุณรัก ญาติพี่น้องต่อด้วยเพื่อนฝูงและคนรอบข้าง


ขอบคุณบทความจาก https://aufarm.shop/stress-disorder/
ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://aufarm.shop/