ม.อ.ผ่านการรับรองในระดับดีมากจากผลประเมิน สมศ.

[ฅนสองเล]

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ผ่านการรับรองในระดับดีมาก ผลประเมิน สมศ.(ไม่เป็นทางการ)ด้วยคะแนน 4.59

[attach=1]

ระหว่างวันที่ 15-24 กุมภาพันธ์ 2555 คณะกรรมการประเมินคุณภาพภายนอกรอบ 3 นำโดย ศาสตราจารย์ นพ.สมพร โพธินาม และคณะ ได้เดินทางมาประเมินคุณภาพมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยเริ่มที่ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี วิทยาเขตภูเก็ต และเดินทางมา ที่วิทยาเขตหาดใหญ่ เพื่อประเมิน วิทยาเขตหาดใหญ่ วิทยาเขตปัตตานี และวิทยาเขตตรัง

จากการร่วมแรงร่วมใจกันขับเคลื่อนระบบประกันคุณภาพของบุคลากรทุกภาคส่วน ทั้งผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงาน โดยเฉพาะผู้รับผิดชอบงานประกันคุณภาพของทุกหน่วยงาน รวมถึงการจัดให้มีการ pre audit เพื่อตรวจสอบหลักฐานก่อนการประเมินจริงโดยคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมหาวิทยาลัย ส่งผลให้การประเมินระดับมหาวิทยาลัย (ซึ่งขณะนี้ยังเป็นฉบับร่าง ผลการประเมินอย่างเป็นทางการต้องผ่านการประเมินอภิมานและรับรองโดยคณะกรรมการบริหาร สมศ.ก่อน) อยู่ในระดับดีมาก ด้วยคะแนน 4.59 และทั้ง 27 คณะ ผ่านการรับรองระดับดีมาก 13 คณะ คิดเป็นร้อยละ 48.15 ส่วนอีก 14 คณะ ผลการประเมินอยู่ในระดับดี

คณะกรรมการประเมินคุณภาพภายนอก รอบสาม ได้ชื่นชมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่เป็นมหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบชั้นนำตามมาตรฐานสากล มีความเข้มแข็งและโดดเด่นโดยน้อมนำพระปณิธานของพระบรมราชชนกมาเป็นแบบอย่าง มีคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ และ ผู้บริหาร ที่มีศักยภาพ มีวิสัยทัศน์ในการนำพาองค์กรไปสู่ความเป็นสากล และมีธรรมาภิบาล ยังผลให้ดำเนินงานประสบความสำเร็จตามภาระหน้าที่ ได้บัณฑิตที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับ บัณฑิตระดับปริญญาโทและเอกมีผลงานวิจัยตีพิมพ์เผยแพร่จำนวนมากทั้งในระดับชาติและนานาชาติ มีคณะกลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพและกลุ่มสาขา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมีความเข้มแข็ง มีผลงานบริการวิชาการหลากหลาย ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีหน่วยงานสนับสนุนด้านการวิจัยที่ผ่านการรับรอง อีกทั้งมีการร่วมกันจัดทำการประกันคุณภาพ ในทุกภาค

อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 จะมีการแข่งขันทางด้านการศึกษาสูง มหาวิทยาลัยควรเตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าว ควรกำหนดกลยุทธ์ในการเพิ่มจำนวนนักศึกษานานาชาติ และควรมีนโยบายในการผลิตบัณฑิตคุณภาพสูง เนื่องจากในพื้นที่มีมหาวิทยาลัยทั่วไปจำนวนมากอยู่แล้ว เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันด้านการศึกษาในระดับสากล ควรมีการจัดสัมมนาร่วมระหว่างสภามหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย เป็นระยะๆ เพื่อจัดทำ แผนพัฒนาพร้อมติดตามผลการดำเนินงาน และ ควรใช้ผลงานวิจัยสถาบันเป็นเครื่องมือในการเลือกนโยบายและกำหนดสถานภาพของวิทยาเขตอย่างเหมาะสมและชัดเจน

สำหรับ การตอบสนองความต้องการขององค์กรภายนอกและประชาชน นั้น มหาวิทยาลัยควรสร้างกิจกรรมบริการวิชาการเชิงรุกให้มากขึ้น โดยอาจจัดตั้งหน่วย one-stop service เพื่อความสะดวกในการติดต่อประสานงาน ควรเน้นการสร้างแผนงาน งานวิจัยเชิงพื้นที่มากขึ้น เพื่อให้เกิดประโยชน์กับชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม อาจอาศัยองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องจากผลงานวิจัยที่มีแนวโน้มอนาคตที่ดี ในการร่วมทุนกับภาคเอกชน

ควรมีมาตรการในการธำรงรักษาบุคลากร และสร้างแรงจูงใจเพื่อดึงดูดบุคลากรสายวิชาการเข้ามาทำงานในทุกวิทยาเขต และ ควรส่งเสริมสนับสนุนให้สถาบันสันติศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมกับประชาชนและองค์กรภายนอกในการสร้างสันติสุขในภาคใต้อย่างยั่งยืน เมื่อมองไปที่วิทยาเขตต่างๆ พบว่า วิทยาเขตปัตตานี มีบุคลากรที่มีความเสียสละ ทุ่มเท มุ่งมั่นในการพัฒนาชุมชนและสังคมในจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง มีความร่วมมือในด้านการเรียนการสอน การพัฒนาวิชาการ การวิจัยกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้อย่างดี มีการทำงานวิจัยและการบริการวิชาการที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน เช่น มีศูนย์วิทยาศาสตร์อาหารฮาลาล สถานวิจัยความเป็นเลิศเทคโนโลยียาง แต่จากเหตุการณ์ความไม่สงบทำให้คณาจารย์จำนวนมากโอนย้าย คุณภาพนักศึกษาแรกเข้าลดลง โอกาสในได้งานทำของบัณฑิตอาจต่ำกว่าวิทยาเขตอื่น

วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี มีผลงานวิจัยเด่นในเรื่อง ยางพาราปาล์มน้ำมัน การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจึงควรจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์เพื่อการวิจัยในเชิงลึกให้มีความพร้อมมากขึ้น อีกทั้งมีการดูแลนักศึกษาที่จัดเป็นแนวปฏิบัติที่ดี ด้วยกระบวนการสร้างพลังแห่งชีวิต วิทยาเขตควรพิจารณาร่วมลงทุนกับภาคเอกชนให้มากขึ้น โดยเฉพาะด้านการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ยางพารา ซึ่งทางวิทยาเขตมีความร่วมมือทำวิจัยกับภาคเอกชนอยู่แล้ว ควรจัดทำแผนพัฒนาด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ทั้งเพื่อการวิจัยและการเรียนการสอนอย่างเป็น ระบบโดยเฉพาะเครื่องมือที่เป็นประโยชน์กับงานวิจัย ที่วิทยาเขตมีความโดดเด่น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหาจากการบริหารที่เป็นแบบรวมศูนย์

วิทยาเขตภูเก็ตมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจังหวัด และเป็นที่พึ่งขององค์กรบริหารท้องถิ่น เปิดคณะวิชาที่มีความเฉพาะตัวในการจัดการศึกษา สอดรับกับความต้องการและการพัฒนาท้องถิ่น ได้แก่ การเป็นเมืองท่องเที่ยว ความเป็นนานาชาติ เทคโนโลยีสารสนเทศ จึงมีโอกาสสูงและมีความพร้อมในการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน จึงควรเน้นความเป็นนานาชาติให้เพิ่มขึ้นทั้งหลักสูตร บุคลากรสายวิชาการ การรับนักศึกษา ควรพิจารณาร่วมทุนกับภาคเอกชน โดยเฉพาะ ด้านการท่องเที่ยว การโรงแรม เพื่อให้พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ควรทำแผนพัฒนาบุคลากรในภาพรวมของวิทยา เขต เพื่อลดปัญหาด้านกำลังคน รวมทั้งควรพิจารณาสนับสนุนด้านทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาด้อยโอกาส

วิทยาเขตตรัง มีรูปแบบการบริหาร ภายใต้หลักการ "รวมบริการ ประสานพันธกิจ" มีโครงการแลกเปลี่ยนเพื่อพัฒนาทักษะทางภาษา กับมหาวิทยาลัยมลายาและมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เป็นการรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน มีความหลากหลายของศาสตร์ในลักษณะสหสาขาวิชา ภายใต้หนึ่งสาขาวิชาเดียว เป็นการทำให้บัณฑิตมีความรอบรู้เฉพาะด้าน และมีแนวคิดวิเคราะห์ข้ามศาสตร์ได้ชัดเจนขึ้น มีการขยายสาขาวิชาที่ตรงกับความต้องการของท้องถิ่น และคณาจารย์เกือบร้อยละ 30 ได้รับการสนับสนุนให้ศึกษาต่อ ซึ่งเป็นการพัฒนาศักยภาพในทางวิชาการที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้น คือคณาจารย์ของคณะ และบุคลากรสายสนับสนุน มีภาระงานด้านการสอน วิจัย บริการวิชาการ และ การส่งเสริมวัฒนธรรมในสภาพเกือบเต็มความสามารถ ดังนั้น หากมีการขยายสาขาวิชาควรพิจารณาการเพิ่มบุคลากรเพื่อรองรับภาระงานให้เหมาะสม นอกจากนั้น ยังพบว่าโครงสร้างองค์กร ทำให้กลุ่มงานสนับสนุนไม่สามารถก้าวสู่ตำแหน่งงานที่สูงขึ้นได้

[bb_rjiw]

คลิปข่าว http://youtu.be/8zOkhd1f6cI

[puiey]

น่าภูมิใจจริง ๆ ครับ