ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใครบ้าง? มีอันตรายไหม? ทำแล้วใต้ตาจะดีขึ้นอย่างไรบ้าง?

เริ่มโดย thereviewer, 20:45 น. 24 พ.ค 64

thereviewer

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ได้รับความสนใจจากคนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะในคนที่อยากมีใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย อยากแก้ปัญหาถุงใต้ตา ขอบตาคล้ำ ตาโหล ตาลึก ที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า จนอาจเสียความมั่นใจได้ บทความนี้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจจากคุณหมอมาฝากแด่ผู้อ่านทุกท่านค่ะ

ก่อนอื่น มาทำความรู้จักก่อนว่า ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ อีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะแก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณใต้ตา อันเกิดจากการยุบตัวลงของกระดูกเพราะวัยที่เพิ่มมากขึ้น เปลี่ยนจากวัยรุ่นไปสู่วัยผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ เนื้อก็จะน้อยลงหากเทียบกับคนหนุ่มสาว จนเกิดเป็นร่องริ้วรอยใต้ตา
เมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณใต้ตา อาทิเช่น ถุงใต้ตา ใต้ตาหมองคล้ำ ริ้วรอยใต้ตาก็จะได้รับการแก้ไขจนดูสดใส กลับมามีใบหน้าที่ดูเด็กได้อีกครั้งหนึ่งค่ะ
เนื่องจากใต้ตา คือบริเวณที่จะยุบลงเมื่อคนเราเริ่มมีอายุเยะขึ้น การเติม filler ใต้ตาเป็นตำแหน่งแรกจะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ
ริ้วรอยใต้ตา ใต้ตาดำคล้ำ มีต้นเหตุมาจากอะไร?
ด้วยอายุที่เยอะขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงวัย หรือวัยผู้ใหญ่ บริเวณที่เรียกว่า Tear through ซึ่งจะอยู่ใกล้ ๆ กับร่องน้ำตา และ Hollow Under Eye บริเวณเบ้าตา จะเกิดการยุบตัวลง ในคนไข้บางรายจะยุบตัวลงทั้ง 2 ส่วน หรือบางรายจะยุบตัวลงเพียงส่วนเดียว เราจึงควรเข้าไปพบคุณหมอเพื่อช่วยประเมินปัญหาที่เกิดขึ้นให้แม่นยำก่อนที่จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาทุกครั้ง
ไม่ใช่แค่ในคนมีอายุเท่านั้นที่จะมีปัญหาใต้ตา ในผู้ที่ยังอายุน้อยก็มีถุงใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา ร่องลึกใต้ตาได้เหมือนกันค่ะ ด้วยหลายปัจจัย ทั้งอาการของโรคภูมิแพ้ กระดูกใต้ตาและช่วงเบ้าตาเจริญเติบโตไม่สมบูรณ์ รวมไปถึงคนที่มีปัญหากล้ามเนื้อรอบดวงตาเกิดการหย่อนยานเพราะใช้สายตาแบบไม่ถูกต้องอีกด้วย

6 ทางเลือกในการจัดการกับปัญหาถุงใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา และใต้ตาดำคล้ำ
1. วิธีจัดการกับปัญหาริ้วรอย ถุงใต้ตา ขอบตาคล้ำ ผิวหนังหย่อนคล้อย ได้แบบเห็นผลและตรงจุดมากที่สุด ก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพราะเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีดเสร็จ โดยไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัด ไม่ต้องกังวลเรื่องแผลเป็น และผิวใต้ตาจะดูเต่งตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
2. วิธีการเบื้องต้นในการลดริ้วรอยใต้ตาที่หลายคนเลือกใช้ก็คือ การทาครีมบำรุงผิวใต้ตา ซึ่งจำเป็นต้องทาอย่างสม่ำเสมอ และใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ว่าค่อย ๆ ดีขึ้นทีละนิด อีกทั้งผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ชัดเจนนัก
3. สำหรับใครที่มีปัญหาถุงใต้ตา สังเกตได้จากบริเวณใต้ตาจะมีไขมันนูนออกมาให้เห็นได้ชัด หากเลือกวิธีดูดไขมันใต้ตา จะเกิดแผลขนาดประมาณ 3-5 มิลลิเมตร แต่ถ้าเป็นผู้ที่มีความหย่อนคล้อยบริเวณผิวใต้ตามากอาจไม่เหมาะที่จะใช้วิธีดูดไขมันค่ะ
4. การทำเลเซอร์ถุงใต้ตา ผู้ที่อยากแก้ปัญหาถุงใต้ตา โดยเฉพาะผู้ที่ยังอายุไม่มาก และผิวใต้ตายังไม่หย่อนคล้อย จะเหมาะกับการยิงเลเซอร์ตัดถุงใต้ตา ซึ่งเป็นการใช้ไมโครเลเซอร์ตัดถุงไขมันที่เป็นส่วนเกินออกจากด้านในของเปลือกตา ข้อดีคือผิวด้านนอกจะไม่มีแผลเกิดขึ้น
5. ฉีด FILORGA คือการเมโสหน้าใส อีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น ให้ผิวใต้ตาที่เคยแห้งกลับมาอิ่มฟูมากขึ้น ลดใต้ตาดำคล้ำ ขอบตาหมองคล้ำ ด้วยวิตามินและ HA ที่เป็นส่วนผสมอันโดดเด่นในด้านการบำรุงผิว มากกว่าการลดร่องลึกหรือริ้วรอยใต้ตาค่ะ
6. ฉีดไหมน้ำใต้ตา คำว่าไหมน้ำคือไหมที่ใช้ฉีด บางคลินิกนำเอาไหม (ที่ใช้สำหรับร้อยไหม) อันเป็นวัสดุประเภท polydioxanone มาตัดให้เล็กลงเป็นผง ๆ จากนั้นจึงไปละลายในน้ำ เพื่อฉีดใต้ตาแทนการฉีดฟิลเลอร์ แต่วัสดุประเภทนี้ยังไม่ผ่าน อย. คุณหมอจึงไม่แนะนำให้ทำ
ประโยชน์ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
สำหรับคนที่อยากแก้ปัญหาบริเวณใต้ตา ส่วนแรกที่แพทย์แนะนำให้ทำคือ การฉีดฟิลเลอร์ เพื่อเติมเต็มใต้ตาให้ดูสดใส อ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง เพราะคนเราพออายุ 25 ปีเป็นต้นไป จะเกิดการยุบตัวลงที่ใต้ตา โดยเฉพาะหากเกิดในผู้หญิงจะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ดูโทรม แต่ถ้าเป็นผู้ชายบางคนกลับดูเท่ห์ขึ้น และดูเหมือนผอมลงด้วย
ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาขอบตาดำคล้ำ ร่องน้ำตา, ริ้วรอยใต้ตา รอยเหี่ยวใต้ตา, ถุงใต้ตาคล้ำ รอบดวงตาดำคล้ำ และรอยตีนกา ใต้ตา หางตา
ความแตกต่างระหว่าง การฉีดใต้ตา VS ดอลลี่อาย คืออะไร?
สามารถฉีดฟิลเลอร์หรือเติมไขมัน เพื่อทำดอลลี่อาย(Dolly eyes) ได้ ทั้งนี้ การทำดอลลี่อาย คือการทำให้บริเวณขอบตาล่างดูหนาขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ดวงตาจะกลมโตยิ่งขึ้น ในช่วงเวลาหนึ่งมีคนนิยมทำกันมากค่ะ
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม?
ยังมีคนอีกไม่น้อยที่กลัวการฉีด filler ใต้ตา เพราะดวงตาสำคัญกับพวกเราทุกคนมาก ทั้งนี้ การฉีดใต้ตาด้วยเทคนิคที่ถูกต้องแม่นยำ โดยคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญ ใช้ตัวยาฟิลเลอร์ของแท้ ไม่มีสารตกค้าง สลายไปได้เองทั้งหมด ก็จะมีความปลอดภัยอย่างแน่นอน อีกทั้งขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากแต่อย่างใดค่ะ
การฉีดใต้ตาด้วยฟิลเลอร์แท้ 100% เมื่อฟิลเลอร์สลายออกไปจนหมดแล้ว สิ่งที่ยังคงเหลืออยู่คืออีลาสตินและคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นมาในร่างกายของเรา ผิวใต้ตาจะมีความชุ่มชื้นมากขึ้น คล้ายมีน้ำหล่อเลี้ยงและดูดน้ำจากผิวหนังโดยรอบมาอุ้มไว้ในผิวใต้ตา และคอยหล่อเลี้ยงผิวบริเวณที่ฉีด จึงยังดูดีกว่าตอนที่ยังไม่ได้ฉีดฟิลเลอร์ค่ะ
ข้อควรระวังคือ ห้ามฉีดฟิลเลอร์ปลอมเด็ดขาด เพราะสลายออกได้ไม่หมด 100% บางคลินิกแอบใช้ฟิลเลอร์ปลอมเพราะราคาต้นทุนถูกมาก ซีซีหนึ่งเพียงไม่ถึงร้อยบาท อาจอยู่ในรูปแบบฟิลเลอร์ที่ไม่บริสุทธิ์ หรือรูปแบบซิลิโคนเหลว
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?
สำหรับคนที่กังวลกับปัญหาต่าง ๆ บริเวณใต้ตา ทั้งปัญหาถุงใต้ตา ขอบตาดำ ใต้ตาลึก ตาโหล และริ้วรอยตรงใต้ตา การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือทางเลือกที่จะช่วยให้ผิวหนังใต้ตาดูดีขึ้นได้ อีกทั้งยังเหมาะกับผู้ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้

  • คนที่กลัวการผ่าตัด ไม่อยากมีแผลผ่าตัด ไม่มีเวลาสำหรับการพักฟื้นหลังผ่าตัด
  • คนที่ต้องการแก้ปัญหาใต้ตาลึก ตาโหล ถุงใต้ตา ขอบตาหมองคล้ำ ใต้ตาหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ให้ดูสดใสขึ้น เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ โดยไม่ต้องรอนาน
  • คนที่เนื้อและกระดูกเกิดการยุบตัวลง จนเกิดปัญหาต่าง ๆ บริเวณใต้ตา
  • คนที่ใต้ตาลึก ใต้ตาดำคล้ำ อันเกิดจากพันธุกรรม การเติมฟิลเลอร์ใต้ตาก็สามารถช่วยให้ดูดีขึ้นได้เช่นกัน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรใช้กี่ cc เพื่อใต้ตาเต็มสวย อย่างเป็นธรรมชาติ?
ฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ CC จึงจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน โดยหลัก ๆ แล้วการเติม filler ใต้ตาจะเป็นดังนี้

  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในปริมาณ 1-2 CC สำหรับคนไข้ส่วนใหญ่แล้วก็จะเห็นผลความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนค่ะ
  • ส่วนผู้ที่อายุเยอะมาก ไปจนถึงผู้ที่มีปัญหาใต้ตาลึก จากกระดูกใต้ตายุบตัวลงไปมาก คุณหมออาจจะพิจารณาใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากขึ้นกว่าเคสทั่วไป

สุดท้ายนี้ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว ในคนไข้บางรายอาจเกิดอาการบวมได้ ซึ่งไม่ใช่สิ่งผิดปกติแต่อย่างใด (มิใช่อาการบวมแดงอักเสบจากตัวยา) เกิดจากการที่เข็มเข้าไปในผิวหนัง ใช้เวลาประมาณ 3 วันอาการบวมบริเวณใต้ตาก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น และเมื่อครบระยะเวลา 1-2 อาทิตย์ผลลัพธ์จึงจะเข้าที่ได้อย่างเต็มที่ค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.vsquareclinic.com/tips/under-eye-fillers/