ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ครม.อัด 3.5 พันล้าน ดันเงินลงโครงการเศรษฐกิจฐานราก 12 จังหวัด

เริ่มโดย Jessicas, 04:32 น. 26 ส.ค 64

Jessicas



นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วานนี้(24 ส.ค.) ว่า ที่ประชุม ได้เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ฯตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เสนอ

โดยในส่วนแรกเป็นการอนุมัติโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 2 รวม 12 จังหวัด 2,186 โครงการ กรอบวงเงินรวม 3.58 พันล้านบาท โดยใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ.2564 ในการจัดสรรให้ 

ซึ่งโครงการนี้มุ่งเน้นในเรื่องของการจ้างงานและการพัฒนาพื้นที่โดยตรง แบ่งเป็น 4 กลุ่มลักษณะได้แก่ 1.กลุ่มโครงการพัฒนาสินค้า ท่องเที่ยว บริการ และการค้า 2.กลุ่มโครงการยกระดับประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการเกษตร 3.กลุ่มโครงการส่งเสริมและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน และ 4.กลุ่มโครงการที่เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานชุมชน

สำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขยายระยะเวลาดำเนิน "โครงการกำลังใจ" จากเดิมที่สิ้นสุดระยะเวลาการเบิกจ่ายภายในเดือนส.ค. 2564 เป็นเดือนธ.ค. 2564 เนื่องจากขณะนี้มีผู้ที่อยู่ระหว่างการยื่นเอกสารและรอการตราจสอบข้อมูลการเดินทางภายใต้โครงการฯ จึงจำเป็นต้องขยายระยะเวลา

"โครงการเราเที่ยวด้วยกัน" และ "โครงการทัวร์เที่ยวไทย" ที่ประชุม ครม.มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พิจารณาความเหมาะสมของช่วงระยะเวลาที่จะเริ่มดำเนินการ พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขและรายละเอียดให้เหมาะสม 

หากพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถเริ่มต้นดำเนินโครงการทั้ง 2 โครงการได้ภายในเดือนต.ต. สามารถพิจารณาเสนอขอยุติโครงการฯ และคืนกรอบวงเงินกู้เหลือจ่ายต่อไป

นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติให้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการยกระดับหน่วยบริการกรมอนามัยรองรับการระบาดของโรคโควิด19 จากเดิมที่ระยะเวลาการดำเนินโครงการกำหนดไว้ระหว่างเดือนมิ.ย. - ก.ย. 2564 ขยายไปจนถึงเดือนธ.ค. 2564 ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยบริการอนามัยหรือศูนย์อนามัยมีศักยภาพรองรับผู้ป่วยโควิด19 ในพื้นที่ทั่วประเทศได้