ความเป็นพุทธมามะกะ

[เณรเทือง]

ท่านคิดว่าความเป็นพุทธมามะกะของคนเราจะเริ่มขึ้นเมื่อใด
ผมได้ยินคนเถียงกันบนรถไฟ
นาย ก ว่านาย ข "แกนับถือพุทธสักแต่ว่าเอาไว้เขียนในบัตรประชาชน ไม่มีรู้เรื่องพุทธศาสนา ยังไม่นับเป็นพุทธ"
ผมฟังเงียบอยู่แต่ไม่เห็นด้วย
ท่านที่ท่องกระดานลานบุญเห็นอย่างไร

[พุธ]

..






....ป๋มยังไม่รุเรย ว่า พุทธ เป็นอย่างไร


แค่เข้าวัด สวดมนต์ ทำบุญ นี่เป็นพุทธแล้วหรือ...

[พุทธครับ]

การเดินตามรอยหรือการปฎิบัติตัวตามคำสั่งสอนหลักธรรมะของพระพุทธเจ้า นั่นแหละคือ พุทธมามะกะ

[เณรเทือง]

ลุงไข่นุ้ยขี้เมา วันๆแกเมาทั้งวัน ไม่ค่อยได้ทำไรเป็นชิ้นเป็นอัน ตัวแกเองไม่ค่อยได้เข้าวัดทำบุญ ไปงานบวชก็เมาในงานบวช
ไปงานศพก็เมาในงานศพ ไม่ต้องถามถึงการปฎิบัติตัวตามคำสั่งสอนหลักธรรมะของพระพุทธเจ้าเพราะขี้เมา แต่แกก็ช่วยงานศพบ้าง ช่วยยกศพแบกโลง นั่งไหว้พระตอนพระสวดบ้าง เหมือนคนทั่วไป
ถามว่า...ลุงไข่นุ้ยเป็นพุทธมามะกะหรือไม่

[ชาวพุทธ]

เขาเรียกว่าดำรงชีวิตอยู่ในชาวพุทธ  แต่ไม่ปฎิบัติตัวเหมือนชาวพุทธ

[เณรเทือง]

ดูคำถามตามกระทู้นะครับ
ถามว่าเป็นพุทธมามะกะ หรือไม่

[wareerant]

 พุทธมามกะ หมายถึง ผู้ประกาศตนเป็นชาวพุทธ นับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึง แล้วปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอน ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า


http://www.sainampeung.ac.th/chalengsak/units/unit1/chapter%206/Ritual%20Performance/buddhamaka.html

[ฟ้าเปลี่ยนสี]

ลุงไข่นุ้ยขี้เมา วันๆแกเมาทั้งวัน ไม่ค่อยได้ทำไรเป็นชิ้นเป็นอัน ตัวแกเองไม่ค่อยได้เข้าวัดทำบุญ ไปงานบวชก็เมาในงานบวช
ไปงานศพก็เมาในงานศพ ไม่ต้องถามถึงการปฎิบัติตัวตามคำสั่งสอนหลักธรรมะของพระพุทธเจ้าเพราะขี้เมา แต่แกก็ช่วยงานศพบ้าง ช่วยยกศพแบกโลง นั่งไหว้พระตอนพระสวดบ้าง เหมือนคนทั่วไป
ถามว่า...ลุงไข่นุ้ยเป็นพุทธมามะกะหรือไม่

ต้องถามกลับ ลุงไข่นุ้ยว่า เป็นผู้ถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นของเรา
หมายถึง ลุงไข่นุ้ยได้ประกาศตนว่าขอถือพระพุทธเจ้าว่าเป็นสรณะหรือไม่
และ ลุงไข่นุ้ยได้แสดงตนเป็นพุทธมามกะหรือยังครับ 

[คุณหลวง]

ในลักษณะนี้

    ผมว่า หากเราไปถามลุงไข่นุ้ยว่า ลุงเป็นพุทธมามกะไหม แกอาจจะตอบว่า "ไม่ต้องกะลูกหลานเอ๋ย กระดกไหวแค่ไหนก็แค่นั้น ฮ่าๆๆ"

    แกเองก็คงไม่สนใจหรอกว่าแกเป็นหรือไม่เป็นพุทธมามกะ หากมีใครบอกแกว่าแกเป็นพุทธมามกะ หรือไม่เป็น แกอาจจะแค่ตอบว่า "เหรอ" แล้วกระดกเหล้าของแกไป (และอาจจะยื่นให้ผู้ถามบ้างก็ได้)

    และหากพูดแค่การประกาศตน แกต้องประกาศแน่ๆ เพราะตอนสวดมนต์ ไหว้พระในพิธี ต้องมีแหละที่แกจะว่า"พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ..ธัมมัง..สังฆัง...)

    แกมีศรัทธาของแกเป็นแน่ แกจึงทำอย่างนั้นได้ แต่บางทีหากเราใจเย็นพอที่จะนั่งฟังนั่งคุยกันโดยไม่เอาอะไรมาตัดสินอะไร เราอาจจะได้ข้อคิดดีๆจากแกบ้างก็ได้ เพราะแกต้องเห็นอะไรมามากพอสมควร บางคำตอบ อาจจะทำให้คนที่ยึดมั่นว่าตนเป็นพุทธมามกะ เป็นพุทธบริษัท เป็นคนดี ต้องอายตัวเองก็ได้ ใครจะไปรู้ จริงไหมครับ?

    แต่เมื่อแกเองยังไม่เคยตัดสินว่าแกเป็นพุทธมามกะหรือไม่ เราจะไปตัดสินให้แกทำไม คบๆกัน ช่วยกันให้อุ่นใจดีกว่า

    อันนี้ พูดในฐานะที่ไม่รู้จักลุงไข่นุ้ยนะครับ

[ฟ้าเปลี่ยนสี]

    แกมีศรัทธาของแกเป็นแน่ แกจึงทำอย่างนั้นได้ แต่บางทีหากเราใจเย็นพอที่จะนั่งฟังนั่งคุยกันโดยไม่เอาอะไรมาตัดสินอะไร เราอาจจะได้ข้อคิดดีๆจากแกบ้างก็ได้ เพราะแกต้องเห็นอะไรมามากพอสมควร บางคำตอบ อาจจะทำให้คนที่ยึดมั่นว่าตนเป็นพุทธมามกะ เป็นพุทธบริษัท เป็นคนดี ต้องอายตัวเองก็ได้ ใครจะไปรู้ จริงไหมครับ?

    แต่เมื่อแกเองยังไม่เคยตัดสินว่าแกเป็นพุทธมามกะหรือไม่ เราจะไปตัดสินให้แกทำไม คบๆกัน ช่วยกันให้อุ่นใจดีกว่า

    อันนี้ พูดในฐานะที่ไม่รู้จักลุงไข่นุ้ยนะครับ

     

[คุนหลวง]

.


....มาติดตามอ่านความเห็นดีดีของ คุณหลวงครับ....




....ไม่ต้องคุกเข่า ป๋มยืนได้แว้ว...

[ชาวพุทธ]

      พุทธมามกะ มาจากคำภาษาบาลี ๒ คำ คือ พุทธ กับ มามกะ
          คำว่าพุทธ แปลว่า รู้แล้ว หรือตื่นแล้ว หมายถึง ผู้ตรัสรู้อริยสัจ คือ พระพุทธเจ้า ผู้เป็นพระบรมศาสดาของพระพุทธศาสนา

          ส่วนคำว่า มามก แปลว่า เป็นของเรา เมื่อรวมคำว่า พุทธ กับ มามก เป็นพุทธมามกะ จึงแปลว่า ผู้ที่นับถือพระพุทธเจ้าเป็นของเราใช้เป็นคำเรียก ผู้ที่ได้ปฏิญาณตนขอนับถือพระพุทธศาสนาแล้ว

          พุทธมามกะ ต้องนับถือพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่เคารพบูชาสูงสุดประจำชีวิตของตนแต่พระองค์เดียว หากไปปฏิญาณตนนับถือศาสดาในศาสนาอื่น ก็ถือว่า ขาดจากความเป็นพุทธมามกะไม่ใช่ชาวพุทธอีกต่อไป
      สรุปแล้ว    พุทธมามกะ แปลว่า ผู้ถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นของเรา หมายถึงผู้ประกาศตนว่าขอถือ พระพุทธเจ้า ว่าเป็น สรณะ หรือผู้ประกาศตนว่าเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา

[คุณหลวง]

สะบายดีครับ

    ขอบคุณเรื่องลุงไข่นุ้ยที่ทำให้ผมได้ความคิดถึงสิ่งดีๆ บ่อยครั้ง ผมชอบคุยกับคนบ้า ซึ่งเราต้องบ้าตามไปด้วย ซึ่งมันไม่ยากนักเพราะผมก็ไม่เต็มดีเท่าไหร่

    สมัยบวช ที่สำนักฯที่ผมอยู่มีป้าคนหนึ่ง สติแกมาเลอะเลือนภายแก่ แกว่าแกมีสมบัติมากมายมหาศาล แกเป็นเจ้าเมือง ที่ดิน เหมืองแร่ สมบัติเกินพรรณนา แต่แกต้องมาจมปลักอยู่วัดเพราะพวกนั้นโกงหมด

    วันดีคืนดี แกนั่งพึมพำๆแล้วแกก็ด่าคนพวกนั้นออกมา ด้วยเสียงที่โกรธแค้น โหดร้าย เกรี้ยวกราดว่า "ไอ้พวกอุบาทว์ๆๆๆๆๆๆๆๆ"ซ้ำๆอยู่อย่างนั้น ผมไม่ค่อยกล้าไปใกล้แกนัก กลัวลูกหลง

    แต่แกมีความเกรงใจในผ้าเหลืองนะ แกเกรงใจพระเณรมากพอสมควร วันหนึ่ง ผมเดินผ่าน แกทักขึ้น

    "มาทำไหร โล่กหลวง"
    "ซ่อมประปาให้ป้าชีน่ะ" ผมตอบ แล้วแกก็ซักถามไปตามเรื่อง จนเข้าเรื่องของแก สมบัติมากมาย ที่ดินมากมาย อำนาจมากมายถูกพรรณนาออกมา จนบางทีผมคิดไปว่ามันเป็นความทรงจำจากอดีตชาติไปโน่นแน่ะ เมื่อฟังไปสักพัก ผมก็ดึงแกกลับมาถามว่า

    "ป้าจะหวงสมบัติพวกนั้นมันไปทำไม เสียแล้วเสียไป ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ให้ๆเค้าไปบ้างเถอะ"
    "ไม่ให้ๆ ที่ดินเรา เราสร้างเอง มันมาเอาได้พรือ หากเดินติดตีน นั่งติดวานไปเอาไปต่ะ"
    "สละๆไปเถอะ ดูคนอื่นสิ เค้าให้มากกว่านี้ยังไม่กลัวเลย" ผมเบนเข้าเป้า

    "ใคร ใคร ใครที่ให้มากหวานี้"
    "พระพุทธเจ้าไง"
    "พระพุทธเจ้า"แกทำเสียงเย้ยผม"ให้พรือ"

    "พระพุทธเจ้าท่านสละพระราชวัง สละ..."ผมกำลังจะเดินเข้าสู่เรื่องที่วางไว้
    "พระพุทธเจ้าเฮ่อะ ให้พรือ ไปแลๆ โล่กหลวงไปแล เล่มๆเป็นพัน แพงๆอิตายไป ให้พรือพันนั้น"แกหมายถึงหนังสือเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ต้องขยายความว่าแกชอบอ่านหนังสือพอสมควร
    "นั้นมันเค้าทำขาย" ผมอธิบาย แต่ไม่ทัน

    "นั้นเรียกว่าให้เฮ่อะ แพงๆเพ ซื้อไม่ลง" ยอมรับว่าผมแพ้แกหมดรูป ไปต่อไม่ถูกต้องขอตัวกลับเลยทีเดียว และยอมรับว่าหนังสือเหล่านี้แพงมากไปหน่อย ยังเคยสงสัยว่าทำไมเขาไม่ทำให้ราคาต่ำๆหน่อย ให้เข้าถึงกระเป๋าคนจนหรือเด็กๆได้ง่ายกว่านี้

[คุณหลง]

.



...ตามคุณหลวงมา



ผมคุณหลงคับ...