ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เรื่อง โยเร ผู้รู้ช่วยหน่อยค่ะ

เริ่มโดย คนกรมชล คุณนายเทศบาล, 12:27 น. 30 มี.ค 55

คนกรมชล คุณนายเทศบาล

ตอนนี้ที่บ้านมีปัญหาค่อนข้างใหญ่มากค่ะ อยากให้ผู้รู้หลายๆ ท่านให้คำแนะนำหน่อยค่ะ เครียดมากๆ ค่ะ เนื่องจากตอนนี้คุณแม่ซึ่งมีอายุ 80 ปี ได้เข้าไปยู่ในลัทธิโยเร ซึ่งมีสำนักงานที่ทำการอยู่ที่ ริมถนนทางไปสงขลา (สายเก่า) ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งค่ะ แม่เขาเข้าลัทธินี้มาได้ประมาณ 5 ปีแล้วค่ะ และที่ทางบ้านคิดว่าเขาน่าจะหลอกลวงเพราะ ก่อนที่จะเข้าไปในลัทธินี้ได้ ต้องมีการรับพระ ซึ่งต้องเสียเงินคนละประมาณ 1,000 บาท และเมื่เข้ามาเป็นสมาชิกก็ต้องทำบุญให้กับบรรพบุรุษ อีก ซึ่งเฉลี่ยแล้วแม่ต้องทำบุญให้เขาประมาณครั้งละ 500 - 1,000 บาท (คุณแม่มีรายได้จากบ้านเช่า และลูกๆ ให้ใช้จ่ายประจำเดือนค่ะ และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เลย) และต้องไปไหว้พระทุกเดือนๆ ละ 4 ครั้ง คือทุกวันเสาร์ หรือบ้างครั้งต้องพาไปต่างจังหวัดก็มีค่าใช้จ่ายประมาณ ครั้งละ 5,000.- บาท เป็นอย่างต่ำ
       โดยลัทธินี้จะมีหัวหน้ากลุ่มเป็นเหมือนการหาสมาชิกเข้ากลุ่ม ซึ่งแม่เองก็มีหัวหน้ากลุ่ม มาหาที่บ้านบ่อยๆ เอาหนังสือเก่าๆ มาขายให้ในราคาเล่มละ 20 บาท ครั้งละหลายๆ เล่ม แม่ก็แก่แล้วเห็นว่าเกี่ยวกับพระก็ซื้อทุกครั้ง ครั้งหนึ่งก็หลายร้อยค่ะ

      และลัทธินี้จะเด่นในเรื่องการให้แสงรักษาโรค โดยการยกมือให้แสง ซึ่งต้องทำทุกวัน และแม่ยังบังคับให้ลูกๆ หลานๆ อีก 7 คนไปรับพระ ซึ่งค่าใช้จ่ายก็ประมาณ 7,000 .- บาทค่ะ และอีกเรื่องที่ลัทธินี้จะเด่นมากคือ การใช้ EM รักษาโรค ใช้ล้างห้องน้ำ ล้างผัก ใส่แผล ทาแก้คันและที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ ใช้ทานได้ด้วย เป็นขวดเล็กๆ ประมาณ 30ซีซี ก็อยู่ที่ราคาประมาณ 80 บาทแล้วค่ะ

    ตอนแรกลูกๆ ก็เห็นว่าเป็นแค่การเข้าชมรมได้เจอเพื่อจึงไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่ แต่ตอนหลังมานี่ แม่เริ่มทำบุญหนักขึ้นมาก และเริ่มด่าลูกๆ ทุกครั้งที่กลับมาจากไปลัทธิหรือมีหัวหน้ากลุ่มมาหา  ด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง หาว่าลูกๆ โง่ที่ ไม่เชื่อพระ ทำอะไร ก็ต้องให้พระคุ้มครอง อะไรเกิดขึ้นก็เป็นเพราะพระทำให้เกิด มีแต่คำว่าพระกับพระ ซึ่งจากการที่แม่เป็นคนรักลูกหลานไม่ปากร้ายมาก กลับเป็นคนใจร้อน ปากร้าย ทำให้ตอนนี้ครอบครัวที่บ้านค่อนข้างมีความเครียดมากๆ ค่ะ ทั้งอายคน ทั้งเครียดเรื่องโดนด่า และเครียดเรื่องแม่เอาเงินไปทำบุญหมด จนลูกๆ เริ่มเดือดร้อน

    และจากการที่เคยไปสังเกตุการณ์ดู ไม่ทราบว่าเงินที่เขาได้มาจากการทำบุญ เขาเอาไปไหน แต่ที่แน่ๆ หัวหน้าใหญ่ๆ ไม่มีใครทำงาน แต่มีเครื่องเพรชใส่ มีรถเบนซ์นั่ง แล้วเงินทื่ทำบุญไปก็อธิบายไม่ได้ว่าเอาไปใช้ประโยชน์อะไร

    และสาเหตุที่ทำให้แม่เชื่อลัทธินี้มาก เนื่องจากว่า มีหลายๆ คนเป็นถึงอาจารย์ ครูใหญ่ พยาบาล และข้าราชการอีกหลายๆ ที่ มาเข้าร่วมลัทธิ ทำให้แม่ยิ่งเชื่อเข้าไปใหญ่ค่ะ

   (ที่บ้านลูก ๆ เป็นข้าราชการและรัฐวิสาหกิจหมดค่ะ รวมทั้งลูกเขยและลูกสะใภ้ด้วยค่ะ)

   ใครพอมีความรู้ช่วยหน่อยนะค่ะ ว่าพอจะทำอย่างไรให้ลัทธิพวกนี้หมดไปสักที เพราะทุกคนอยากได้แม่คนเดิมกลับมาค่ะ และลูกๆ เริ่มเครียดมากๆ จริงๆ ค่ะ

    จะแจ้งหน่วยงานไหนก็ไม่ทราบ เครียดๆๆ ค่ะ

แฟนเก่าชื่อส้ม

เข้าใจครับ หัวอกคนรักแม่
พาลูกๆทุกคนมาคุย โน้มน้าว ให้แม่เข้าใจว่าโดนหลอก
แต่น่าจะลำบากแต่ก็เป็นทางเดียวที่จะให้แม่เข้าใจ

แต่ถ้าเป็นผม ผมจะพาเด็กๆไปถล่มสำนักให้พัง
ก่อนตายคุณอยากอยู่กับใครเป็นคนสุดท้าย

Probass

จาก "ความเชื่อ" เพิ่มระดับขึ้น จนกลายเป็น "ศรัทธา" มันยากที่จะไปลบล้าง

TUF ลุ้น break new high   UVAN @80 บาท --> 106.50 บาท

มีมาก

.



..โยเร นัมเมียว ธรรมกาย พระทำของขลัง มีมากมาย


รวมทั้งแก้บน ทำบุญมาก จ่ายเงินมาก ได้บุญมาก เต็มไปหมด


ต้องรักษาตัวเองให้พ้นภัย หาคนช่วยได้ยาก..


คนกรมชล คุณนายเทศบาล

การที่จะให้ลูกๆ คุยให้แม่เข้าใจเป็นเรื่องที่ยากมากค่ะ เพราะที่บ้านคุณแม่คือจ้าวชีวิตของลูกๆ ค่ะ แต่ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำ ค่ะ แต่ในใจลึกๆ คิดว่าจะไปถล่มสำนักเหมือนกันค่ะ หรือไม่ก็เอาอุลตร้าแมนไปปล่อยแสงแข่งค่ะ

สำหรับธรรมกายคุณแม่ก็เป็นคนหนึ่งที่หมดดินเป็นไร่เพื่อสร้างโบสถ์ธรรมกายค่ะ

ที่บ้านก็อบอุ่นนะค่ะทุกคนรักและเอาใจคุณแม่มากทั้งลูกและหลานค่ะ อยากจะทราบว่าพอจะมีหน่วยงานไหนให้ความช่วยเหลือได้บ้างค่ะ

ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำของทุกท่านค่ะ

นัท สีเทพ

พยายามพูดคุย เพื่อดึงแม่ให้กลับมา หรือหาคนที่แม่เคารพ ให้พูดคุยด้วย เช่น พาไปหาพระ ที่พูดเก่ง ให้พูดให้แม่ฟัง

เคยเห็นคนข้างบ้าน นับถือลัทธินี้เหมือนกัน เวลาไม่สบายขั้นมาก็จะใชังพลังฝ่ามือรักษา

แต่ก็ไม่เห็นหาย

ความเชื่อนี้ห้ามกันยากจริงๆ

pa_เฟี๊ยว

ไม่น่าเชื่อว่ายังมีแบบนี้อยู่อีกนะ.....น่าเห็นใจจริงจริง ส.แย่จัง

Gemini

สมัยเราเด็ก ๆ ประมาณ 13-14 เห็นพี่สาว ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องไปมาเหมือนกัน
แล้วพ่อไม่สบายเค้าก็มาปล่อยพลังจากฝ่ามืออะ แล้วก็เห็นมีเหรียญใส่กรอบ สีทอง ๆ อะ
แขวนคออยู่ด้วย
แต่หลังจากนั้นก็ไม่เห็นเค้าไปต่อนะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ  ส.สู้ๆ ส.สู้ๆ
"ไม่สวย ไม่หล่อ หาหมอศัลยกรรม  ความคิด จิตต่ำ ศัลยกรรมช่วยไม่ได้จริง ๆ"

โอเลี้ยงยกล้อ

เคยออกข่าวเมื่อนานมาแล้วครับลองอ่านดูนะครับ

ลัทธิโยเรป่วนแฉทุจริตจี้สอบแหกตา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ส.ค. มีสมาชิกโยเร ประมาณ 300 คน
มาชุมนุมปิดถนนทางเข้า หอไทยคิวเซ หมู่ 6 ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
ชูป้ายเขียนโจมตีผู้บริหารที่มีนายฮมบุโจ ไดโกคาซาฮารา เป็นประธานบอร์ดใหญ่ด้านบริหารของหอไทยคิวเซ ว่า
เป็นผู้ลืมบุญคุณของประธานคนเดิมที่ก่อสร้างหอไทยคิวเซ รวมทั้งโจมตีเรื่องการเงินที่ไม่โปร่งใส
ปิดหูปิดตาสมาชิกที่ร่วมทำบุญปีละนับร้อยล้านบาท
นายวุฒิชัย ทยานันทน์ ประธานสมาพันธ์เพื่อสิทธิสมาชิกโครงการพัฒนาจิตใจ แกนนำผู้ชุมนุม
เป็นตัวแทนยื่นหนังสือถึงประธานบอร์ด เรียกร้องดังนี้ 1.ให้ฝ่ายบริหารทั้ง 5 คน
ที่กดดันให้ประธานคนเก่าต้องลาออก กราบขอขมาประธานคนเก่าต่อหน้าสมาชิกทั่วประเทศ และให้ลาออกทั้ง 5 คน
2.ให้ตัวแทนสมาชิกทั่วประเทศที่ไม่ใช่หัวหน้าสาขา และเจ้าหน้าที่ภาคละ 1 คน
เข้าไปมีส่วนร่วมรับรู้การบริหารงาน และเงินของมูลนิธิหอไทยคิวเซ เพื่อความโปร่งใสชัดเจน
3.ให้มูลนิธิจัดบอร์ดแสดงผลงาน และวิธีการจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้าง พร้อมงบประมาณประจำปี
และเปิดเผยชื่อผู้รับเหมา ก่อสร้างให้สมาชิกรับทราบด้วย
4.การก่อสร้างต่างๆในมูลนิธิจะต้องผ่านการยื่นซองประมูลประกวดราคาทุกครั้ง
5.ให้เริ่มสร้างซุ้มประตูสวนพฤกษศาสตร์ทันที พร้อมเปิดเผยแหล่งที่มาของเงินบริจาค ผู้บริจาค
และจำนวนเงินทั้งหมด 6. ขอให้นายฮมบุโจ ประธานบอร์ดแสดงวิสัยทัศน์การบริหารงานของมูลนิธิ
7.โครงการต่างๆที่ประธานคนเก่าเคยดำริไว้ และเป็นโครงการที่ดี
ประธานบอร์ดคนใหม่จะดำเนินการต่อไปอย่างไร

ต่อมาเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ภายหลังยื่นข้อเรียกร้อง นายวุฒิชัย เปิดเผยว่า หอไทยคิวเซ หรือศูนย์โยเร ที่
อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เริ่มจากอาจารย์ใหญ่ นายคาซูโอะ วาคุกามิ
เดินทางมาเผยแพร่ในประเทศไทยพร้อมภรรยาเมื่อปี 2511
เริ่มต้นที่กรุงเทพฯโดยจัดตั้งมูลนิธิบำเพ็ญประโยชน์ด้วยกิจกรรมทางศาสนา เมื่อปี 2513
และขยายออกต่างจังหวัดทั่วประเทศ ปัจจุบันมีสมาชิก 480,000 คน แต่แล้วอาจารย์ใหญ่ถูกคนไทย 5
คนร่วมกันลงชื่อทำหนังสือส่งไปที่ศูนย์ใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่น กล่าวหาว่าเป็นเผด็จการ และมีปัญหาทางสมอง
ต่อมามีการปลดอาจารย์ใหญ่ออกจากตำแหน่งโดยกลุ่มผู้ก่อการคนไทย 5 คนดังกล่าว

"ความจริงเมื่ออาจารย์ใหญ่ป่วย กลุ่มคนไทยที่บริหารมูลนิธิบางคนก็มีพฤติกรรมไม่โปร่งใส
โดยผู้บริหารคนหนึ่งมีหนี้สินถูกธนาคารกรุงศรีอยุธยาฟ้องให้ชำระหนี้กว่า 13 ล้านบาท
แต่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้หมดภายใน 6 เดือนทั้งที่ไม่มีอาชีพอื่นใด ไม่ทราบว่า เอาเงินมาจากไหน
เรื่องนี้สมาชิกมีความสงสัยอย่างมาก รวมทั้งการก่อสร้างในสาขาของมูลนิธิทุกสาขา ผู้บริหาร
คนดังกล่าวก็จะจ้างญาติที่พี่น้องมารับเหมาหมด" นายวุฒิชัย กล่าว

นายวุฒิชัย กล่าวต่อว่า สมาชิกสาขาสระบุรี ร่วมกันจัดตั้งสมาพันธ์เพื่อสิทธิสมาชิกโครงการพัฒนาจิตใจ
ขึ้นมาตรวจสอบผู้บริหารมูลนิธิหอไทยคิวเซ เพราะตั้งแต่เดือน ธ.ค.2546 เป็นต้นมา
ผู้บริหารชุดปัจจุบันยังไม่ยอมชี้แจงใดๆทั้งสิ้น โดยการรับสมาชิกโครงการพัฒนาจิตใจ หรือเข้าพิธี
"รับพระ" ในอดีตเริ่มจากทำบุญคนละ 300 บาท ต่อมา 600 บาท และปัจจุบัน 1,000 บาท
รวมทั้งการบริจาคอื่นๆก็ไม่มีการออกใบอนุโมทนาบัตร หรือใบเสร็จรับเงิน หลังจากมีการเรียกร้องให้ชี้แจง
ลูกน้องของผู้บริหารคนหนึ่งถึงกับขู่ฆ่านางดวงพร วงศ์วีระเกียรติ สมาชิกสมาพันธ์ฯ ในห้องพิธีชั้น 3
หอไทยคิวเซจนต้องแจ้งความไว้ที่ สภ.อ.แก่งคอย นอกจากนี้ เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา
ยังให้รางวัลลูกน้องพาไปเที่ยวเยอรมนีด้วยเงินของมูลนิธิ หัวหน้าสาขา 24 สาขาทั่วประเทศ
ก็แต่งตั้งโดยผู้บริหารผู้ทรงอิทธิพลคนนี้ ให้เงินโบนัสพิเศษจากจำนวนคนรับพระ
ปิดหูปิดตาไม่ให้มีโอกาสรับรู้ ไม่โปร่งใสในทุกเรื่อง
จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารมูลนิธิหอไทยคิวเซ
อาจมีการทุจริตเข้าข่ายหลอกลวงสมาชิกทั่วประเทศ

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อกับทางกลุ่มผู้บริหารมูลนิธิหอไทยคิวเซ โดยเฉพาะกลุ่มที่ถูกกล่าวหา
แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ทราบว่าเดินทางออกนอกพื้นที่หลังเกิดการชุมนุมยื่นข้อเรียกร้องของสมาชิกที่
จ.สระบุรี สำหรับ "โยเร" จัดเป็นลัทธิหนึ่ง มุ่งเผยแพร่คำสอนเรื่องอำนาจแสงธรรมชาติ
คลื่นแสง การแผ่รังสี ระดับชั้นในโลกวิญญาณ รวมทั้งการใช้พลังแสงในการรักษาโรคที่เรียกว่า
"พลังจักรวาล" อ้างว่าได้มาจากพลังของเทพเจ้า ปัจจุบันเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
มีสมาชิกจำนวนมากในประเทศไทย

โดย : thairath.co.th  09/08/2004

โอเลี้ยงยกล้อ

และพบข้อความที่น่าสนใจจากเว็บไซต์ www.dhammathai.org ความว่า

"โยเร เป็นความเชื่่อชนิดหนึ่ง เข้ามาในประเทศไทยประมาณ มี พ.ศ. 2512 โดยชาวญี่ปุ่น
เป็นความเชื่่อ ในเรื่องของการบำบัด และรักษา อาการเจ็บป่วย โดยใช้พลัง โยเร ซึ่งเขาเชื่อว่า มีอยู่ในกายคนเรา
โยเร จะมีความเชื่อว่า พลังโยเรนั้น สามารถพุ่งออกมาจากฝ่ามือ เพื่อรักษาหรือบำบัดอาการป่วยได้ ซึ่่งในทางกฏหมายถือว่า หลอกลวง และได้มีการสั่งห้ามมิให้ลัทธิโยเรนี้ เผยแพร่ หรือกระทำการอีก เมื่อประมาณ 5 ถึง 10 ปีทีล่วงมาแล้ว"

หนึ่งในนั้น

โดนเหมือนกันค่ะ ให้ไปรับพระเสียเงินแล้ว 1,000 บาท ต่อไปก็ต้องทำบุญให้บรรพบุรุษที่เสียชีวิตทุกคน หนักหน่อยสำหรับคนที่ทำแท้ง ต้องทำบุญให้ลูกที่แท้งด้วย เดือนละ 200 บาท/คน ถ้าทำแท้ง 3 คน = 600 บาท + ทำบุญให้บรรพบุรุษอีก อะให้ 200 บาท รวม 800บาท/เดือน/คน (ฝากธนาคารยังเป็นเงินเก็บพร้อมดอกเบี้ยด้วย) ไม่ทำก็ไม่ได้ จะมีมากมีน้อยก็ต้องทำ. ถามหน่อยเงินที่สมาชิกบริจาคทำบุญมันไปอยู่ที่ไหนหมด เงินบริจาคต่อเดือนต่อปี ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ ศูนย์ใหญ่ก็อยู่ที่สระบุรี นอกนั้นก็เป็นสาขา สมาชิกต้องไปบำเพ็ญประโยชน์ที่สาขา ไม่มีเงินเดือนให้ ไม่มีเบี้ยเลี้ยงให้ ทุกอย่างเราออกเอง แล้วเงินมันไปอยู่ไหน?????? หน้าจะมีเจ้าหน้าที่หรือองค์กรใดเข้าไปตรวจสอบนะ

ศาสนาพุทธเรา สอนให้ทำบุญตามกำลังศรัทธา มีมากก็ทำมาก มีน้อยก็ทำน้อย เพราะทำแล้วก็ได้บุญเท่ากัน อยู่ที่ความสบายใจของเรา เงินที่เราทำบุญให้วัด เรายังรู้ยังเห็นว่าวัดเอาเงินไปบูรณะวัด

ลัทธิลวงลูกโซ่หวังเงิน

อ้างจาก: คนกรมชล คุณนายเทศบาล เมื่อ 12:27 น.  30 มี.ค 55
ตอนนี้ที่บ้านมีปัญหาค่อนข้างใหญ่มากค่ะ อยากให้ผู้รู้หลายๆ ท่านให้คำแนะนำหน่อยค่ะ เครียดมากๆ ค่ะ เนื่องจากตอนนี้คุณแม่ซึ่งมีอายุ 80 ปี ได้เข้าไปยู่ในลัทธิโยเร ซึ่งมีสำนักงานที่ทำการอยู่ที่ ริมถนนทางไปสงขลา (สายเก่า) ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งค่ะ แม่เขาเข้าลัทธินี้มาได้ประมาณ 5 ปีแล้วค่ะ และที่ทางบ้านคิดว่าเขาน่าจะหลอกลวงเพราะ ก่อนที่จะเข้าไปในลัทธินี้ได้ ต้องมีการรับพระ ซึ่งต้องเสียเงินคนละประมาณ 1,000 บาท และเมื่เข้ามาเป็นสมาชิกก็ต้องทำบุญให้กับบรรพบุรุษ อีก ซึ่งเฉลี่ยแล้วแม่ต้องทำบุญให้เขาประมาณครั้งละ 500 - 1,000 บาท (คุณแม่มีรายได้จากบ้านเช่า และลูกๆ ให้ใช้จ่ายประจำเดือนค่ะ และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เลย) และต้องไปไหว้พระทุกเดือนๆ ละ 4 ครั้ง คือทุกวันเสาร์ หรือบ้างครั้งต้องพาไปต่างจังหวัดก็มีค่าใช้จ่ายประมาณ ครั้งละ 5,000.- บาท เป็นอย่างต่ำ
       โดยลัทธินี้จะมีหัวหน้ากลุ่มเป็นเหมือนการหาสมาชิกเข้ากลุ่ม ซึ่งแม่เองก็มีหัวหน้ากลุ่ม มาหาที่บ้านบ่อยๆ เอาหนังสือเก่าๆ มาขายให้ในราคาเล่มละ 20 บาท ครั้งละหลายๆ เล่ม แม่ก็แก่แล้วเห็นว่าเกี่ยวกับพระก็ซื้อทุกครั้ง ครั้งหนึ่งก็หลายร้อยค่ะ

      และลัทธินี้จะเด่นในเรื่องการให้แสงรักษาโรค โดยการยกมือให้แสง ซึ่งต้องทำทุกวัน และแม่ยังบังคับให้ลูกๆ หลานๆ อีก 7 คนไปรับพระ ซึ่งค่าใช้จ่ายก็ประมาณ 7,000 .- บาทค่ะ และอีกเรื่องที่ลัทธินี้จะเด่นมากคือ การใช้ EM รักษาโรค ใช้ล้างห้องน้ำ ล้างผัก ใส่แผล ทาแก้คันและที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ ใช้ทานได้ด้วย เป็นขวดเล็กๆ ประมาณ 30ซีซี ก็อยู่ที่ราคาประมาณ 80 บาทแล้วค่ะ

    ตอนแรกลูกๆ ก็เห็นว่าเป็นแค่การเข้าชมรมได้เจอเพื่อจึงไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่ แต่ตอนหลังมานี่ แม่เริ่มทำบุญหนักขึ้นมาก และเริ่มด่าลูกๆ ทุกครั้งที่กลับมาจากไปลัทธิหรือมีหัวหน้ากลุ่มมาหา  ด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง หาว่าลูกๆ โง่ที่ ไม่เชื่อพระ ทำอะไร ก็ต้องให้พระคุ้มครอง อะไรเกิดขึ้นก็เป็นเพราะพระทำให้เกิด มีแต่คำว่าพระกับพระ ซึ่งจากการที่แม่เป็นคนรักลูกหลานไม่ปากร้ายมาก กลับเป็นคนใจร้อน ปากร้าย ทำให้ตอนนี้ครอบครัวที่บ้านค่อนข้างมีความเครียดมากๆ ค่ะ ทั้งอายคน ทั้งเครียดเรื่องโดนด่า และเครียดเรื่องแม่เอาเงินไปทำบุญหมด จนลูกๆ เริ่มเดือดร้อน

    และจากการที่เคยไปสังเกตุการณ์ดู ไม่ทราบว่าเงินที่เขาได้มาจากการทำบุญ เขาเอาไปไหน แต่ที่แน่ๆ หัวหน้าใหญ่ๆ ไม่มีใครทำงาน แต่มีเครื่องเพรชใส่ มีรถเบนซ์นั่ง แล้วเงินทื่ทำบุญไปก็อธิบายไม่ได้ว่าเอาไปใช้ประโยชน์อะไร

    และสาเหตุที่ทำให้แม่เชื่อลัทธินี้มาก เนื่องจากว่า มีหลายๆ คนเป็นถึงอาจารย์ ครูใหญ่ พยาบาล และข้าราชการอีกหลายๆ ที่ มาเข้าร่วมลัทธิ ทำให้แม่ยิ่งเชื่อเข้าไปใหญ่ค่ะ

   (ที่บ้านลูก ๆ เป็นข้าราชการและรัฐวิสาหกิจหมดค่ะ รวมทั้งลูกเขยและลูกสะใภ้ด้วยค่ะ)

   ใครพอมีความรู้ช่วยหน่อยนะค่ะ ว่าพอจะทำอย่างไรให้ลัทธิพวกนี้หมดไปสักที เพราะทุกคนอยากได้แม่คนเดิมกลับมาค่ะ และลูกๆ เริ่มเครียดมากๆ จริงๆ ค่ะ

    จะแจ้งหน่วยงานไหนก็ไม่ทราบ เครียดๆๆ ค่ะ

ขั้นตอนแรกติดตามสืบพฤติกรรมหัวหน้าใหญ่ใช้ชีวิตปัจจุบันอย่างไรมีพฤติกรรมที่เสื่อมเสียไหมแล้วอยู่ในศีลไหมไม่ต้องมาก สังเกตุจากศีล5ก็พอ ติดตามตรวจสอบเงินที่ผู้หลงเอาไปบริจาคไปใช้จ่ายส่วนไหน ค้นประวัติหัวหน้าลัทธิว่ามีประวัติฉ้อโกงหลอกลวงใครมาบ้างแล้วในอดีตถ้ามีอดีตที่ไม่ปฏิบัติธรรมปัจจุบันไม่เห็นว่าปฏิบัติอยู่ในศีลก็ไม่น่าจะมีอะไรให้น่าเชื่อถือศรัทธา ต้องทำลายความน่าเชื่อถือของหัวหน้าใหญ่แล้วทำให้ผู้หลงผิดเห็นเป็นรูปธรรม ไม่มีเวลาสืบสอดแนมก็จ้างนักสืบ หรือร้องเรียนไปยังสำนักข่าวช่องต่างๆให้ติดตาม บุญไม่สามารถตีค่าเป็นตัวเงินมันอยู่ที่ความศรัทธาที่ถูกต้องเงินหรือวัตถุทานที่ได้มาต้องบริสุทธิ์ผู้รับทานต้องเป็นเนื้อนาบุญอย่างแท้จริง ทำบุญกับคนมีศีล5ร้อยครั้งไม่เท่ากับทำกับคนมีศีล8หนึ่งครั้งทำกับคนมีศีล8ร้อยครั้งไม่เท่าทำกับคนมีศีล10หรือเณรหนึ่งครั้งทำบุญกับผู้มีศีล10ร้อยครั้งไม่เท่ากับพระผู้มีศีล227หนึ่งครั้ง ทำกับพระมีศีล227ร้อยครั้งไม่เท่าทำกับพระมีศีล227บรรลุโสดาบันหนึ่งครั้ง ทำกับพระบรรลุโสดาบันร้อยครั้งไม่เท่าทำกับพระบรรลุสกทาคามีหนึ่งครั้งทำกับพระสกทาคามีร้อยครั้งไม่เท่าทำกับพระอนาคามีหนึ่งครั้งทำกับอนาคามีร้อยครั้งไม่เท่ากับทำกับพระอรหันต์หนึ่งครั้ง ทำกับอรหันต์ร้อยครั้งไม่เท่าทำกับพระปัจเจกพุทธเจ้าหนึ่งครั้งทำกับปัจเจดพุทธเจ้าร้อยครั้งไม่เท่าทำกับพระพุทธเจ้าหนึ่งครั้งทำกับพระพุทธเจ้าร้อยครั้งไม่เท่าทำกับพระพุทธเจ้าที่มีสาวกเป็นอรหันต์ พุทธธรรมสงฆ์ตั้งครบองค์พระรัตนตรัยหนึ่งครั้ง อย่าถวายเงินและทองแก่พระไม่มีบุญเป็นบาปพระห้ามรับเงินรับทองหรือให้ใครรับแทนก็ไม่ได้ อยากถวายเงินและทองให้ได้บุญมากต้องให้พ่อแม่และพระมหากษัตริย์เท่านั้นหรือฆราวาสที่มีศีล 5 8 10 อุโบสถ สมบูรณ์ ที่ท่านเล่ามานั้น โดนหลอก ให้ไปแล้วเราสำคัญผิดในลัทธิต้องทวงกลับมาให้หมด แต่ถ้าให้โดยไม่คิดอะไรใครขอให้หมด บุญมี เหมือนพระเวชสันดร ใครขออะไรให้หมด โดยคิดแต่จะให้เท่านั้นเมื่อเขาขอบุญมี แต่สังคมปัจจุบันเลือกให้ถูกต้องได้และต้องการบุญอย่างแท้จริงไม่จำเป็นต้องเสียเงินซักบาทก็ได้คือปฏิบัติธรรมรักษาศีลให้บริสุทธิ์เองเลยสวดมนต์แผ่เมตตาส่งบุญเองได้ทั่วไตรภพ หรือเลือกถวายปัจจัย4แก่พระผู้มีศีลบริสุทธิ์วัตรปฏิบัติถูกต้องตามธรรมวินัยคำสอนในพระไตรปิฏกคำตอบที่สงสัยและหาคำตอบต่างอยู่ในพระไตรปิฏกเข้ากูเกิ้ลเซิร์ทหัวข้อก็น่าจะเจอ อย่าเชื่อ ไปศึกษาดูเอง อ่านค้นหาเองใน84000พระธรรมขันธ์ บางอย่างก็เป็นปัจจัตตังของเราเองผิดถูกอย่างไรก็ให้ยึดพระไตรปิฎกเป็นหลัก คำตอบที่ให้มีทั้งทางโลกและทางธรรม ก็คิดเรียบเรียงแก้ปัญหาเอาเอง ที่จริงมันก็เป็นกรรมเก่าเล่นทางกฏหมายทางโลกได้เอาคืนได้หากเป็นกรรมหนักในอดีตเดี๋ยวมันก็มาในรูปแบบอื่นให้เสียตังเราก็ตามแก้อยู่นั่นแหละก็ถือศีลสวดมนต์แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปวันนึงสัก5ครั้งเหมือนอิสลามละหมาด ก็คงพอคลายกรรมเก่าไปได้เยอะวันไหนจิตสงบมากบุญก็ถึงมากสงบน้อยก็ถึงน้อยแต่ถึงและคลายได้แน่นอน

สมาชิกคนหนึ่ง

ในฐานะที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งของศูนย์โยเร
หนูรู้สึกแปลกๆ นะคะที่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้
ขออนุญาตพุดในสิ่งที่หนูได้เห็นและรับรู้นะคะ (ที่จริงแล้วครอบครัวหนูรับพระทั้งบ้านนะคะ)
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า คิวเซเคียวเองก้เป็นศาสนาพุธเหมือนกันนะคะ แต่คนละนิกายเท่านั้น
คิวเซเคียวจะเชื่อในเรื่องของพระศรีอาริย์
คำสอนของศาสนาไม่ได้มุ่งเน้นให้เราปรินิพพาน แต่เน้นในการใช้ชีวิตประจำวันให้มีความสุข
เพราะปัจจุบันนี้มันหาได้ยากจริงๆ ค่ะสำหรับคนที่จะปฏิบัติธรรมจนละทิ้งทุกอย่าง เรามีครอบครัวที่ต้องดูแล ต้องใช้จ่าย
ต้องทำมาหากินทุกอย่างเหมือนคนทั่วๆ ไปนั่นล่ะค่ะ
บางคนเห็นว่าสมาชิกเรามาบำเพ็ญประโยชน์ทุกวันไม่มีการมีงานทำรึไง ที่จริงแล้วก็มีเหมือนทุกๆ คนนั่นล่ะค่ะ
แม่หนูไปปฏิบัติเป็นประจำ คือ ระบบการทำงานของศูนย์โยเรเราจะมีเป็นระบบๆ แล้วแต่ว่าแต่ละคนมีเวรที่ต้องไปปฏิบัติตอนไหน
อย่างแม่หนูก้ไปทุกวันอังคาร ขึ้นอยู่กับตำแหน่งด้วยค่ะ ถ้าตำแหน่งสูงมาก หน้าที่ก็ยิ่งมาก

อีกอย่าง ไปบำเพ็ญประโยชน์เราก็ไปด้วยความสมัครใจนะคะ บางทีเราว่าง เราก็แวะเข้าไปที่สาขา ไปไหว้พระ ทำบุญบ้าง
เรื่องการทำบุญที่จริงก้เหมือนศาสนาพุทธนั่นล่ะค่ะ ศรัทธาแค่ไหนก็ทำแค่นั้น มีน้อยทำน้อย หรือมีมากจะทำน้อยก็ยังได้
แต่ถ้าทำแล้วเป็นทุก เราก็ไม่ต้องทำ อย่างสมมติว่าตอนนี้ครอบครัวกำลังลำบาก ข้าวแทบจะไม่มีกิน(เปรียบเยอะไปหน่อย ^^;)
เงินก็แทบไม่มี เราไม่ต้องทำก้ได้ เพราะศาสนาเราเน้นให้คนในครอบครัวมีความสุขก่อน ถ้าคนในครอบครัวยังไม่อิ่ม เราก้ไม่ต้องทำทานจนเกินกำลัง แต่แม่หนู พ่อหนู ทำตลอดนะ หนูทำเป็นบางครั้ง เพราะแม่กับพ่อก็ทำงาน พอมีเงินบ้าง เป็นเรื่องปกติที่จะทำบุญสักยี่สิบสามสิบก็ว่าไป ตามแต่มี บางทีมีมากแม่หนูก็ทำห้าสิบ ร้อย ส่วนหนู ทำยี่สิบก้เยอะแล้ว 555 หนูยังหาเงินเองไม่เป็นนี่นา
ส่วนเงินทำบุญน่ะเค้าก็เอาไปใช้ประโยชน์เกี่ยวกับกิจกรรมพระ ค่าน้ำค่าไฟ อย่างเสาร์อาทิตย์ บางทีก้จะมีการจัดอบรมธรรมะ
อบรมเด็ก ยุวชน เยาวชน เราเรียนจัดดอกไม้ ก็เอาเงินส่วนนี้ไปซื้อดอกไม้
ส่วนคนที่คุณเห็นอยู่ในสาขาน่ะ ว่าเค้าทำงานงั้นทำงานงี้ ต้อนรับแบบนั้นต้อนรับแบบนี้ อาจจะทำให้คุฯรู้สึกแปลกๆ ว่าต้อนรับดีเกินไป มีอะไรแอบแฝงไหม ที่จริงแล้วไม่หรอกค่ะ คนที่ไปสาขาที่คุณเห็นน่ะไปด้วยความเต็มใจ ที่เห็นเค้าว่ายเค้ายิ้มรับน่ะ เป็นการแบ่งปันความสุขนะคะ ลองคิดดูสิคะ คุณชอบหรือที่จะเห็นคนที่หน้าตาบูดๆ บึ้งๆ เห็นแล้วอารมณ์เราก็เสียตามไปด้วยจริงไหมคะ

ส่วนเงินทำบุญให้บรรพบุรุษน่ะ ที่่จริงทำแค่ครั้งเดียว/ปี/คน นี่คะ แม่หนูก็ทำให้คนหนึ่งปีละครั้ง แต่เราอาจจะทำพร้อมกันครั้งเดียวไม่ไหว เพราะว่าบรรพบุรุษเราเยอะ เราก็ทำเดือนละคน สองคนก้ได้นี่คะ
แม่หนูก็ไม่ได้ทำเยอะนะ แต่แม่มีกระปุกออมสินแม่จะหมอดเงินใส่นั้นไว้ หยอดไว้เรื่อยๆ พอถึงวันที่ต้องทำบุญให้บรรพบุรุษแม่ก้จะเอาเงินออกมาใช้ทำบุญ ก้ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะปกติสมาชิกเราจะทำอย่างนี้นะคะ

ในกรณีคุณแม่ของคุณนี่หนูไม่แน่ใจนะคะว่าทำไมเป็นอย่างนั้น คุณแม่คุณเข้าใจจุดประสงค์ของโครงการเราผิดรึเปล่า
เราไม่ได้สอนให้ทำบุญเยอะๆ แต่ให้ทำตามศรัทธา ซึ่งบางทีที่แม่คุณทำบุญเยอะอาจจะเป็นเพราะเค้าศรัทธามาก แต่อาจจะเรียนรู้ได้ไม่หมด เพราะศาสนาเราเน้นครอบครัวก่อนนะคะ ถ้าครอบครัวเดือดร้อนเราก็อธิษฐานกับพระ แล้วปล่อยวาง (คิดมากไปก็ทุกใจเปลานี่คะ จริงไหม?) แล้วที่ต้องทำบุญให้บรรพบุรุษก็แล้วแต่ศรัทธาเหมือนกัน

ส่วนที่ว่ามีเบ็นซ์ขี่มีพลอยใส่น่ะ คุณภาพชีวิตเค้าดีขึ้นค่ะ บางคนก็ฐานะดีอยู่แล้ว บางคนก้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ที่แน่ๆ คือ เค้ามีความสุขของเค้าค่ะ

ส่วนเรื่องหนังสือ สมาชิกทุกคนได้รับหนังสือค่ะ ส่วนเงินที่จ่ายไปน่ะเป็นการทำบุญค่าหนังสือค่ะ แต่ที่ว่าซื้อครั้งนึงหมดไปหลายร้อยน่ะ ไม่น่าจะมีนะคะ นอกจากว่าคุณแม่ของคุณจะเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ต้องรับหนังสือเพื่อนำไปให้ลูกกลุ่มอีกทีแล้วค่อยเอาเงินกับลูกกลุ่ม แล้วก้ หนังสือของเราเป็นปัจจุบันนะคะ เดือนละเล่มเท่านั้น ลองตรวจสอบดุได้ค่ะว่าได้หนังสือตรงกับเดือนไหม เพราะหนังสือจะบอกวันที่ไว้อยู่ค่ะ

แล้วที่เดินทางไปต่างจังหวัดน่ะ สมาชิกส่วนใหญ่ไปอยู่แล้วค่ะ เดือนละครั้ง ไปไหว้พระขอบคุณพระที่สระบุรี จะไปทุกเสาร์-อาทิตย์แรกของเดือน แล้วที่ไปทุกวันเสาร์น่าจะไปที่สาขาเพื่อไปอบรมมากว่านะคะ เพราะทุกเสาร์อาทิตย์จะมีการเรียนธรรมมะและอบรมสมาชิกอย่างที่บอกไป

ส่วนเรื่องแสงทิพย์ เราเชื่อว่าเป็นแสงของพระศรีอาริย์ที่จะช่วยปกป้องพวกเราจากความทุกข์ หลายคนบอกว่าไม่เห็นได้ผลเลย มันก้เหมือนกับยาหมอแหละค่ะ ใช่ว่าโยเรแค่ครั้งเดียวจะหาย ต้องได้รับแสงบ่อยๆ ถ้าทุกวันได้ยิ่งดี ไม่จำเป็นต้องมีโรคก็รับแสงได้ ส่วนที่ว่าบางคนทำแล้วก้ไม่ทำอีก สมาชิกหลายคนก้เป็นค่ะ บางคนก็ไม่ได้รับการอบรมธรรมะ บางคนก้ยังไม่ศรัทรา ก็เลยทำได้ไม่เต็มที่ อย่างเพื่อนหนูก้เป็น รับพระมาเจ็ดปีเหมือนกัน เพื่อนหนูอีกคนก้ไม่ไดก้ปฏิบัติ เพราะคเ้าอายด้วยมั้ง หรือเพราะเค้าไม่เข้าใจเราก็ไม่รู้ แต่หนูยังศรัทราอยู่

แล้วเห็นบอกว่ารับพระต้องจ่ายตังค์น่ะ เรื่องธรรมดาค่ะ ยิ่งตอนนี้พระเหลือน้อยก็ยิ่งแพง ไม่ใช่เพราะเราต้องการผลประโยชน์อะไรหรอกนะคะ แต่เป็นการตั้งไว้ให้คนที่ศรัทราจริงๆ แต่บางคนที่ศรัธาแต่ไม่มีเงินพี่เลี้ยงก็ออกให้ก็มีแยะไปค่ะ

แล้วก็อีเอ็มนี่ อาจจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อนะคะ แต่ได้ผลจริงๆ หนูเจ็บคอหนูยังอธิษฐานกับพระแล้วก็ทานอีเอ็ม หนูก็หายนะ ไม่ได้พึ่งยาหมอด้วย แต่บางโรคก้ใช่ว่าจะใช้อีเอ็มอย่างเดียว เราก้ต้องไปหาหมอด้วย แต่อีเอ็มนี่ไม่ได้เป็นขวดเล็กๆ ไม่ใช่เหรอคะ บรรจุขวดละ 1 ลิตรนะคะ ราคาก้น่าจะร้อยกว่าๆ

บางทีอาจจะเป็นพี่เลี้ยงที่เข้าใจคำสอนผิด หรืออาจจะเป้นเพราะคุณแม่ของคุณเองเข้าใจคำสอนผิดด้วยเหมือนกัน
อีกอย่าง ที่คุณแม่คุณด่านี่ อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ส่วนตัวด้วย หรือไม่ก้เป็นเพราะท่านอยากให้คุณเชื่อเหมือนท่าน แต่ท่านอาจจะใช้ถ้อยคำไม่ถูกก็ได้

**เราไม่ได้บังคับให้คุณเชื่อนะคะ แต่อยากให้คุณลองเปิดใจค้นหาดู และศึกษาเรียนรู้ดูดีๆ ไม่เชื่อก้ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ

(ปล. ขอโทษจริงๆ ค่ะที่ใช้พื้นที่เยอะ)

แดงเทียม


cefiro

เห็นเข้ามาในเคหะน้ำน้อยด้วย


puiey

โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ

ศรัทธา99

ศรัทธา ไม่ได้มาจาก ความเชื่อแบบงมงาย หรือ แค่ฟังเขาบอกต่อๆกันมา แต่ต้องใช้สติปัญญาและเหตุผล
ส่วนการทำบุญ ไม่จำเป็นว่าจะทำเท่าไหร่ มันสำคัญอยู่ที่ใจต่างหาก การปฏิบัติธรรม รักษาศีล เจริญวิปัสนา อยู่ที่บ้านก็ได้บุญ

ไก่ฟักด้าม

ถ้าเพียงแค่รับเอาสิ่งนั้นสิ่งนี้เข้ามาแล้ว  ชีวิตจะเจริญรุ่งเรือง  เราคงไม่ต้องทำงานทำการกันแล้วครับ
นั่งอยู่เฉยๆ  คอยให้ชีวิตมันดีขึ้นมา  มีเงินใช้  หรือถ้าป่วยก็นั่งให้มันหายเองไม่ต้องไปเปลืองเงินเปลืองทองรักษา  ไม่ดีกว่าเหรอครับ

ส.อืม ส.อืม ส.อืม ส.อืม

NaRuTho

ถ้าไม่มี 1000 ก็อดเป็นสมาชิก รับพระ  ส.หลกจริง ส.หลกจริง ส.หลกจริง
สนใจ โทร: 086 4245397  Line: narutho77
        ชมสินค้าทั้งหมดของทางร้านได้ที่
       http://enrichshopp.lnwshop.com/category

โอเลี้ยงยกล้อ

โอ้ยังมีคนไปขุดขึ้นมา

เรื่องของความเชื่อ ถ้าไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อนอะไร ก็คงไม่มีใครว่า แต่ตามต้นเรื่องของเจ้าของกระทู้นี้ เขาได้รับความเดือดร้อนสิ่งที่เขานำมาบอกก็เป็นเรื่องเดือดร้อนจริงๆ ผู้ที่เชื่อในเรื่องนี้ จะมาบอกว่าแปลกใจที่ได้ยินก็ไม่ได้หรอกครับ ในเมื่อเขาเองก็เจอเรื่องจริงๆเหมือนกัน

Kathina

กฐินปีพุทธชยันตี ปลอดการเรี่ยไร
พุทธธรรม กำมือเดียว หมายถึง พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้ 18 ศาสตร์ เปรียบได้กับใบไม้ทั้งป่าแต่ แก่นหรือหัวใจของพุทธศาสนามีแค่กำมือเดียว

อุตรดร

ถ้าศึกษาพุทธอย่างจริงจะเข้าใจว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน ไม่มีใครช่วยเราได้หรอก บุญเราเราต้องทำเอาเอง บุญที่มากสุดก็ไม่ได้เกิดจากทาน แต่เกิดจากการวิปัสนากรรมฐานที่ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว อันนี้จิตสงบอย่างแท้จริง ไม่ใช่ให้คนมายกมือปล่อยแสงช่วย ทั้งๆที่คนๆนั้นศีล 5 ศีลข้อง่ายสุดยังไม่บริสุทธิ์เลย และตัวเองก็ยังทุกข์ จะมาช่วยคนอื่นให้พ้นทุกข์ได้อย่างไร คุณยายผมทำมาเป็น 10 ปี จิตใจยังขุ่นมัวอยู่เลย เอะอะทำบุญ เปิดบัญชีวิญญาณ ลูกหลานหนีหายไปเมืองนอกหมด อายุขนาดนี้แล้วแก้ยากครับ