ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

อยากให้มีเอกภาพ

เริ่มโดย คนป่า, 09:07 น. 04 เม.ย 55

คนป่า

เห็นข่าวช่อง3ทำข่าวที่ยะลา การให้ข่าวจากหน่วยงานของรัฐเป็นเอกภาพมาก ไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีการท้าทาย
ไม่มีการให้ข่าวแบบ มั่ว ๆ ปากเบาทำให้สับสน ไม่มีภาพของการเมือง ทั้งที่ยะลาโดนหนักกว่าหาดใหญ่เยอะมาก แต่ทำไม
ชาวยะลาดูแข็งแกร่ง อดทน หนักแน่น และน่าเห็นใจอยู่ในที ไม่มีภาพของความรังเกียจคนต่างศาสนา นายกเทศมนตรีนครยะลา
ไม่ได้มาแห่ตามสื่อ ก้มหน้าทำงานแก้ไขความเดือดร้อนให้ประชาชน น่านับถือ แล้วของเราล่ะ ออกสื่อสะเปะสะปะ แข่งกะผู้ว่า
ให้ข่าวไปคนละทิศละทาง ไร้เอกภาพ หยุดพูดบ้างเถอะ เผื่ออะไรจะดีขึ้น เวลาเกิดอะไรขึ้นมาคนเจ็บคือชาวบ้านทั้งเพ
พวกท่านน่ะ แวดล้อมด้วยบริวาร ปลอด
ภัยอยู่แล้ว

ผู้ตามแล

ว่าใคร.............คนเดียว...........กันมั๊ย




คนป่า

อ้างจาก: ผู้ตามแล เมื่อ 09:19 น.  04 เม.ย 55
ว่าใคร.............คนเดียว...........กันมั๊ย
ถูกแล้วท่าน ให้ข่าวมั่วแล้วยังไม่พอ แถมยังว่าหน่วยงานอื่นหล่าว

คนป่า

ที่เราทำได้คือตั้งรับ คอยให้เหตุมันเกิดเท่านั้นหรือ การป้องกันเชิงรุกไร้ผลโดยสิ้นเชิง  ทำไม่ได้เลย นกลืมแร้ว เมื่อไหร ก็เข้าทางแร้ว

ขุนศึก

ขออนุญาติก็อปปี้ข้อความเก่าที่ให้ความเห็นไว้ในกระทู้อื่นมาแปะครับ ด้วยส่วนตัวเห็นว่ามีบางส่วนที่เป็นเรื่องเดียวกันกับกระทู้นี้

*********

ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าการที่ข่าวออกมาในช่วงแรกว่าเป็นเหตุแก๊สระเบิดนั้น หวังผลเรื่องการไม่สร้างความตะหนกให้กับคนหาดใหญ่และนักท่องเที่ยว แต่พอเหตุการณ์เริ่มจะคลี่คลายจนสามารถเข้าไปพิสูจน์หลักฐานได้ในเบื้องต้นพยานหลักฐานชี้ชัดว่าเป็นคาร์บอมจนไม่สามารถปัดเป้นอย่างอื่นได้

ถ้าติดตามข่าวมาตั้งแต่ต้นจะเห็นว่ามีการประชุมย่อยของผู้บริหารผู้ปกครองหลายๆฝ่าย ก่อนที่จะมีการประกาศในภายหลังว่าเป็นคาร์บอม มาถึงตรงนี้ด้วยส่วนตัวพอเข้าใจเรื่องเหตุผลที่จำเป็นในการปิดข่าวในตอนต้น ไม่ว่าจะด้วยเรื่องเศรษฐกิจ ขวัญกำลังใจของประชาชน รวมทั้งอื่นๆ ซึ่งไม่ว่าสาเหตุที่แท้จริงจะคืออะไร แต่การประกาศว่าหาดใหญ่ถูกโจมตีนั่นจะไม่ส่งผลดีต่อทุกคนในหาดใหญ่อย่างแน่นอน

แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังวิตกในการดำเนินการของผู้บริหารฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากวันเวลาที่เกิดเหตุนั้น คงจะไม่มีใครมีข้อมูลในเบื้องต้นที่แน่ชัดไปกว่าผู้บริหารเหล่านี้ ถึงแม้จะชลอเวลาเพื่อประกาศว่าสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไร แต่ก็น่าจะมีคำสั่งดำเนินการให้เร่งรัดจัดกำลังเข้าไปดูแลในส่วนที่ล่อแหลมอื่นๆควบคู่ไปด้วย แต่ในความเป็นจริงผมคิดว่าน่าผิดหวังมากๆที่ ไม่มีใครประสานเตือนภัยหรือจัดกำลังเข้าไปตรวจสอบดูสถานที่อื่นๆ หากไม่ได้มีแค่เพียงหนึ่ง แต่เป็นสอง สาม สี่ ห้า ผลที่ตามมาจะน่ากลัวกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มาก เราๆท่านๆจะแน่ใจได้อย่างไรว่าลูกที่สองไม่ได้อยู่ฝั่งตรงข้าม หรือแม้แต่ร้านกาแฟใต้โรงแรมที่ผู้บริหารใช้ประชุมด่วนในช่วงเย็นวันนั้น เมื่อมาถึงตรงนี้เราต้องเรียนรู้จากอดีตหรือในพื้นที่อื่นที่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ด้วย เราจะต้องสูญเสียกันอีกเท่าไหร่เราถึงจะยอมเรียนรู้

พร้อมกันนี้ยังอยากเสนอแนวทางการให้ข่าวสำหรับเหตุการณ์แบบนี้ว่า ถ้าเป็นไปได้อยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องพิจารณาจัดห้องหรือพื้นที่แถลงข่าวให้นักข่าวแบบฉุกเฉิน เหมือนสากลประเทศที่เค้าทำกันสำหรับในกรณีเกิดภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ หรือแม้แต่ภัยที่เกิดจากการโดนโจมตี เพื่อจะได้มีความชัดเจนแก่ผู้ที่ติดตามข่าวสาร และเมื่อมีการจัดพื้นที่แถลงข่าวแล้วทางผู้บริหารก็ต้องจัดตั้งบุคคลขึ้นมาเพื่อให้ข่าวสารหรือประกาศเตือนภัยเป็นระยะ จนกว่าจะมีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าจะประกาศอย่างไรนั่นถึงจะเป็นเวลาของผู้บริหารเป้นคนขึ้นแถลงข่าวเอง และหากมีการจัดพื้นที่แถลงข่าวแล้วในส่วนนักข่าวเองก็เช่นกันหากได้รับข้อมูลมาจากผู้ที่ไม่ได้รับมอบหมายให้แถลงข่าว ก็ควรจะระบุเหมือนมืออาชีพที่เค้าทำกัน เช่นว่า "ข่าวนี้ได้รับรายงานมาจากแหล่งข่าว ที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน" เป็นต้น เพราะถ้าต่างคนต่างไปสัมภาษณ์ต่างคนต่างนำเสนอข่าว มันก็จะมีความคลาดเคลื่อนแบบที่ผ่านมาไม่จบไม่สิ้น ซึ่งผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงคือผู้เสพข่าวสารนั่นเอง

ยกตัวอย่างสมมุติว่า หากมีคนในครอบครัวออกไปซื้อของอยู่ข้างนอกพอรู้ว่าเกิดระเบิดแต่กลายเป็นว่ารายงานข่าวแจ้งในตอนต้นว่าเป็นแก๊สระเบิด ผมเชื่อว่าหลายคนยังคงวางใจที่จะไม่โทรหาคนในครอบครัวให้รีบกลับบ้าน เนื่องด้วยคิดว่าเหตุที่เกิดเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ในทางตรงกันข้ามหากข่าวนำเสนอว่าเป้นคาร์บอมผมเชื่อเหลือเกินว่าทุกคนจะรีบติดต่อคนในครอบครัวหรือแม้แต่คนที่รักให้รีบไปอยู่ในที่ปลอดภัย

อีกข้อเท็จจริงอีกเรื่องที่ควรจะต้องพูดถึงคือการวางแผนประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกส่วนไม่ว่าตำรวจ ทหาร ปกครอง ท้องถิ่น รวมทั้งอาสาสมัครจากทุกๆภาคส่วน สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น สิ่งที่ผมได้ไปเห็นและประสบด้วยตัวเองจากการได้เข้าไปช่วยเหลือเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยคือความสับสนในการประสานงาน จึงกลายเป็นว่ามีความซ้ำซ้อนกันในบางจุดที่เข้าไปช่วยเหลือ ในทางตรงกันข้ามบางจุดกลับขาดแคลนบุคคลากรที่จะเข้าไปช่วยเหลือ ในกรณีแบบนี้ ที่เหมาะสมที่สุดในการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่ถูกต้องที่สุดคือให้จัดตั้งกองอำนวยการร่วมครับ กองอำนวยการร่วมจะมีหน้าที่ประสานหัวหน้าชุดของแต่ละชุดแต่ละหน่วยว่าให้ใครไปทำอะไร ตรงไหน เมื่อไหร่ และหากติดขัดปัญหาอะไรก็ประสานผ่านกองอำนวยการร่วมเพื่อประสานหน่วยงานอื่นเข้าช่วยสนับสนุนได้ง่ายขึ้น และเช่นกันครับเมื่อมีกองอำนวยการร่วมแล้วทุกหน่วยงานที่จะเข้าไปในพื้นที่ต้องรายงานกองอำนวยการร่วมเสียก่อน ไม่ว่าจำนวนอัตรากำลัง ขอบเขตความสามารถในการเข้าพื้นที่หรือขอบเขตความสามารถในการสนับสนุนภารกิจเป้นต้น ทั้งหมดต้องรายการให้กองอำนวยการร่วมทราบก่อนเข้าพื้นที่ด้วยเหตุผลเดียวคือประโยชน์สูงสุดในการบริหารจัดการความช่วยเหลือ

แนวทางที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ล้วนไม่สามารถจะทำทันทีหากไม่มีการวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อน จึงอยากเสนอผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนำไปเสนอเพิ่มเติมในแผนงานเพื่อพิจารณาในวาระต่อๆไปด้วยครับ

ผมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับท่านผู้มีความรู้ ความสามารถคนนึงในการวางแผนงานเกี่ยวกับความมั่นคง ท่านแสดงความคิดเห็นในการตั้งคำถามที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงอยากให้ทุกคนได้ลองพิจารณาหาคำตอบเช่นเดียวกับตัวผม ใจความมีประมาณว่า "ในช่วงเวลาที่หาดใหญ่สิ้นเสียงระเบิดผ่านพ้นมาสี่ห้าปีนั้น จนมาถึงการระเบิดในครั้งนี้ ที่ผ่านมาเราเฝ้าระวังป้องกันดี หรือ แค่พวกมันยังไม่ลงมือ"

สุดท้ายนี้ ไม่ได้อยากให้ทุกคนตื่นตระหนกแต่เราต้องยอมรับความจริงว่าการที่เราเรียนรู้จากผู้ก่อการเพื่อหาแนวทางป้องกันหรือตอบโต้นั้น ผู้ก่อการเองก็เรียนรู้การปฎิบัติต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของเจ้าหน้าที่เช่นกัน จึงเป็นเรื่องที่ไม่แน่ว่าเหตุที่เกิดขึ้นล่าสุดนั้น เป็นเพียงการที่ผู้ก่อการตั้งใจก่อเหตุเพื่อจะเฝ้าดูการทำงานของเจ้าหน้าที่เรา เพื่อจะเอาช่องว่างที่เกิดจากการปฎิบัตินั้นมาทำร้ายเราต่อไปในเร็ววันนี้ ดังนั้นหากจะเป็นไปได้เราต้องอุดช่องว่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเมื่อเราทำได้นั่นถึงจะเรียกว่าการป้องกันครับ 

เจริญ

...



..มาดูเอกภาพของฅนเล่นเวบกิมหยง.. ส.โอ้โห ส.ก๊ากๆ

puiey

ผมว่าคนยะลาโดนบ่อย เลยสามารถควบคุมสถานะการณ์ได้ดี ประชาชนไม่แตกตื่น ซึ่งตรงนี้เค้ามีมากกว่าคนหาดใหญ่ครับ อีกอย่างจำนวนประชากรก็ไม่เท่ากันนะครับ การควบคุมดูแลก็ย่อมต้องเข้มข้นกว่า และใช้ทรัพยากรณ์มากกว่าด้วย นี่คือความต่างของเหตุการณ์ในยะลา กับหาดใหญ่ ถ้าคนหาดใหญ่โดนบ่อย คงจะูสามารถควบคุมสถานะการณ์ได้ดีกว่าเหตุล่าสุดนี้ เหมือนกับคุณไม่เคยขับรถไปชนใคร กับคนที่เคยชนมาแล้ว ความสามารถในการควบคุมสติ อารมณ์ก็ต่างกัน การหาวิธีแก้ปัญหาก็ต่างกัน เนื่องจากประสบการณ์ที่ไม่เท่ากัน ทั้งหมดที่เสนอความคิดเห็นมานี้ไม่ได้ต้องการให้คนหาดใหญ่โดนระเบิดบ่อย ๆ นะ แค่จะบอกว่า มันต่างสถานที่ ต่างเวลา และต่างประสบการณ์ ย่อมมามีผลต่อการควบคุมสถานะการณ์ทั้้งสิ้นครับ  และผมเชื่อว่าจากประสบการณ์ครั้งนี้จะเพิ่มการป้องกันตัวเองให้มากขึ้น เพิ่มวิธีรับมือ และแก้ปัญหามากขึ้น แต่ก็ไม่รู้จะมากพอที่จะรับมือได้มากน้อยแค่ใหน เพราะนอกจากภาครัฐแล้ว ประชาชนทุกคนก็ต้องมีส่วนร่วม อย่างน้อยก็ระวังตัวเอง และสังเกตเพื่อที่จะเอาตัวรอดเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ความสูญเสียก็คงจะน้อยลงครับ
โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ