ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

นาทีชีวิตพ่อช่วยลูกกลางกองเพลิง-คนบันเทิงหนีตายโกลาหล

เริ่มโดย โอเลี้ยงยกล้อ, 09:42 น. 04 เม.ย 55

โอเลี้ยงยกล้อ



นาทีชีวิตพ่อช่วยลูก-คนบันเทิงหนีตาย
นาทีชีวิตพ่อช่วยลูกกลางกองเพลิง-คนบันเทิงหนีตายโกลาหล : สุพิชฌาย์ รัตนะ รายงาน
            รุ่งเช้าหลังผ่านวันแห่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเมืองหาดใหญ่ นักเรียนชั้นมัธยมปลายคนหนึ่งกว่าจะผ่านค่ำคืนอันแสนโหดร้ายมาได้ ถึงกับอั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะภาพการหนีตายอย่างอลหม่านยังฝังอยู่ในความทรงจำชนิดไม่คิดว่าจะมีลมหายใจกลับมาพบครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง
   
             ฐาปนวิชญ์ พรหมทอง หรือ "น้องเพาเวอร์" อายุ 16 ปี นักเรียนโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย (ญว.) เล่านาทีเป็นนาทีตายก่อนถูกนำส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ จากอาการสำลักควันว่า เป็นปกติที่วันหยุดสุดสัปดาห์ที่โรงแรมแห่งนี้จะมีนักท่องเที่ยว รวมถึงบรรดาเด็กวัยรุ่นเข้าไปรวมตัวทำกิจกรรมเป็นจำนวนมาก เพราะที่นี่เป็นแหล่งกิจกรรมของคนรุ่นใหม่ กอปรกับมีการจัดงานของหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนอีกด้วย ทำให้วันนี้มีคนเข้ามาใช้บริการภายในห้างหนาตามากกว่าปกติเป็นเท่าตัว
   
             "วันนี้ผมมาร่วมกิจกรรมแคสติ้งนักแสดงหน้าใหม่ของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ซึ่งมีเด็กหนุ่มชายหญิงเข้ามาร่วมทำกิจกรรมราว 200 คน ที่บริเวณชั้น 4 ของโรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า กระทั่งกิจกรรมดำเนินมาจนเกือบบ่าย เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยให้ผู้เข้าร่วมพักรับประทานอาหาร"
   
             น้องเพาเวอร์ กล่าวต่อว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ได้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น 2ครั้ง ในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งสิ่งที่สัมผัสได้ทันทีคือแรงสั่นสะเทือนราวกับอาคารสั่นไปทั้งหลัง ไม่เพียงเท่านั้นยังสัมผัสได้ถึงลมที่มีอุณหภูมิร้อนสูงวูบผ่านเข้ามาปะทะใบหน้า พร้อมกับกลิ่นดินประสิวก่อนที่จะเห็นประกายไฟพุ่งมาจากบันไดเลื่อนชั้น 3 จากนั้นไม่นานรอบตัวก็เต็มไปด้วยควันสีดำเพิ่มขึ้นทีละนิดๆ จนกระทั่งมองแทบไม่เห็นอะไร
   
             "ชั้น 4 เป็นชั้นสุดท้ายของโรงแรมที่ใช้เป็นห้างสรรพสินค้า ด้านล่างไม่สามารถลงไปได้ เพราะขณะนั้นเต็มไปด้วยประกายไฟและความร้อน ดังนั้นท่ามกลางเสียงกรีดร้องและตกใจ ก็มีเสียงสตาฟฟ์ผู้จัดกิจกรรมได้ตะโกนบอกวัยรุ่นราว 200 คนให้นอนหมอบแล้วโยนเป้ หรือสัมภาระที่ไม่ใช่ของตัวเองออกไปให้ไกล ก่อนจะบอกให้เด็กผู้ชายรวบรวมขวดน้ำก่อนพรมผ้าเช็ดหน้าแล้วพยายามให้ตั้งสติ"
   
             จากนั้นชายคนดังกล่าวพยายามให้ทุกคนคลานหมอบตามกันไปเพื่อหาเส้นทางออกฉุกเฉิน โดยจะไปให้ถึงบันได้หนีไฟที่เชื่อมกับตัวอาคารในส่วนที่เป็นโรงแรมที่พัก ซึ่งจะพากันไปในชั้นที่สูงที่สุดพร้อมทั้งเรียกขอความช่วยเหลือ แต่ทุกอย่างไม่เป็นดั่งที่คาดการณ์เพราะภายในขณะนั้นมองไม่เห็นอะไรเลย รวมทั้งสปริงเกลอร์ก็ไม่ทำงาน ไฟบอกทางประตูฉุกเฉินก็ไม่มี ขณะเดียวกันเพื่อนๆ หลายคนเริ่มอ่อนแรงให้เห็น
   
             "ขณะนั้นทุกคนเริ่มโทรศัพท์ติดต่อกับคนภายนอก บางคนก็ร้องไห้ บางคนก็ยังพยายามหาทางออกไม่ลดละ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นใจ เพราะเมื่อเราเจอทางออกฉุกเฉินปรากฏว่าประตูถูกล็อกด้วยกุญแจถึง 2 ชั้น ซึ่งผมเองขณะนั้นก็เริมล้าอีกทั้งน้ำในขวดก็หมดจึงตัดสินใจโทรศัพท์หาพ่อ"
     
             เด็กหนุ่มเล่าต่อว่า ขณะคุยโทรศัพท์บอกพ่อ พยายามเตือนตลอดว่าเราไม่เป็นอะไรมาก พยายามจะออกไปให้ได้ ซึ่งสัญญาณปลายสายก็บอกกลับมาให้รอก่อน เพราะพ่อกำลังหาทางเข้ามาด้านใน ช่วงนั้นมีการสนทนาเป็นระยะกระทั่งเวลาล่วงเลยเกือบชั่วโมง เริ่มรู้สึกไอและสำลักควัน พร้อมทั้งเกิดอาการมือชา หน้าชา ตาพร่ามัว และเริ่มหมดแรงคิดว่าคงไม่รอดแน่ จึงตัดสินใจส่งข้อความสั้นผ่านโทรศัพท์ถึงพ่ออีกครั้งว่า
   
             "พ่อครับผมรักพ่อ ฝากพ่อบอกแม่และน้องพิมด้วยครับว่าผมรักทุกคน"
   
             จากนั้น "น้องเพาเวอร์" ได้กอดคอกับเพื่อนและเริ่มบอกลา เพราะทุกคนคิดว่าไม่มีทางรอดแน่นอน เพราะได้พยายามถึงที่สุดแล้ว แต่ทุกอย่างยิ่งดูมืดมนเหลือเกิน ที่สำคัญนาทีสุดท้ายก่อนสิ้นลมสิ่งที่เห็นคือสัญชาตญาณของมนุษย์ที่พยายามหาทางรอด บางคนก็แย่งน้ำดื่มของผู้หญิง บางคนก็เหยียบคนอื่นเพื่อตะเกียกตะกาย ในขณะเดียวกันก็ยังเห็นมิตรภาพของความรักที่มอบให้กัน
   
             แต่สำหรับ กฤษฎิ์ พรมทอง ชายรุ่นใหญ่วัยกลางคน ในฐานะผู้อำนวยการสโมสรหาดใหญ่ เอฟซี บอกว่า ข้อความสั้นผ่านมือถือจากลูกชาย คือน้องเพาเวอร์ แม้จะทำให้นาทีนั้นทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะไร้ค่า และมืดดำไปหมด แต่ยังไม่ยอมหมดหวังจนกว่าจะได้เห็นหน้าบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน จึงพยายามฝ่าหมอกควันเดินหน้าลุยหาลูกชายที่ติดในอาคารพร้อมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิท่งเซี่ยเซี่ยงตึ๊งอย่างไม่ลดละ
   
             "ผมได้รับโทรศัพท์จากลูกชาย ขณะจะเดินทางไปกับนักฟุตบอลเพื่อแข่งขันศึกดิวิชั่น 2 โซนภาคใต้ ซึ่งได้ยินน้ำเสียงรู้ว่าสถานการณ์ของเขาไม่สู้ดี จึงวกรถกลับมายังที่เกิดเหตุทันที"
   
             กฤษฎิ์ เล่าอีกว่า ขณะนั้นภาพตรงหน้าคืออาคารที่มีควันดำก้อนมหึมาปกคลุม และมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเพียงไม่กี่ชีวิต การเข้าไปภายในทำได้ยาก เต็มไปด้วยไฟและควัน แต่ก็เข้าไปได้เกือบถึงตัวลูกชายและพยายามเรียกตะโกน กระทั่งเริ่มได้ยินเสียงตอบกลับของผู้ที่ติดอยู่ภายในจึงตัดสินใจออกมาด้านนอก เพื่อหาอุปกรณ์เข้าไปพังประตูเนื่องจากทางหนีไฟถูกล็อกด้วยกุญแจ 2 ชั้น
   
             "ผมได้ยินเสียงลูกชายตอบกลับมาน้ำตาแทบไหล เราทยอยพาทุกคนออกมาจนผมมีโอกาสได้กอดลูกชายอีกครั้ง" กฤษฎิ์เล่าพร้อมน้ำตาร่วง
   
             หลังเหตุ "คาร์บอมบ์" โรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า กลางใจเมืองหาดใหญ่ คนวงการบันเทิงถ่ายทอดนาทีชีวิต นาทีแห่งหายนะเริ่มต้นขึ้นทันทีที่ควันไฟพวยพุ่งไปทั่วโรงแรม ซึ่งจัดกิจกรรมเฟ้นหานักแสดงหน้าใหม่ในละครน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ของช่อง 3 นักแสดงสาว "โบว์" โชติมา นวคุณากร เล่านาทีระทึกขวัญว่า ตกใจและช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างที่กำลังลงมากินอาหารกลางวันที่ซิซซ์เล่อร์ กับผู้จัด "หน่อง" อรุโณชา ภาณุพันธุ์ และนักแสดงรุ่นใหญ่ "หยา" จรรยา ธนาสว่างกุล และทีมงาน ได้ยินเสียงตูมดังมาก แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจึงรีบหนีตายไปทางบันไดหนีไฟ
   
             "ช่วงประมาณบ่ายโมงได้ยินเสียงตูมดังมาก แล้วตึกก็สั่น สักพักมีควันไฟเยอะมากทุกคนยืนดูว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะไม่รู้ว่าข้างนอกคืออะไร โบว์ยกมือขึ้นไหว้ขอหลวงปู่ทวดให้พระคุ้มครอง และขอให้แม่ปลอดภัย เพราะคุณแม่โบว์มาด้วย โบว์ก็เป็นคนหาดใหญ่ แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมาก และเป็นเสี้ยวนาทีชีวิตจริงๆ" นักแสดงสาวเล่า
   
             ด้าน "กระต่าย" หญิง แปงอ้วน น้องสาวของ กระแต อาร์สยาม ที่ไปโชว์คอนเสิร์ตในงานอีเวนท์ บอกว่า ขณะพักผ่อนอยู่ที่ชั้น 30 ได้ยินเสียงตูมดังมากจนตึกสั่น ตกใจมากจนลืมว่าไม่ควรที่จะใช้ลิฟต์ ตอนนั้นลิฟต์สั่นไปหมด แต่พอออกมาจากลิฟต์ไปอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรม ภาพที่เห็นเหมือนในทีวี คือข้าวของกระจัดกระจาย กำแพงแตก แล้วปรากฏว่าลิฟต์ที่ออกมาเกิดระเบิดขึ้นทำให้กลัวมาก
   
             "ทุกอย่างดูวุ่นวายมาก เห็นบางคนออกมาตัวดำ บางคนมีเลือดออกจมูกกับปาก หนูเอาผ้าไปเช็ดให้เขา สักพักมีพี่หน่วยดับเพลิงมาช่วย หนูและแดนเซอร์ลงมา ควันยิ่งเพิ่มขึ้น หนูเอาผ้าชุบน้ำปิดจมูก แต่หายใจไม่ออก เราเลยยทุบกระจกเพื่อระบายอากาศ ทุกคนตกใจกันมาก คิดว่าไม่รอดแน่ แต่ใจดีสู้เสือ พยายามเดินออกมาด้านล่าง เพราะกลัวจะมีระเบิดขึ้นมาอีก" ลูกทุ่งสาวเล่าประสบการณ์ระทึก

118นาทีชีวิต "สาวทวิตเพิล"ในลี การ์เดนส์...รอดเพราะทวิตเตอร์

             หญิงสาวผู้ใช้ทวิตเตอร์นาม @NuPink หนึ่งในผู้ที่ติดอยู่ในเหตุการณ์ระเบิดที่โรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา เธอได้ทวิตเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เธอได้ประสบตั้งแต่เกิดการระเบิดขึ้น จนกระทั่งเรื่องราวของเธอได้รับการแชร์จากผู้คนและสื่อทางทวิตเตอร์ และได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัยในท้ายที่สุด

             ชาวทวิตเพิลคงตกใจไม่น้อย เมื่อได้พบเห็นข้อความแรกของเธอในไทม์ไลน์เวลา 13.14 น. "ช่วยด้วย ลีการเด้นชั้น4" และอีกหลายข้อความตามมา ที่แม้จะเป็นเพียงข้อความสั้นๆ แต่ผู้ติดตามข่าวเหตุบอมบ์กลางเมืองหาดใหญ่มาตั้งแต่เริ่มก็พอจับใจความได้
   
             13.22 น. เธอทวิตข้อความว่า "อยู่เป็นร้อย" ซึ่งแสดงถึงผู้ร่วมชะตากรรมที่อยู่ในละแวกเดียวกับเธอ อีกทั้งยังทวิตเล่าด้วยว่าที่เธออยู่ ณ ตอนนั้นสภาพอากาศที่ร้อนมาก ตามด้วยทวิตข้อความขอความช่วยเหลือสั้นๆ อีกเป็นระยะ ถัดมาแค่นาทีเดียวเจ้าของทวิตเตอร์ @NuPink ทวิตข้อความ "ดับไฟที" เพราะเหมือนว่าไฟได้เริ่มลุกไหม้จนเธอรู้สึกได้ว่าเริ่มใกล้เข้ามาถึงที่เธออยู่ 
   
             13.27 น. เธอทวิตความรู้สึกตอนนั้นว่า "มืดไปหมด ได้แต่รอความหวัง" เริ่มมีผู้คนชาวทวิตเตอร์แชร์ข้อความของเธอ ทั้งตอบคำถามและให้คำแนะนำวิธีเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ขณะนั้นมากมาย จากการตามอ่านทวิตเตอร์ถัดมาของเธอ พบว่าเริ่มมีควันมากขึ้นจนทำให้เธอเริ่มหายใจลำบาก ต้องการน้ำอย่างมาก และใช้ผ้าชุบน้ำในการช่วยเหลือตัวเอง
   
             จนกระทั่งเวลา 13.54 น. มีข้อความจากผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส @sirima_ThaiPBS ได้เข้ามาถามข้อมูลรายละเอียด โดยเธอตอบกลับไปว่าได้ติดอยู่ที่ด้านหลังชั้น 4 หลังจากนั้นก็ได้อัพโหลดรูปถ่ายลงทวิตเตอร์พร้อมข้อความ "ควันหนา" เธอได้ลดการโพสต์ข้อความลงเพื่อรักษาแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ แล้วได้หนีขึ้นไปอยู่ชั้น 8 จากโพสต์ข้อความของเธอเมื่อเวลา 14.48 น.
   
             และ 24 นาทีถัดมา เธอได้โพสต์ข้อความว่า "ปลอดภัยค่ะ ขอบคุณทุกคน" เป็นการปิดฉากไทม์ไลน์นาทีชีวิต จากเหตุการณ์ระเบิดที่โรงแรมลี การ์เดนส์
   
             จากนั้นเธอได้พักการทวิตไปหลายชั่วโมง จนได้เริ่มกลับมาตอบข้อความขอบคุณชาวทวิตเตอร์ในวันถัดมา และได้ทวิตกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เธอประสบว่า "เป็นเหตุการณ์ที่เหมือนฝันไป ไม่อยากเชื่อว่าจะเจอกับตัว ความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อมจริงๆ"
   
             การรอดชีวิตของเธอ ด้านหนึ่งได้สะท้อนถึงพลังเล็กๆ ของโลกเทคโนโลยีและกระแสโซเชียลมีเดียที่เชื่อมผู้คนถึงกัน และมันใช้ได้ดีอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งอุบัติภัย! ไม่ผิดนัก หากจะบอกว่าเธอกับผู้ร่วมชะตากรรมบางส่วนรอดมาได้ เพราะความช่วยเหลือจากเครือข่ายสังคมออนไลน์โดยแท้
..............

(หมายเหตุ : นาทีชีวิตพ่อช่วยลูกกลางกองเพลิง-คนบันเทิงหนีตายโกลาหล  : สุพิชฌาย์ รัตนะ รายงาน)
ที่มาข่าว : http://www.komchadluek.net

ธรรมในใจ

สงสารเด็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องราวใดๆ ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้  ใจดำเหมือนไม่ใช่คนที่ทำได้ลงคอ  แม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆ ยังรักชีวิตมันเองเลย

ทุกคนจนจำไว้

มันเป็นการกระทำของพวกซาตาน ที่ปะปนกับ มนุษย์
ซาตานคือสิ่งชั่วราย ไม่มีรูปแบบแน่นอน บางทีอาจแฝงมาในทีท่าที่ดีของมนุษย์

ทางออกฉุกเฉินถูกล็อก

อยากให้เจ้าของโรงแรมออกมาแถลง  แสดงความรับผิดชอบ  ว่าจริงหรือไม่  เพราะเกือบตายหมู่เพราะควันไฟ

นายไข่นุ้ย

อ้างจาก: ทุกคนจนจำไว้ เมื่อ 10:49 น.  04 เม.ย 55
มันเป็นการกระทำของพวกซาตาน ที่ปะปนกับ มนุษย์
ซาตานคือสิ่งชั่วราย ไม่มีรูปแบบแน่นอน บางทีอาจแฝงมาในทีท่าที่ดีของมนุษย์
ส.สู้ๆ พวกนี้ไม่ใช่คน มันเป็นหุ่น ทำตามคำสั่ง ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

fairy_tale

ภายในขณะนั้นมองไม่เห็นอะไรเลย รวมทั้งสปริงเกลอร์ก็ไม่ทำงาน ไฟบอกทางประตูฉุกเฉินก็ไม่มี     

แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นใจ เพราะเมื่อเราเจอทางออกฉุกเฉินปรากฏว่าประตูถูกล็อกด้วยกุญแจถึง 2 ชั้น



อืม..นะ
หลงทางเสียเวลา   หลงติดฟาเสียอนาคต

Ning Zaa


คนหาดใหญ่ในพังงา

อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยคะ  ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะและขออนุญาตสาปแช่งผู้วางระเบิดให้ตายวันตายคืน

puiey

ร่วมสาปแช่งการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายด้วยคนนะครับ
โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ