ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

อ่านเกม MARK ZUCKERBERG ผู้ก่อตั้ง FACEBOOK ในยุค META ที่ไม่ META อีกต่อไป

เริ่มโดย kaidee20, 05:11 น. 09 ก.พ 65

kaidee20

ตั้งแต่ Facebook เปลี่ยนแปลงชื่อเป็น Meta เพื่อรันเทรนด์จักรวาลนิรมิตร หรือ Metaverse ทุกๆอย่างที่ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง รวมทั้ง CEO ของบริษัทวาดฝันไว้กลับไม่เป็นไปตามที่คิด

เนื่องจากถึงบริษัทจะมีรายได้รวมปี 2021 เติบโต 20% แต่ว่าก็มาพร้อมข่าวไม่ดีอาทิเช่น ยอดผู้ใช้งานน้อยลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท แล้วก็ธุรกิจส่วน Metaverse ขาดทุนกว่า 3,304 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1 แสนล้านบาท

แถมจากผลประกอบการที่ไม่สู้ดี ทำให้ราคาหุ้น Meta ข้างหลังปิดตลาดวันที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ 2022 ลดลง 26% ราคาธุรกิจการค้าหายไป 2.3 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 8 ล้านล้านบาท

ในภาษาเกม Meta มิได้เป็น Metaverse แต่ว่าเป็น Most Effective Tactics Available หรืออุบายที่ดีที่สุดสำหรับการเอาชนะเกมนั้น ซึ่งบางทีอาจพูดได้ว่า Facebook ในช่วงเวลานี้ไม่ใช่ Meta ของเกม Social Media อีกแล้ว



เพราะเหตุไร Meta ไม่ Meta อีกต่อไป?
เริ่มกันที่จำนวนการใช้งาน Facebook กันก่อน เนื่องจากจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวี่ทุกวัน หรือ Daily Average Users (DAUs) ในไตรมาส 4 ปี 2021 อยู่ที่ 1,929 ล้านบัญชี น้อยลงจาก 1,930 ล้านบัญชี ในไตรมาส 3 ปีเดียวกัน ถือเป็นการน้อยลงของจำนวนผู้ใช้ทีแรกตั้งแต่แมื่อ Facebook ให้บริการมานาน 17 ปี

เหตุผลที่ลดลงคงจะทายใจกันไม่ยาก เพราะเหตุว่ามีตั้งแต่ Facebook เป็นที่นิยมในกลุ่มคนแก่ และก็คนวัยแก่ ส่วนคนสมัยใหม่กลับไม่เลือกใช้งาน, ข่าวไม่ดีเกี่ยวกับการให้ความสนใจเรื่องกำไรมากกว่าความปลอดภัยของข้อมูลของผู้ใช้ และก็การปลดปล่อยให้เกิด Hate Speech โดยตลอดเพื่อกระตุ้นการใช้แรงงานในระบบ

สาเหตุพวกนี้ทำให้ Facebook รักษาอัตรา DAUs ได้ยาก และก็เบาๆสูญเสียความเป็น Meta ในตลาด Social Media ให้กับคู่แข่งขันรายอื่น แม้ Instagram จะยังตอบปัญหาการใช้งานของกลุ่มวัยรุ่นได้ รวมทั้ง Whatsapp ยังมีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง แม้กระนั้นก็เทียบไม่ได้กับปริมาณผู้ใช้ Facebook ที่แค่ลดลง 1 ล้านบัญชี ก็กระทบค่าธุรกิจในทันที

แล้ว Meta จะเดินหน้า Metaverse ได้ใช่หรือไม่?
นับตั้งแต่แปลงชื่อจาก Facebook เป็น Meta เมื่อปลายเดือน ต.ค. 2021 ความขมักเขม้น Metaverse ก็มีเยอะขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ Facebook เบาๆขมักเขม้นกับการรุกตลาด AR รวมทั้ง VR ยกตัวอย่างเช่นการซื้อธุรกิจการค้า Oculus (เดี๋ยวนี้เปลี่ยนชื่อเป็น Meta Quest) เมื่อปี 2014 และพัฒนาจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นหนึ่งในแว่น VR ลำดับที่หนึ่งของโลก

แม้กระนั้นการลงทุนใน Metaverse นับว่าเป็นเรื่องใหม่ และก็ตลาดบางทีอาจยังไม่พร้อมขนาดนั้น เพราะเหตุว่าหากดูกรยได้ Reality Labs หรือธุรกิจใหม่ของ Meta ที่มีกรุ๊ป Metaverse ยอดเยี่ยมในนั้น ในไตรมาส 4 2021 กลับทำเป็นเพียง 877 ล้านดอลลาร์ แต่ขาดทุนถึง 3,304 ล้านดอลลาร์ และก็ขาดทุนทั้งปี 2021 กว่า 9,000 ล้านดอลลาร์

ถ้าไปเทียบกับรายได้ฝั่ง Family of Apps หรือธุรกิจเริ่มแรก ดังเช่นว่า รายได้ประชาสัมพันธ์ Facebook และก็ Instagram ในไตรมาส 4 ทำได้ 32,794 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรถึง 15,889 ดอลลาร์ ส่วนตลอดปีมีผลกำไรถึง 56,000 ล้านดอลลาร์ เรียกว่าการเคลื่อน Metaverse บางทีอาจยังเกิดเรื่องฝันหวานอยู่ถ้าเกิดดูในเรื่องจำนวนเงิน

พัก Anti-Meta ด้วยการกลับมาเน้นวีดีโอ
จากผลประกอบการที่ไม่สู้ดี ทำให้ราคาหุ้นที่ตกฮวบจนกระทั่ง Meta สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ากิจการน้อยลงมากที่สุดภายในวันเดียว งานนี้ Mark Zuckerberg ถึงกับพูดในงานสัมมนาองค์กรผ่านออนไลน์ว่า "พวกเราจะกลับมาย้ำวีดีโอสั้น เนื่องจากเป็นแหล่งรายได้สำคัญภายหลังจากนี้"

งานนี้ศัพท์สำหรับในการเล่นเกมเรียกว่า Meta อาจกลับมาใช้ยุทธวิธี Meta อีกที เพื่อการันตีการบรรลุเป้าหมาย แล้วก็มีผลประกอบกิจการที่ออกมาสวยสดงดงาม พร้อมด้วยพักการ Anti-Meta หรือเปล่าทำตามอย่างยุทธวิธีที่คนอื่นๆทำด้วยการเร่งเครื่องธุรกิจใหม่ แล้วก็กลุ่ม Metaverse เพื่อสร้างรายได้ในอนาคต

นอกนั้นยังส่งแผนต่างๆเพื่อรั้งบุคลากรเยอะมากๆให้อยู่ร่วมกับบริษัทให้นานที่สุด ไม่ไหลออกไปร่วมงานกับคู่ปรับ ยกตัวอย่างเช่น การเพิ่มวันหยุดสำหรับในการปฏิบัติงาน และก็กระตุ้นให้พนักงานใช้วันลาพักร้อนเพื่อบรรเทา และไม่เกิดอาการ Burnout จนกระทั่งไม่สามารถรีดประสิทธิภาพการทำงานออกมาได้เต็มกำลัง

งานหนัก Mark เพื่อทำ Meta ให้ติด Meta
แม้กระนั้นไม่ใช่งานง่ายที่ Mark Zuckerberg จะมีผลให้ Meta กลับมาเป็น Meta ของธุรกิจ Social Media. เนื่องจากว่าทั้งเหตุข้างต้นอย่างเช่น วัยรุ่นมองข้ามการใช้งาน Facebook รวมทั้งการให้ความสนใจเรื่องรายได้มากเกินความจำเป็นกระทั่งทำให้ผู้ใช้ต้องการย้ายออกไปอยู่ใน Social Media รายอื่น

ไหนจะเรื่อง Apple ที่ส่งฟีเจอร์ Do not Track หรือเปล่าให้แอปพลิเคชันต่างๆทราบดีว่าผู้ใช้ถูกใจสิ่งไหน ทุกวันใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อทำอะไรบ้าง กระทั่งกระทบกับวิธีการทำตลาดบริการประชาสัมพันธ์บน Facebook และแอปพลิเคชันในเครือ เพราะว่าทำเงินจากบริการโฆษณาได้ทุกข์ยากลำบากขึ้น

รวมทั้งปัจจุบันราคาหุ้นของ Meta ยังไม่รู้สึกตัวกลับมา สะท้อนให้มองเห็นถึงความมั่นใจในนักลงทุน รวมทั้งคงต้องลุ้นกันว่า Meta จะกลับมาได้หรือเปล่า เนื่องจากถ้าเกิดยังไม่ปรับแก้ ช่องทางที่รายได้จากฝั่งประชาสัมพันธ์ก็อาจต่ำลง ผ่านปริมาณผู้ใช้งานที่ไหลไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ

สรุป
Meta บางทีอาจไม่ Meta อีกต่อไปแล้ว เนื่องจาก Facebook เปลี่ยนเป็นแพลตฟอร์มสำหรับคนวัยแก่ แม้ว่าจะมี Instagram รวมทั้ง Whatsapp คอยช่วยเหลือ แม้กระนั้นโน่นก็ไม่เพียงพอ ฉะนั้นการดึงดูดใจให้คนรุ่นใหม่กลับใช้งานเป็นประเด็นหลัก แล้วก็การยอมกลืนเลือดด้วยการพัก Metaverse แล้วก็กลับมาอยู่ในโลกแห่งความจริงก่อนน่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุด